พระเครื่อง

"หลวงพี่ป๊อป" 
ภิกษุณีโอท็อปแห่ง...บ้านกรวด

"หลวงพี่ป๊อป" ภิกษุณีโอท็อปแห่ง...บ้านกรวด

11 พ.ค. 2554

ขณะนี้ผู้หญิงไทยที่ได้รับการบวชเป็นพระภิกษุณี ในสายเถรวาท จากศรีลังกา มีแล้ว ๒๐ รูป นับว่ายังไม่มากนัก คนไทยส่วนมากจึงยังไม่รู้จัก และคิดว่าภิกษุณีสูญไปจากพุทธบริษัทสี่ไปนานแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกของการบวชเป็นพระภิกษุณี ยังมีแรงสนับสนุนและกระแสคัดค้านจา

 แม้ว่าจะมีคนบางกลุ่มคัดค้านการบวชภิกษุณี ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา แต่ก็ไม่อาจต้านทานความตั้งใจมั่นที่บริสุทธิ์อันเกิดจากความเข้าใจ สาระแห่งการบวช ตามแนวทางของพระพุทธองค์ การเริ่มต้น รื้อฟื้นภิกษุณีสงฆ์จะช่วยให้ผู้หญิงได้กลับมามีโอกาสในการบวชตามพระธรรมวินัย เหมือนอย่างครั้งหนึ่ง ที่เคยได้รับมาแล้วจากพระพุทธองค์

  "ภิกษุณีสุโพธา" หรือ "หลวงพี่ป๊อป" ซึ่งเพิ่งบวชเป็นพระภิกษุณีได้เพียง ๒ พรรษา โดยจำวัดอยู่ที่วัดป่าลานหินตัด บ้านสายตรี ๓ ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์

 ในการบวชของเธอนั้น ไม่มีกระแสต่อต้านและแรงคัดค้านจากสังคมรอบด้านแม้แต่น้อย แต่มีกระแสสนับสนุน ทั้งเจ้าอาวาสและชาวบ้าน จนมีญาติโยมขนานนามให้เป็น "หลวงพี่ป๊อป ภิกษุณีโอท็อปแห่งบ้านกรวด" เลยทีเดียว

  หลวงพี่ป๊อป บอกว่า วันที่ตัดสินใจว่า จะทิ้งรายได้กว่า ๔๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน มาออกบวชแน่ๆ แล้วนั้น  โยมแม่คัดค้านไว้ด้วยเหตุผลเดิมๆ ที่เป็นห่วงในเรื่องการดำรงชีพในวัด อย่างคนที่ไม่มีลูกหลานดูแล และอีกเหตุปัจจัยใหญ่ในการตัดสินใจออกบวชได้มาจากพระอาจารย์รูปหนึ่ง ที่เพิ่งได้พบท่านเมื่ออายุ ๒๙ ปี ท่านชื่อ หลวงปู่โกโลโกโส อยู่ที่วัดป่าเลไลยก์ อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์

 ท่านสอนว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์ และพบพระพุทธศาสนาเป็นของยาก การทำมรรคผลนิพพานนั้นต้องอาศัยความเป็นมนุษย์ที่ได้มายากนี้ รวมทั้งสนับสนุนการทำที่สุดแห่งกองทุกข์กับทุกคนอย่างเสมอกันทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

 พ.ศ.๒๕๕๒ หลวงพี่ย้ายมาอยู่ที่วัดป่าลานหินตัด ท่านเจ้าอาวาส พระอาจารย์สมบูรณ์ สุมังคโล ท่านให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี นอกจากจะให้ที่พักอาศัยตามควรแล้ว ท่านยังเมตตาให้โอกาสหลวงพี่ในการแสดงธรรม แก่ญาติโยมที่มาวัดอยู่เสมอๆ และยังนำหลวงพี่ไปช่วยงานอบรมในที่ต่างๆ ทำให้ชาวบ้านได้มีโอกาสรู้จัก พูดคุย และ “ได้เห็นพระภิกษุณีตัวเป็นๆ”

 เนื่องจากภาระการเจ็บไข้ได้ป่วยทางกาย ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ อยู่หลายครั้ง ช่วงที่ไม่อยู่วัด  มักจะมีโยมใกล้ๆ วัดโทรมาหาถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ

 ชีวิตหลวงพี่ที่ลานหินตัด ก็เป็นปรกติแบบพระทั่วๆ ไป สวดมนต์วัตรเช้า-เย็น บิณฑบาต ดูแลเสนาสนะบ้าง  ศึกษาธรรมโดยการอ่านเอง และถามเอาจากครูบาอาจารย์บ้าง ทำสมาธิภาวนาบ้าง แสดงธรรมในวันพระบ้าง  สนทนาธรรมกับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนบ้าง กิจวัตรต่างๆ เหล่านี้ ก็ไม่ได้แตกต่างจากพระรูปอื่นๆ ทั่วไป

 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลวงพี่กลับไปอยู่ที่วัดช่วงหนึ่ง พอดีว่าฝรั่งชาวอังกฤษคนหนึ่งได้เมียไทยอยู่ที่บ้านสายตรี ๓ เขาทำบุญขึ้นบ้านใหม่ มีแขกเหรื่อมาร่วมงานกว่าร้อยคน นิมนต์พระไปฉันข้าว ๙ รูป หลวงปู่พงศักดิ์ ซึ่งอยู่วัดเดียวกับหลวงพี่ ท่านบวชมา ๔๑ พรรษา ท่านนั่งเป็นประธาน หลวงพี่นั่งเป็นลำดับสุดท้าย

 ก่อนจะฉันข้าว โยมลุงคนหนึ่งคลานเข้ามาถามหลวงพี่ว่า “ถ้าผมจะนิมนต์หลวงพี่แสดงธรรมนี่ หลวงพี่ขัดข้องมั้ย” 

 หลวงพี่ตอบว่า “หลวงพี่แสดงได้ แต่โยมไปถามหลวงปู่ท่านก่อนนะ”
 โยมลุงคลานไปขอหลวงปู่ให้หลวงพี่ได้แสดงธรรม พร้อมบอกเหตุผลว่า “ผมอยากโชว์คนบ้านอื่น ว่าบ้านเรา  (สายตรี ๓) มีพระภิกษุณี บ้านอื่นเขาไม่มีเหมือนเรา” 

 หลวงปู่ตอบตกลง พร้อมกับเมตตาแนะนำให้หลวงพี่เล่าเรื่องการบวชพระภิกษุณีด้วย วันนั้น หลวงพี่จึงมีโอกาสให้คนหมู่บ้านอื่นได้รู้จักพระภิกษุณี และเนื่องจากงานนั้นเป็นบ้านฝรั่ง หลวงพี่จึง “ต้อง” แสดงธรรมภาคภาษาอังกฤษด้วย ที่ใช้คำว่า “ต้อง” ก็เพราะว่า เราพอจะทำได้ กาลเทศะก็เหมาะควร จึงพิจารณาว่า ควรทำ วันนั้นสอนโยมฝรั่งว่า บ้าน (house) ก็แค่สิ่งก่อสร้าง สิ่งที่สำคัญกว่าคือ สันติสุขของคนในบ้าน ดังนั้นจึงบอกเขาให้ทำ house ให้เป็น home คุยกันนิดๆ หน่อยๆ พอให้ฝรั่งได้มีโอกาสปฏิสันถารกับพระบ้าง และโยมลุงจะได้โชว์เพื่อนๆ หมู่บ้านอื่นด้วย

 พร้อมกันนี้ หลวงพี่ป๊อปยังบอกด้วยว่า “คิดว่าหลวงพี่เป็นบุคคลที่น่าอิจฉามากทีเดียว เนื่องจากว่า แม่ของหลวงพี่ได้ออกบวชพร้อมกับหลวงพี่เลย เรียกว่าเป็นคู่แม่ลูกที่เห็นภัยอันตรายแห่งวัฏสงสารกันจริงๆ แต่สำหรับหลวงพี่ ปีนี้แม่เณรธัมมปณีตา ได้เป็นสามเณรีมาครบสองปีแล้ว และกำลังจะเดินทางไปเข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุณี ดังนั้น ในเดือนมิถุนายนนี้ เมืองไทยจะมีพระภิกษุณีคู่แม่ลูก เป็นคู่ที่สอง ต่อจากคู่ของหลวงย่าวรมัย กับหลวงแม่ธัมมนันทา”

เด็กหญิงห่มผ้าขาวม้าเมื่อวันวาน
 "น.ส.วิมล บุญยง" เป็นชื่อและสกุลเดิมของ "ภิกษุณีสุโพธา" ปัจจุบันอายุ ๓๖ ปี การศึกษา วิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หลังเรียนจบได้ทำงานในบริษัท Delta Electronics Thailand มาตลอด ๘ ปี ในตำแหน่ง Senior Design Engineer และ Customer Service Engineer ปัจจุบันบวชเป็นพระภิกษุณีได้ ๒ พรรษาแล้ว โดยจำวัดอยู่ที่วัตรทรงธรรมกัลยาณี ภิกษุณีอาราม จ.นครปฐม และวัดป่าลานหินตัด จ.บุรีรัมย์

 หลวงพี่ป๊อป เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า ตอนเด็กๆ อายุราว ๔ ขวบ อยากบวชมาก ชอบพระมาก อยากเป็นพระ ตอนนั้นไปเอาผ้าขาวม้าของพ่อมาให้พ่อสอนวิธีห่มจีวรแบบพระให้ แล้วก็ไปเอาขันอะลูมิเนียมมาเดินอุ้มแบบพระบิณฑบาตด้วยอาการสำรวม เป็นที่ขบขันสำหรับผู้พบเห็นมาก ภาพของเด็กผู้หญิงผมเปีย ห่มผ้าขาวม้าอุ้มขันออกเดินบิณฑบาตพร้อมๆ กับเสียงที่เข้าหูมาตลอดว่า “เป็นผู้หญิง บวชพระไม่ได้หรอก”

 ช่วงแรกๆ ของการออกบวช เป็นเพียงมาอยู่คล้ายๆ เด็กวัด ที่ถือศีล ๘ โกนผม ไม่ได้แต่งตัวแบบแม่ชี ตอนนั้นสวมเสื้อขาว กางเกงขาก๊วยสีน้ำตาล ก่อนการบวช มีกฎอยู่ ๑ ข้อ คือ ก่อนจะได้บวชต้องไปอยู่ถือศีล ๘ และศึกษาพระธรรมกับท่านอุปัชฌาย์ก่อนเป็นเวลา ๓ เดือน เพื่อท่านจะอบรม ดูนิสัยและพฤติกรรมโดยรวมแห่งความเป็นนักบวช ก่อนที่จะพิจารณาให้บวชสามเณรี แล้วสามารถกลับมาอยู่ที่เมืองไทยก็ได้ หลังจากนั้นอีก ๒ ปี จึงค่อยกลับไปขออุปสมบทเป็นภิกษุณีอีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดก็ได้ไปบวชที่วัดศรีตุสิตารามายา ประเทศศรีลังกา โดยพระภิกษุณีอุปัชฌาย์ ท่านสัทธา สุมนา ซึ่งเป็นองค์เดียวกับที่บวชให้หลวงแม่ ดร.ฉัตรสุมาลย์ กับภิกษุณีและสามเณรีชาวไทยท่านอื่นๆ 

 "ในการบวชของเธอนั้น ไม่มีกระแสต่อต้านและแรงคัดค้านจากสังคมรอบด้านแม้แต่น้อย แต่มีกระแสสนับสนุนทั้งเจ้าอาวาสและชาวบ้าน จนมีญาติโยมขนานนามให้เป็น "หลวงพี่ป๊อปโอท็อปแห่งบ้านกรวด"

0 เรื่อง/ ภาพ ไตรเทพ ไกรงู 0