
ชั่วโมงเซียน-ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
เรื่องวิชาไสยศาสตร์ และ วิชาการสร้างวัตถุมงคลต่างๆ นั้น มีด้วยกันหลายแขนง วิชาปลัดขิก ก็เป็นวัตถุมงคลอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งอยู่ในแขนงวิชาไสยเวทเช่นกัน เน้นพุทธคุณไปทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ โภคทรัพย์ เป็นหลัก
ปลัดขิก เป็นเครื่องรางของขลัง ที่นับถือกันมาช้านาน ตั้งแต่โบราณเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยเรามีเกจิคณาจารย์ทั้งเก่าใหม่ ไม่ว่าพระสงฆ์ หรือฆราวาส ได้สร้าง ปลัดขิก เอาไว้จำนวนมากมาย ความนิยมมากน้อยต่างกันไป ส่วนที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ก็มีอยู่ด้วยกันหลายคณาจารย์ เช่น ปลัดขิกของหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี ปลัดขิกของหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา ปลัดขิกของหลวงพ่อกลั่น วัดอินทราวาส จ.อ่างทอง ปลัดขิกของหลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ หรือ ปลัดขิกของอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ จ.พระนครศรีอยุธยา อาจารย์ฆราวาส เป็นต้น
การสร้างปลัดขิก ตั้งแต่โบราณ ทำจากวัสดุด้วยกันหลายชนิด เท่าที่พบเห็นก็มีทำจากหินศักดิ์สิทธิ์ ไม้มงคล ทองเหลือง ทองแดง เงิน ทองคำ เขี้ยวสัตว์ เขาสัตว์ งาช้าง และกัลปังหาจากท้องทะเล เป็นต้น
วันนี้ขอพูดถึง ปลัดขิก ของ หลวงพ่ออี๋ พุทฺธสโร วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี ก่อน เพราะถือว่าท่านเป็นพระอาจารย์ท่านหนึ่งที่ทำปลัดขิกขึ้นมาแล้วได้รับความนิยมสูงสุด ในอันดับต้นๆ ซึ่งเชื่อกันว่า ท่านเป็นผู้ทรงเวท ด้านวิทยาคม ในการปลุกเสกปลัดขิกเป็นอันมาก มีความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ เห็นผลทันตา ลงวิชาพุทธคุณ บารมี นะเมตตา โภคทรัพย์ ไว้รอบด้าน
หลวงพ่ออี๋ ในท้องถิ่น อ.สัตหีบ ท่านดังเรื่อง ปลัดขิก ลูกศิษย์ของท่านที่เป็นทหารเรือ และชาวประมงมีมากมาย เขาพากันเรียกปลัดขิกของท่านว่า ปลัดฉลามเมิน
ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๐๘ ณ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โยมบิดาชื่อ ขำ ทองขำ โยมมารดาชื่อ เอียง ทองขำ หลวงพ่ออี๋เป็นบุตรชายคนโต ได้รับการศึกษา และอบรมสั่งสอนให้เป็นกุลบุตรที่ดี เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้อง
บิดาของท่านรับราชการ ตำแหน่งที่ชาวบ้านในสมัยนั้นเรียกว่า นายกอง
ในปี ๒๔๓๓ ท่านมีอายุ ๒๕ ปี ได้บรรพชาอุปสมบท ณ วัดอ่างศิลานอก โดยมี พระอาจารย์จั่น จันทสโร วัดเสม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทิม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์แดง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “พุทธสโร ภิกขุ” แปลว่า “ผู้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า”
หลังจากบวชเป็นพระภิกษุแล้ว หลวงพ่ออี๋ได้อยู่เรียนวิชาการและศึกษาพระธรรมกับพระอาจารย์แดง วัดอ่างศิลานอก ซึ่งเป็นพระเถระที่มีภูมิธรรมสูง ทั้งยังมีวิชาอาคม แก้อาถรรพณ์คุณไสย ตลอดถึงการสักยันต์
พระอาจารย์จั่น พระอาจารย์แดง และพระอาจารย์เหมือน ได้สอนศาสตร์วิชาต่างๆ ให้แก่หลวงพ่ออี๋ ลูกศิษย์ของท่าน จนหมดสิ้น เป็นเวลา ๖ พรรษาเต็มๆ
การที่หลวงพ่ออี๋ท่านมุมานะศึกษาเล่าเรียน จุดประสงค์ก็เพื่อจะนำมาสงเคราะห์ญาติโยม ชาวบ้านผู้เดือดร้อนโดยทั่วไป
ช่วง พ.ศ.๒๔๕๐-๒๔๕๑ หลวงพ่ออี๋ โยมบิดา ตลอดถึงชาวบ้าน ได้ร่วมกันสร้างวัด โดยไปหาไม้สวยๆ ในบริเวณใกล้เคียงมาทำเสา ทำฝา และหาดินเหนียวที่บางปะกง เอาไปเผาทำกระเบื้องมุงหลังคา
การสร้างวัดของท่าน ไม่ถึง ๕ ปีก็แล้วเสร็จ เว้นอุโบสถ วิหาร และศาลาการเปรียญ ซึ่งได้มีการสร้างในเวลาต่อมา วัดที่สร้างขึ้นนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ใน พ.ศ.๒๔๖๓
ปีที่หลวงพ่ออี๋ท่านสร้างวัดนั้น กิตติศัพท์ของท่านได้ขจรขจายอย่างกว้างไกล ในด้านความศักดิ์สิทธิ์ และอภินิหาร ผู้คนพากันหลั่งไหลไปกราบท่านมากมาย มีทั้งที่ต้องการฟังธรรมะ และการปฏิบัติสมาธิกับท่าน บางคนต้องการวัตถุมงคล ก็ได้สมความปรารถนาทุกประการ
ต่อมาท่านได้ออกรุกขมูลอยู่เป็นประจำ เหมือนครูบาอาจารย์ของท่าน และนี่เองเป็นมูลเหตุในการสร้าง ปลัดขิก ของท่าน
เท่าที่ทราบ ปลัดขิก ของ หลวงพ่ออี๋ สร้างจากวัสดุมงคลหลายชนิด อาทิ ไม้กัลปังหา ที่ขึ้นอยู่ใต้ท้องทะเล มีทั้งสีดำ สีแดง สีขาว ซึ่งปัจจุบันปลัดขิกกัลปังหาสีขาว ของท่านเป็นของหาชมได้ยากมาก สันนิษฐานว่า น่าจะสร้างจำนวนน้อย เพราะว่าวัสดุคงหายาก
ส่วนประเภทที่สร้างจากไม้ ท่านได้ใช้ต้นไม้ หรือชื่อต้นไม้ที่เป็นมงคลในตัว เช่น แก่นจากไม้ต้นคูณ แก่นจากไม้ต้นมะขาม แก่นจากไม้ต้นขนุน และไม้อื่นๆ อีกหลายชนิด ซึ่งลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งชาวบ้าน แกะมาให้ท่านลงอักขระ ปลุกเสกให้ก็มีจำนวนมาก
ปลัดขิก ของ หลวงพ่ออี๋ มีหลายขนาด ทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ และตัวปลัดขิกมีลักษณะเดียวกัน คือ เรียวยาว ได้สัดส่วน ปลายหัวปลัดขิกมี ๒ แบบ คือ
แบบแรก ปลายหัวปลัดขิกจะเรียว ออกแหลม เรียกว่า หัวปลาหลด
แบบที่สอง ปลายหัวปลัดขิกจะมีลักษณะมน ออกบาน เรียกว่า หัวหมวกเยอรมัน
โดยเรียกกันตามลักษณะที่เห็น แล้วแต่ใครจะชอบเรียกกันแบบไหน
แต่ที่สำคัญที่สุดของปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ ต้องมีสัญลักษณ์เดียวกันทุกชิ้น คือ อักขระยันต์ที่ลงในตัวปลัดขิกด้านข้าง จะต้องเป็นตัวอักขระขอมอ่านได้ว่า กันหะ เนหะ
ส่วนหัวด้านข้างทั้งสองด้าน จะลงอักขระยันต์ขอมตัว มิ ไว้ทั้งสองข้าง
ตรงกลางหัวปลัดขิก จะลงอักขระยันต์ขอมตัว อุณาโลม
ด้านในด้านบน ติดกับขอบหัวปลัดขิก จะลง พินทุ ซึ่งมีลักษณะเป็นวงกลมเล็กๆ เอาไว้
ทั้ง ๔ จุดนี้ ถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของปลัดขิกหลวงพ่ออี๋
ปัจจุบันนี้ ปลัดขิกของหลวงพ่ออี๋ ได้รับความนิยมสูงสุด คู่มากับปลัดขิกของหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก
ด้านพุทธคุณ นอกจากเชื่อว่า ปลัดขิกของหลวงพ่ออี๋ มีพุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม ให้โชค ให้ลาภ มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตครอบครัวแล้ว ปลัดขิกของท่านยังช่วย ป้องกันภูตผีปีศาจ และ ปัดป้องสิ่งที่เป็นเสนียดจัญไร ได้อีกด้วย
สนนราคา สภาพพอสวย เห็นอักขระยันต์ชัดเจน ดูง่าย ราคาอยู่ในหลักหมื่นขึ้นไป
นุ เพชรรัตน์