พระเครื่อง

"หลวงพ่อตามใจ" วัดพญาไม้ พระศักดิ์สิทธิ์ของเมืองราชบุรี

"หลวงพ่อตามใจ" วัดพญาไม้ พระศักดิ์สิทธิ์ของเมืองราชบุรี

21 เม.ย. 2552

วัดพญาไม้ จ.ราชบุรี เดิมมีชื่อว่า วัดพญาใหม่ สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด มีเพียงเรื่องเล่าจากปากต่อปากของผู้เฒ่าผู้แก่สืบต่อกันมาว่า

  ในอดีตมีชายหนุ่มในท้องถิ่นนี้ ไปถวายตัวเป็นมหาดเล็กในวังหลวง จนได้ดิบได้ดี และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นถึงชั้นพระยา

 ด้วยความกตัญญูของพระยาท่านนี้ ที่มีต่อท้องถิ่นกำเนิด จึงได้สละทรัพย์มาสร้างวัดไว้เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา โดยเลือกทำเลที่อยู่ใกล้แม่น้ำแม่กลอง ตอนเหนือของเมืองราชบุรี เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ชาวบ้านจึงเรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดพระยาใหม่

 บริเวณวัดนี้เดิมเป็นป่า มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมจนครึ้ม ให้ความร่มรื่นแก่ผู้ใฝ่หาความวิเวก อันเหมาะแก่สมณเพศที่ใฝ่ศึกษาทางธรรมะ เพราะอยู่ห่างจากความเจริญของตัวเมืองราชบุรี คณะศรัทธาของวัดจึงมีไม่มากนัก วัดจึงอยู่อย่างเงียบสงบมาโดยตลอด

 และด้วยเหตุที่มีต้นไม้ใหญ่ๆ หลากหลายพันธุ์ ทำให้ชาวบ้านเรียกชื่อวัดเพี้ยนมาเป็น วัดพญาไม้ จนถึงทุกวันนี้

 วัดพญาไม้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นวัดในกรมการศาสนา เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๓ หลังจากที่ได้เป็นวัดแล้ว โดยมี หลวงปู่จันทร์ จฺนฺทสโร (พระครูธรรมเสนา) เจ้าคณะสงฆ์แขวงเมืองราชบุรี เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก และมีเจ้าอาวาสสืบต่อๆ กันมาอีกหลายรูป บางช่วงก็ขาดหายไปบ้าง จนมาถึง พ.ศ.๒๕๔๙ คณะสงฆ์จังหวัดราชบุรี แต่งตั้งให้ พระอธิการ อดุลย์ สุธมฺโม เป็นเจ้าอาวาส

 อนึ่ง สมัยที่ พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสต้นไปตามลำน้ำแม่กลอง ขณะผ่านหน้าวัดพญาไม้ ได้รับสั่งให้เรือพระที่นั่งเข้าเทียบจอดที่ศาลาท่าน้ำหน้าวัด แล้วเสด็จประทับพักผ่อนตามพระราชอัธยาศัย บนศาลาวัด เมื่อชาวบ้านได้ทราบข่าวก็พากันมาเฝ้าถวายบังคมกันเป็นจำนวนมาก  

 ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๖๑ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ได้เสด็จฯ มาซ้อมรบใหญ่ที่ จ.ราชบุรี ก็ใช้บริเวณวัดพญาไม้ เป็นที่ตั้งค่ายพักแรมของกองเสือป่า 

 ปัจจุบันจังหวัดทหารบกราชบุรี ได้ใช้บริเวณของวัดเป็นที่ฝึกซ้อมทหาร และฝึกภาคสนามแก่นักศึกษา รด. ตลอดมาจนถึงทุกวันนี้

 สำหรับ พระอธิการอดุลย์ เจ้าอาวาสวัดพญาไม้ เป็นชาวท่าราบ จ.ราชบุรี หลังจากที่บวชแล้ว ได้ไปศึกษาธรรมที่วัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก ต่อมาได้จำพรรษาที่วัดโพธิ์เจริญ ๘ พรรษา ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดพญาไม้ เมื่อปี ๒๕๔๙ จนถึงปัจจุบัน 

 สมัยที่ได้รับการแต่งตั้งให้มาเป็นเจ้าอาวาสใหม่ๆ สภาพวัดทรุดโทรมมาก นับตั้งแต่ กุฏิ ศาลา เมรุ และเสนาสนะต่างๆ ล้วนอยู่ในสภาพใช้การไม่ได้ ครั้นจะหาใครมาช่วยเหลือก็ไม่ได้ ซ้ำร้ายยังมีพวกมิจฉาชีพ เข้ามาป้วนเปี้ยนภายในวัด ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อจ้องหาโอกาสลักขโมยเอาของวัดอีกด้วย จนเจ้าอาวาสเองต้องรับภาระหน้าที่คอยเฝ้าทรัพย์สมบัติของวัดอย่างระมัดระวังมากขึ้น

 พระอธิการอดุลย์ เล่าว่า วันหนึ่ง ได้เข้าไปนั่งอธิษฐานจิตในโบสถ์หลังเก่า ซึ่งมีพระประธานองค์ใหญ่ จนเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ คือ องค์พระประธานมีผิวเปล่งปลั่ง ผ่องใสไปด้วยทองคำเปลว ที่ปิดทับองค์ไว้ จนดูสุกปลั่งสว่างไสว ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาก จึงก้มลงกราบและขอพรว่า

  “หากถึงฤดูกาลกฐิน ที่จะมาถึงนี้ แล้วยังไม่มีผู้ใดมารับเป็นเจ้าภาพ ก็คงหมายความว่า ความตั้งใจที่จะมาดูแลฟื้นฟูวัดนี้ คงทำไม่สำเร็จ และคงต้องขอลาสิกขาเป็นแน่แท้ แต่หากว่ายังจะพอมีบุญหลงเหลือตามที่ได้ตั้งเจตนาไว้ ขอให้มีผู้มาให้ความช่วยเหลือ ให้งานบูรณะวัดได้ประสบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และหากเป็นจริงตามนี้ก็จะขออธิษฐานจิต ขอเป็นทาส เป็นข้ารับใช้พระพุทธศาสนาสืบต่อไปจนชั่วชีวิต”

 หลังจากที่อธิษฐานเสร็จ พระอธิการอดุลย์ก็ยังนั่งอยู่ในโบสถ์ต่อ จนถึงเวลาเช้า
 และเช้าวันนั้นเอง ท่านก็ได้พบกับคุณโยมวินิจ ธันย์ชนกพงศ์ (โยมจุ่น) และภรรยา (โยมสำอาง) ได้เข้ามาที่วัด เพื่อทำบุญให้ญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้ว เลยได้ปรับทุกข์ให้โยมจุ่นฟัง ถึงเรื่องกฐิน ที่ยังไม่มีเจ้าภาพเลย

 โยมจุ่นบอกว่า จะไปปรึกษากับคนที่รู้จักนับถือกันดู เผื่อว่าจะช่วยรับเป็นเจ้าภาพก็ได้
 หลังจากวันนั้นไม่กี่วัน โยมจุ่นก็ได้พา คุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ดาราอาวุโส มาหาที่วัด หลังจากได้ปรึกษาหารือกันแล้ว คุณโยมสะอาดรับปากว่า จะนำคณะดาราศิลปิน นักแสดง และพรรคพวกเพื่อนฝูง มาทอดกฐินที่วัดอย่างแน่นอน

 เมื่อถึงกำหนดวันทอดกฐิน คุณโยมสะอาดก็ได้นำคณะมาทอดกฐินที่วัดตามที่ได้รับปากไว้ โดยมีชาวบ้านมาร่วมงานบุญด้วยอย่างล้นหลาม

 หลายคนบอกว่า วัดพญาไม้ไม่เคยมีผู้คนมาร่วมงานบุญกันมากมายเท่ากับครั้งนี้เลย ทำให้ทางวัดได้รับปัจจัยจำนวนหนึ่ง นำไปใช้เป็นทุนในการบูรณปฏิสังขรณ์โบสถ์ ตามที่ได้ตั้งใจไว้

 คุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ กล่าวเปิดใจว่า จากการเดินทางไปวัดพญาไม้ บ่อยๆ ในช่วงนำคณะไปทำบุญทอดกฐิน วันหนึ่งได้เข้าไปกราบพระประธานโบสถ์หลังเก่า ซึ่งหากมองโดยผิวเผิน จะเห็นเป็นพระธรรมดาๆ แต่หากพิจารณาให้ดี จะมองเห็นถึงความขลังของท่านได้โดยไม่ยากนัก

 พระประธานองค์นี้ ปั้นได้อย่างถูกสัดส่วน ตามพุทธลักษณะทุกประการ ผิวพรรณของท่านดูสุกใสเปล่งปลั่งน่าศรัทธาเลื่อมใส พระพักตร์ พระเนตร พระโอษฐ์ สวยงามมาก และถ้ามองดูให้นานๆ ก็จะเห็นรัศมี (อานุภาพ) ของความเมตตาของท่าน แผ่รังสีออกมาจนเห็นว่า ท่านยิ้มให้

 ใครก็ตามที่กำลังมีความทุกข์ มีความไม่สบายใจ กำลังกลุ้มใจ เดือดเนื้อร้อนใจ หากมีโอกาสได้ไปนั่งสงบจิตสงบใจต่อหน้าพระประธานองค์นี้แล้ว ไม่นานนักก็จะมีความรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดใจที่สุด

 และหากอธิษฐานจิต ขอพรจากท่าน ก็จะได้อย่างสมใจปรารถนา ตามที่ขอไว้ทุกประการ เรื่องนี้มีชาวบ้านหลายคนเคยประสบความสำเร็จสมหวังมาแล้ว

 รวมทั้ง คุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ด้วย จนถึงกับได้ปวารณาตัวว่าจะขอเป็นลูกศิษย์ของท่านไปตลอดชีวิต

 คุณสะอาดบอกว่า "ผมจำได้ว่า ท่านยิ้มให้กับผม จนผมขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัว และวันนั้นเอง ผมได้ขออนุญาตถวายชื่อท่านว่า หลวงพ่อตามใจ ตามพุทธลักษณะของท่าน เพราะคำว่า 'ตามใจ' ถ้านับตามกำลังเลขศาสตร์ ท่านได้ตัวเลขเป็น ๒๑ เท่ากับกำลังของพระศุกร์ ซึ่งหมายถึง การให้ที่สำเร็จลุล่วงด้วยดี หากมีใครมาขอพรอะไรจากหลวงพ่อตามใจ ก็จะได้สมหวัง เพราะท่านจะตามใจให้ตามที่ขอทุกอย่าง ขอให้พิสูจน์ด้วยตัวของท่านเองว่าจริงตามที่ผมบอกหรือไม่ และผมขอยืนยันอีกครั้งว่า ทุกครั้งที่ผมมองไปที่พระพักตร์ของหลวงพ่อตามใจ จะเห็นว่าท่านกำลังยิ้มให้ผมเสมอ"

 สอบถามเส้นทางไป "วัดพญาไม้" ต.โคกหม้อ อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้ที่โทร.๐-๓๒๓๒-๒๖๑๖
    
"บุญนำพา"

พระรูปเหมือนหลวงพ่อตามใจ พบบนเพดานโบสถ์ ด้านหลังของฐานพระมีอักษรย่อ "ว พ ม" (วัดพญาไม้) ขนาดองค์พระกว้าง ๑.๕ ซม. สูง ๒.๕ ซม. เนื้อทองผสม ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง และสร้างเมื่อไร วัดได้นำมาสมนาคุณท่านผู้ใจบุญ บริจาคพรัพย์สมทบทุนค่าซ่อมสร้างหลังคาโบสถ์ ติดต่อได้ที่คณะกรรมการวัดพญาไม้