พระเครื่อง

พระเครื่อง “โนเนม”
ของ...พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ

พระเครื่อง “โนเนม” ของ...พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ

14 พ.ค. 2554

"บิ๊กกุ้ย" เป็นชื่อที่สื่อมวลชนเรียก พล.ต.อ. ดร.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้านการบริหาร และอดีตโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากโรงเรียนวิมุตยาพิทยากร ก็เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) และจบปริญญาตรีรัฐประศาสนศาสตร์จากรุ่นที่ ๒๙ จากนั้นก็จบปริญญาโท ด้านการบริหารงานกระบวนการยุติธรรม จากมหาวิทยาลัยอลาบามา และปริญญาเอกด้านอาชญาวิทยาจากมหาวิทยาลัยฟลอริดา สเตท สหรัฐอเมริกา

 “ผู้ช่วยนายเวรรองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายกิจการพิเศษ” เป็นตำแหน่งครั้งแรกของอาชีพตำรวจ ติดยศว่าที่ร้อยตำรวจตรี (ร.ต.ต.) เป็นรองสารวัตรปราบปราม (สวป.) สน.พญาไท เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๘ จากนั้นก็ได้เลื่อนตำแหน่งและได้ใกล้ชิดกับการเมืองมากขึ้น ด้วยการเป็นนายเวรอธิบดีกรมตำรวจ (พล.ต.อ.เภา สารสิน) และผู้ช่วยนายเวรอธิบดีกรมตำรวจ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นทำหน้าที่ดูแลด้านปราบปรามยาเสพติด

 "บิ๊กกุ้ย" กลับเข้ามาสู่การเมืองอีกครั้งด้วยการเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง สมัยรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๔ จากนั้นก็ได้กลับไปสู่หน้าที่ปราบปรามยาเสพติดและกิจการต่างประเทศอีกครั้ง จนกระทั่งได้ขึ้นเป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๖

 หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ ๑๙  กันยายน ๒๕๔๙ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านกิจการพิเศษ จากนั้นในต้นปี ๒๕๕๑ ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แทนที่ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้วยเหตุผลว่ามีความเป็นนักวิชาการมากกว่า

 ต้นปี ๒๕๕๒ ได้รับเลื่อนยศเป็นพลตำรวจเอก (พล.ต.อ.) และดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในกลางปี ๒๕๕๒ หลังจากที่ พล.ต.อ.พัชรวาท เกษียณอายุราชการไป ที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ไม่สามารถสรรหาผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา ทำให้มีข่าวว่า พล.ต.อ.ดร.วัชรพล อาจจะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้เป็นคนต่อไป แต่เจ้าตัวได้ปฏิเสธ และให้เหตุผลว่า ในบรรดาผู้ที่มีคุณสมบัตินั้นตนมีอาวุโสน้อยที่สุด

 "บิ๊กกุ้ย" บอกว่า ตอนที่สอบเข้านักเรียนนายร้อยตำรวจไม่เคยไปบนบานสารกล่าวกับพระหรือเจ้าที่ที่ไหน ด้วยเหตุที่เป็นแค่นักเรียนนายร้อยตำรวจเล็กๆ คิดและหวังเพียงแค่เรียนจบแล้วออกไปทำงานเท่านั้น หลังเรียนจบเข้ามารับราชการแล้วหากมีเรื่องสำคัญในชีวิตจะไปไหว้พระขอพร พระแก้วมรกต และศาลเจ้าพ่อหลักเมือง โดยตั้งจิตอธิษฐานว่า “ขอให้สมปรารถนาในสิ่งที่คิด” ซึ่งก็เป็นไปตามคำอธิษฐานเกือบทุกครั้ง

 หลังเรียนจบก็ได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศในระดับปริญญาโทและเอก ระหว่างเรียนอยู่ที่อเมริกา คิดว่าหากเป็นตำรวจแล้วไม่ก้าวหน้าก็อาจจะลาออกไปเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย แต่เมื่อกลับมาหน้าที่การงานก็เลื่อนตามลำดับ จนกระทั่งเป็นถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตลอดชีวิตรับราชการตำรวจไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะมีช่วงใดที่เลวร้าย เพราะคิดอยู่เสมอว่าชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็โชคดีมากแล้ว

 พระองค์แรกที่นิมนต์ขึ้นคอ คือ พระสมเด็จเผ่า ด้านหลังเป็นตราหน้าหมวกตำรวจ ซึ่งมีคนบอกว่าเป็นพระรุ่นที่มีการทำปลอมมากที่สุดรุ่นหนึ่ง แต่ไม่คิดอะไรมาก เพราะคิดอยู่เสมอว่า “พระเครื่องย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในองค์เสมอ ทุกองค์ทุกรุ่น ทุกวัด เปรียบเสมือนสมมติของพระพุทธเจ้า หากคิดดี พูดดี และทำชอบ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมคุ้มครองตนเองเสมอ”

 ส่วนพระเครื่องที่แขวนติดตัวอยู่ทุกวันนี้ พล.ต.อ.วัชรพล บอกว่า ไม่รู้ว่าเรียกว่าพระอะไร เหตุที่แขวนเพราะเป็นพระเครื่องที่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่นับถือให้มาแขวน โดยบอกเพียงว่าไม่ใช่พระดังมีราคาค่างวดอะไร ขณะเดียวกันโดยส่วนตัวแล้วไม่ได้มีความสนใจพระเครื่องเป็นพิเศษอะไร เพราะเป็นคนที่เรียบง่าย ไม่มีอะไรที่โลดโผนอะไรเป็นพิเศษ ในช่วงที่ทำงานในหน่วยปราบปรามยาเสพติด แขวนพระแก้วมรกตเนื้อทองคำ ซึ่งเป็นพระที่แม่ให้มา แต่น่าเสียดายทำหายไป

 อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ นี้ นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น ๒๙ โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร. พล.ต.ต.อรรถกิจ กรณ์ทอง ผบก.ลำปาง ได้จัดงานประกวดพระ ณ ชั้น ๘ ห้างพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน จ.นนทบุรี โดยมีรางวัลต่างๆ ดังนี้

 รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมยอดเยี่ยม รับถ้วยเกียรติยศ โดย พล.ต.อ.อดุลย์ พร้อมทองคำหนัก ๒ บาท รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมพระยอดนิยม รับถ้วยเกียรติยศ โดย พล.ต.อ.วัชรพล พร้อมทองคำหนัก ๑ บาท รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมพระทั่วไป รับถ้วยเกียรติยศ โดย พล.ต.ต.อรรถกิจ พร้อมทองคำหนัก ๑ บาท รางวัลชนะเลิศแต่ละประเภท รับเหรียญบาตรน้ำมนต์หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ๑ เหรียญ จาก พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผบช.น. รางวัลชนะเลิศแต่ละรายการรับหนังสือ อมตะเกจิคณาจารย์ยอดนิยม ๑ เล่ม

 “ธรรม” ของการเป็นตำรวจ
 พล.ต.อ.วัชรพล ยอมรับว่า ภาพของประชาชนที่มองตำรวจในทางลบนั้น เป็นเรื่องที่มีอยู่จริง เพราะการทำหน้าที่ตามกฎหมายแน่นอนที่สุดว่าต้องไม่เป็นที่พึงพอใจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คนที่ทำผิดหากถูกจับได้อาจจะถูกพ่อแม่พี่น้องโกรธเกลียด ขณะเดียวกันก็เป็นที่พึงพอใจของผู้ที่เสียหาย 

 หัวใจของการเป็นตำรวจ คือ “ความซื่อสัตย์สุจริต” ทั้งนี้ต้องทำงานภายใต้คุณธรรม จริยธรรม และที่ขาดไม่ได้คือ คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน เนื่องจากงานของความเป็นตำรวจต้องมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชน การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายโดยไม่ได้กลั่นแกล้ง มีความชัดเจนในพยานหลักฐาน ก็คงไม่ต้องกลัวอะไร เมื่อทำดีความดีก็คุ้มครองเอง

 นอกจากนี้แล้วยังต้องมีความสามัคคี ตั้งแต่ระดับล่างสุดไปถึงระดับบน ยิ่งในระดับปฏิบัติงานแล้วขาดความสามัคคีเมื่อใดอาจจะหมายถึงขาดลมหายใจก็ว่าได้ ด้วยเหตุที่ว่างานตำรวจต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม ต้องรู้จักการพัฒนาและสร้างสรรค์ให้ทันโลกทันสถานการณ์

 “พระเครื่องย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในองค์เสมอ ทุกองค์ทุกรุ่น ทุกวัดเปรียบเสมือนสมมติของพระพุทธเจ้า หากคิดดี พูดดี และทำชอบ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมคุ้มครองตนเองเสมอ” 

เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู