
ลิขิตจากใจ - ศาสนา คือ แตกฉานใจตัวเอง
หลวงพ่อพยายามอยากให้คนรู้ว่า คนไม่ได้ตาย คือมันเพียงหลุดออกจากกันเท่านั้นเอง มันไม่มีอะไรตายเลย นี่คือสัจจะ คือของจริง ทุกคนต้องไปอันนี้ นี่แหละคือนิพพาน อันนี้พูดโดยตรง นี่คือนิพพาน นิพพานไม่ใช่อื่นไกล คือความหลุดพ้นอันนี้เท่านั้นเอง แต่คนไม่เข้าใจนิพพา
เมื่อเราดูปัจจุบันเข้า มันก็เลยทันกับความคิดอันนั้น เรียกว่าทุกข์ต้องกำหนดรู้ สมุทัยต้องละ ตัวสมุทัยคือตัวคิดนั่นเอง ตัวคิดกลัว คิดกลุ้มใจ นี่ไม่ต้องคิดเลย เพียงแต่มันคิดขึ้นมาเราเห็น เรามาอยู่กับความรู้สึก มรรคต้องเจริญ ทำบ่อยๆ ทำใกล้ๆ ทำไกลๆ นิโรธทำให้แจ้ง เราก็มาแจ้งความหลุดพ้นตัวนี้นี่เอง มันไม่มีเรื่องอะไร นี่แหละ วัฏสงสารยืนยาวสำหรับคนที่ไม่รู้ธรรม ...
เมื่อก่อน หลวงพ่อเคยไปเรียนมนต์ มนต์ไล่ผี วัวธนูคูหน้าน้อย ไส้หนังบังควัน มนต์ขลัง ปืนยิงไม่ออก มีดพร้าฟันไม่เข้า ท่านว่าอย่างนั้น แต่หลวงพ่อไม่เอา พอหลวงพ่อรู้สมมติ หลวงพ่อก็เลยรู้จักศาสนา ไม่ใช่ศาสนาอย่างที่เราเคยถือมา ศาสนาแปลว่าคำสั่งสอนของท่านผู้รู้ ใครมีความรู้เรื่องอะไรก็ต้องสอน สอนให้เราไหว้ผี สอนเรื่องฤกษ์งามยามดี สอนให้ตาเราดู หูเราฟัง สอนตัวเองนี่แหละ เรียกว่าตัวคนเป็นศาสนา หลวงพ่อเข้าใจ ตัวทุกคนแหละเป็นตัวศาสนา ดังนั้น การไปฆ่าคน ไปตีคน ไปหลอกลวงคนนั้น แปลว่า ไปหลอกลวงศาสนา เป็นบาป หลวงพ่อเข้าใจอย่างนั้น
พุทธศาสนา คือตัวรู้ ตัวสติ ตัวปัญญา ตัวสมาธิ จะว่าตัวอะไรก็รู้แหละ พลิกมือขึ้นก็รู้ ตัวรู้อันนี้แหละเป็นตัวพุทธศาสนา พุทธะจึงแปลว่า ผู้รู้ แต่มันไม่ใช่รู้แต่เฉพาะเท่านี้นะ มันรู้ให้แตกฉานจริงๆ ไม่ใช่แตกฉานนับเม็ดหินเม็ดทราย ไม่ใช่อย่างนั้น คือแตกฉานใจตัวเอง รู้ทุกข์ รู้สุข รู้วิธีทำให้ทุกข์เกิด รู้วิธีทำให้ทุกข์หมด หลวงพ่รู้อย่างนี้ จึงว่า พุทธศาสนา แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม