พระเครื่อง

หลวงพ่อผาคำ 
กับแนวคิด..."ปลูกชวนชมดึงคนเข้าวัด"

หลวงพ่อผาคำ กับแนวคิด..."ปลูกชวนชมดึงคนเข้าวัด"

24 พ.ค. 2554

วัดโพธิ์ศรีสำราญ ตั้งอยู่ ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ปัจจุบันมีหลวงพ่อคำผา ฐานวโร อายุ ๔๕ พรรษา ๒๕ เจ้าคณะตำบลเขต ๑ บ้านบุ่งหมากลาน เป็นเจ้าอาวาส

  ทั้งนี้ หากใครไปวัดนี้เป็นครั้งแรกอาจจะอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า "วัดหรือสวนชวนชมกันแน่" ด้วยเหตุที่ว่าต้นชวนชมหลายพันกระถาง ทั้งต้นเล็กต้นใหญ่วางไว้บริเวณด้านหน้ากุฏิ เรียงรายตามโบสถ์ ศาลาวัด และบริเวณโดยรอบ กำลังออกดอกสีชมพูสวยงามเต็มต้น วางไว้คอยต้อนรับญาติโยมที่เข้ามาทำบุญ หลายคนเห็นได้ชื่นชมความงดงามของดอกชวนชม บางคนสนใจต้องการปลูกก็ยังขอคำแนะนำกับหลวงพ่อคำผาได้  

 ทุกปีช่วงฤดูร้อนในสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ต้นชวนชมเกือบทุกต้นจะแข่งกันออกดอกเต็มต้นให้ญาติโยมที่เข้ามาทำบุญได้ชื่นชม หลวงพ่อคำผา บอกว่า นอกจากจะให้ความสวยงามแล้ว หลวงพ่อยังใช้เป็นกุศโลบายให้ชาวบ้านทั้งในหมู่บ้านบุ่งหมากลาน หมู่ ๑๒  ต.ปะโค อ.กุมภวาปี และหมู่บ้านใกล้เคียง เข้ามาอยู่ในวัด มาพบปะพูดคุยกัน เพื่อได้อยู่ใกล้วัด ใกล้พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

 หลวงพ่อคำผา เล่าให้ฟังว่า สนใจปลูกต้นไม้ทุกชนิดมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๙ ได้บวชพระ ระยะนั้นมีญาติโยมนำต้นไม้มาถวายทั้งไม้ดอกและไม้ผล ในจำนวนนี้มีต้นชวนชมสายพันธุ์ไทยเดิมจำนวน ๒ ต้น เมื่อปลูกลงกระถางยิ่งโต ยิ่งมีรูปทรงสวยงาม ออกดอกให้ชื่นชมเต็มต้น แตกต่างจากไม้ประดับอื่นๆ ที่ปลูกง่าย เป็นต้นไม้ที่อดทน ออกดอกสวยงาม โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง ทำให้หลวงพ่อเพาะขยายพันธุ์ต้นชวนชมใส่กระถางปลูกวางไว้รอบบริเวณวัด ปัจจุบันมีต้นชวนชมกำลังออกดอกสวยงามกว่า ๑,๐๐๐ ต้นเลยทีเดียว

 จากปลูกสายพันธุ์ไทยเดิมเพียง ๒ ต้น เมื่อออกดอก มีฝักจะนำเมล็ดที่แก่จัดมาเพาะขยายพันธุ์ เพื่อทำเป็นต้นตอ เพราะสายพันธุ์ไทยเดิม มีคุณสมบัติหากินเก่ง แข็งแรง และดูแลง่าย ซึ่งตลอด ๒๐ ปี หลวงพ่อหาโอกาสเดินทางไปแลกเปลี่ยนความรู้การปลูกต้นชวนชมกับเกษตรกรในหลายจังหวัด พร้อมกับซื้อกิ่งพันธุ์ดีจากสวนชวนชมในหลายจังหวัด จนได้สายพันธุ์เพชรบ้านนา มาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย เสียบขึ้นตอไทย

 นอกจากเพชรบ้านนาแล้ว ที่วัดโพธิ์ศรีสำราญยังมีต้นชวนชมยักษ์ขนาดใหญ่ๆ จำนวนมาก หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นของการเลี้ยงชวนชมสายพันธุ์ยักษ์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่นำเข้าจากประเทศในแถบตะวันออกกลาง ซึ่งในวัดมี ๒ สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์โซโคทานัม หรือยักษ์เล็ก มีคุณสมบัติของสายพันธุ์คือ โตช้า ออกดอกยาก ต้นมีขนาดเล็ก คล้ายกับการปลูกบอนไซ ส่วนอราบิคัม หรือยักษ์ใหญ่ จะมีลักษณะสายพันธุ์ที่โตเร็ว ออกดอกเร็ว ต้นมีขนาดใหญ่ จะขยายตามขนาดกระถางที่ปลูก คนที่ชื่นชอบการปลูกชวนชม ส่วนใหญ่จะชอบลักษณะของราก โขด ลำต้น และดอก ซึ่งจะมีรูปร่างรูปทรงของแต่ละต้นมีความสวยงามต่างกัน

 หลวงพ่อผาคำยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมามีญาติโยมที่เดินทางมาทำบุญให้ความสนใจเข้ามาซักถามถึงวิธีการปลูกอยู่เป็นประจำ ขณะที่บางรายสนใจขอซื้อไปปลูกที่บ้าน ทั้งนี้จะตอบกลับไปว่าต้นชวนชมที่ปลูกไว้ในวัดไม่ได้ต้องการค้าขาย แล้วแต่ญาติโยมจะศรัทธา ถือเป็นการช่วยกันทำบุญ ซึ่งเงินที่ได้จากชวนชมก็นำมาบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะภายในวัด 

 ขณะเดียวกันการปลูกหรือย้ายกระถางชวนชมแต่ละครั้งต้องอาศัยแรงกำลังพระ เมื่อญาติโยมมาเห็นก็จะระดมกำลังกันเข้ามาช่วยอย่างเต็มใจ จึงทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้เกิดความรักใคร่สามัคคีปรองดอง ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง และยังคอยช่วยกันดูแลต้นไม้ที่ปลูกอยู่ในวัดทุกต้น เหมือนเป็นเจ้าของ และยังนำการปลูกชวนชมมาใช้เป็นคติสอนใจให้ชาวบ้านรู้จักการอดทน รู้จักการรอคอย ก่อนที่จะประสบผลสำเร็จในชีวิต

 "ข้อคิดและคติธรรมจากการปลูกชวนชม คือ ต้องมีความใจเย็น อดทน ยิ่งใจเย็นได้มากเท่าไร ยิ่งทนรอเวลานานเท่าใด ค่าของชวนชมก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น อย่างกับพันธุ์ยักษ์อายุ ๑ ปี ปกติทั่วไปขายได้ประมาณ ๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ บาท ถ้าอดทนรอขายเมื่ออายุได้ ๑๐ ปี ก็จะขายได้ในราคาหลักแสนบาท ทั้งนี้ ระหว่างที่รอต้องบำรุงดูแลรักษาเป็นอย่างดี ใจคนก็เช่นกัน หากฝึกการอดทนกับปัญหาต่างๆ ได้ เมื่อเวลาผ่าานนานขึ้นก็ย่อมทำใจรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ ชวนชมบางต้นราคาอาจจะสูงถึงหลักหมื่น แต่ก็มีสิทธิ์ตายได้ระหว่างรอที่จะขาย คนเราก็เช่นกัน ถ้าดูแลสุขภาพไม่ดีก็ย่อมเจ็บป่วยและล้มตายได้เช่นกัน" หลวงพ่อผาคำ กล่าว

 พร้อมกันนี้ หลวงพ่อผาคำพูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "สร้างพระ ปลุกเสกพระ อาตมาไม่ถนัด งานถนัดของอาตมาคือปลูกต้นไม้ ปลูกชวนชม เพราะวิธีดึงคนเข้าวัดมีหลายวิธี พระรูปใดถนัดหรือเชี่ยวชาญด้านใดที่ไม่เกินเลยจากพุทธบัญญัติ และไม่ผิดพระธรรมวินัย สามารถทำได้ทุกอย่าง โดยปกติแล้ววัดทุกแห่งมีพื้นที่ว่างอยู่แล้ว แต่พระมักปล่อยที่ว่างอย่างไร้ประโยชน์ การปลูกต้นไม่ใช่เรื่องใหญ่"

ชวนชมช่วยสร้างวัด
  หลวงพ่อคำผา แนะนำว่า การเลี้ยงชวนชมยักษ์ต้นใหญ่ๆ ต้องใจเย็น และปุ๋ยที่ใช้ต้องเป็นปุ๋ยธรรมชาติ หากใช้ปุ๋ยเคมีเร่งเกินไปจะทำให้หัวระเบิดได้ ที่สำคัญต้องไม่เร่งให้โตเร็วเกินไป ในการเปลี่ยนดินจะเปลี่ยนประมาณปีละครั้ง พร้อมกับเปลี่ยนกระถางที่ใหญ่ขึ้น เนื่องจากไม้มีขนาดใหญ่ จึงใช้วิธียกขึ้นอย่างระวังและลงมือปลูกในทันที พร้อมกับการจัดรากแบบง่ายๆ ไปในตัว เพื่อไม่ให้รากพันกัน

  ส่วนดินที่ใช้ก็เน้นความโปร่งเป็นพิเศษ และต้องมีการระบายน้ำที่ดี โดยมีส่วนประกอบดังนี้ ดินใบก้ามปู แกลบเผาดำ กาบมะพร้าวสับ และปุ๋ยคอกพวกขี้วัว ขี้ควาย และมีเปลือกถั่วที่หมักจนดีแล้ว ส่วนอัตราส่วนที่ใช้ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูที่หาได้ ที่สำคัญต้องใส่กาบมะพร้าวสับเยอะๆ เพื่อให้ดินโปร่ง แต่การใช้กาบมะพร้าวสับเยอะๆ ก็มีข้อเสีย คือ ดินจะยุบง่ายภายใน ๘-๑๐ เดือน จึงจำเป็นต้องใช้กระถางรองต้นไม้เพื่อป้องกันการยุบตัว ส่วนการรดน้ำหากเป็นหน้าฝนหลวงพ่อก็จะไม่รดน้ำ แต่หากเป็นหน้าร้อนก็จะหลายๆ วันรดครั้ง ซึ่งการรดน้ำมากเกินไปก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม้เน่าง่าย

 ผู้ที่ประสงค์อยากได้ชวนชมไว้เป็นไม้ประดับที่บ้าน หลวงพ่อคำผาบอกว่า ปัจจัยที่ได้จากการขายชวนชมมิได้นำไปไหน ทุกบาททุกสตางค์นำไปสมทบทุนการจัดสร้างห้องน้ำ กุฏิ วิหาร รวมทั้งจ่ายค่าน้ำค่าไฟในแต่ละเดือน พุทธศาสนิกชนท่านใดสนใจ สอบถามหลวงพ่อคำผาได้โดยตรงที่ วัดโพธิ์ศรีสำราญ โทร.๐๘-๖๖๓๙-๗๑๙๐

 "สร้างพระ ปลุกเสกพระอาตมาไม่ถนัด งานถนัดของอาตมาคือปลูกต้นไม้ ปลูกชวนชม เพราะวิธีดึงคนเข้าวัดมีหลายวิธี พระรูปใดถนัดหรือเชี่ยวชาญด้านใดที่ไม่เกินเลยจากพุทธบัญญัติ และไม่ผิดพระธรรมวินัย สามารถทำได้ทุกอย่าง"

0 เรื่อง / ภาพ - กวินทรา ใจซื่อ สำนักข่าวเนชั่น 0