
"เยือนถิ่นเรือนธรรม" - ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย จากดำริ...'พระอาจารย์อุเทน สิริสาโร'
ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ตั้งอยู่ที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี บนพื้นที่ ๗๐ ไร่ ใช้ระยะเวลาเพียง ๒ ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่มุมสงบ และสวยงามที่สุดใน จ.ราชบุรี โดยการริเริ่มและดำเนินการสร้างโดย พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร หรือที่เรารู้จักกันว่า “พระอาจารย์อุเทน สิริสาโร” เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑ พระอาจารย์อุเทน สิริสาโร ได้มีดำริถือฤกษ์ลงมือก่อสร้าง ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ขึ้น โดยระยะเวลาที่สร้างเสร็จอันเร็วไว เพราะปกติในการสร้างวัดวัดหนึ่งต้องใช้เวลาถึง ๑๐-๒๐ ปี เป็นอย่างน้อย ส่วนสถานที่แห่งนี้ใช้เวลาเพียง ๒ ปี ๑ เดือน กับอีก ๘ วัน นับตั้งแต่วันวางศิลาฤกษ์ โดยในวันนั้นได้มีญาติโยมผู้มีเกียรติ และผู้ที่มีบุญร่วมเป็นประธานในวันวางศิลาฤกษ์ ณ สถานที่แห่งนี้
ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย เป็นสถานที่เงียบสงบ และเหมาะสำหรับการฝึกปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง ห่างไกลความวุ่นวาย และสามารถรองรับคนได้เป็นจำนวนมาก เป็นที่ประดิษฐานองค์สมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิสมมุติราช มหามัยมุนี ถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่สวยและงดงามที่สุดของเมืองไทย
ทั้งนี้ พระอาจารย์อุเทน มีความตั้งใจว่า จะทำเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่อาศัยหลักความจริงเพื่อหาทางหลุดพ้นทุกประการในการสอนและการปฏิบัติ มีการปฏิบัติในอิริยาบถต่างๆ ทั้งนั่งสมาธิ ยืนสมาธิ หรือเดินจงกรม อีกทั้งยังเป็นสถานที่อยู่กรรม หรือการฝึกเจริญวิปัสสนากรรมฐานอย่างอุกฤษฏ์ เพื่อเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ยังเป็นสถานที่ฝึกอบรมจริยธรรม และทักษะในการดำเนินชีวิตของตัวเอง สถาบัน และองค์กรต่างๆ รวมถึงเป็นสหกรณ์โค กระบือ สำหรับผู้ยากไร้ เป็นสถานที่ตั้งมูลนิธิสิริสาโร โดยมี พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร เป็นประธาน สำหรับเด็กด้อยโอกาส เด็กกำพร้า คนพิการ และผู้ยากไร้
พระอาจารย์อุเทน บอกว่า ก่อนที่จะศึกษาเรื่องวิปัสสนา เราต้องเข้าใจว่า ภูมิที่เราจะเข้าไปศึกษานั้น จุดสำคัญอยู่ที่จิต เนื่องจากพระพุทธองค์ทรงย้ำว่า สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ยิ่งกว่ามือและเท้า เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยากที่สุด ก็คือ จิตของเรานี่เอง "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จได้...ด้วยใจ" ดังนั้นจิตจึงเป็นจุดเริ่มต้น (การรับรู้) เป็นจุดรวม (อารมณ์) และจุดที่สูงที่สุดคือ จิตที่หลุดพ้นและบริสุทธิ์ดีแล้วของพระอริยบุคคลทั้งหลาย
หลักธรรมทางจิต สอนใน ๓ อย่าง คือ ๑.จงรู้จักจิต (ที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด แต่เรายังไม่รู้จักดีพอ) ๒.จงฝึกอบรมจิต (ที่บังคับยากยิ่งและดื้อด้าน แต่ฝึกอบรมพัฒนาได้) และ๓.จงปลดเปลื้องจิต (ที่เที่ยวไปผูกพันกับสิ่งต่างๆ แต่อาจเป็นอิสระได้ ที่นี่และเดี๋ยวนี้)
หลักการปฏิบัติ พึงเจริญ หมั่นปฏิบัติกรรมฐานมี ๒ อย่าง คือ ๑.สมถะกรรมฐาน ได้แก่ ธรรมชาติใดที่ยังให้กิเลสทั้งหลายสงบลง ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า สมถะ และ ๒.วิปัสสนากรรมฐาน ได้แก่ ปัญญาใดที่เห็นแจ้งในสังขตธรรม คือ รูปนาม ว่ามีอาการต่างๆ เป็นสามัญลักษณะ ปัญญานั้น เรียกว่า วิปัสสนา
พุทธบริษัทท่านใดมีใจศรัทธาประสงค์จะร่วมปฏิบัติธรรมที่ ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย สามารถหรือร่วมเป็นเจ้าภาพในการสร้างอุโบสถมหาปรินิพพาน ได้ที่ พระครูสมุห์อุเทน วัดท่าไม้ โทร.๐-๓๔๔๗-๒๔๔๑, ๐-๓๔๘๔-๓๖๐๓ และ ๐๘-๙๔๑๔-๒๒๙๓ หรือที่ www.wattamai.com
"พระพุทธองค์ทรงย้ำว่า สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ยิ่งกว่ามือและเท้า เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยากที่สุดก็คือ จิต ของเรานี่เอง ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ"