พระเครื่อง

ชั่วโมงเซียน-ศิลปะพระพุทธรูปความต่างของ...พระยุคสมัย-พระย้อนยุค

ชั่วโมงเซียน-ศิลปะพระพุทธรูปความต่างของ...พระยุคสมัย-พระย้อนยุค

25 เม.ย. 2554

ชาวพุทธได้มีการบูชานับถือพระพุทธศาสนากันมายาวนานกว่าสองพันห้าร้อยปี และได้มีการสร้างพระพุทธรูปบูชา หลังพุทธกาลประมาณ ๖๐๐ ปี ซึ่งเราเรียกศิลปะยุคนี้ว่า ศิลปะคันธราฐ

ส่วนในประเทศไทย บ้านเรานั้นก็มีการสร้างพระพุทธรูปบูชาไว้เป็นตัวแทนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้ามานมนานกว่าพันปีเช่นกัน  ศิลปะยุคแรกที่สร้างในบ้านเรานี้เรียกว่า ศิลปะทวาราวดี เชื่อว่ามีอายุกว่า ๑,๓๐๐ ปี โดยได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะของอินเดียเช่นกัน ขณะเดียวกันศิลปะบางยุคก็ได้รับอิทธิพลด้านศิลปะและวัฒนธรรมจากประเทศเพื่อนบ้านมาผสมผสานอยู่ด้วย

พระพุทธรูปศิลปยุคสมัยทวาราวดี มีการแยกออกเป็นสองยุคด้วยกัน คือ ศิลปะทวาราวดียุคต้น และศิลปะทวาราวดียุคปลาย เมื่อเทียบเป็นทางการสากล เริ่มมีการสร้างพระพุทธรูปสมัยทวารวดีครั้งแรก ประมาณ พ.ศ.๑๒๐๐ ซึ่งได้มีการขุดพบทั่วไปในแถบภาคกลาง ทั้งนี้มีการสันนิษฐานว่า เมืองแหล่งต้นกำเนิดน่าจะอยู่ที่เมืองนครปฐม พระที่พบส่วนใหญ่จะสร้างมาจากเนื้อสัมฤทธิ์ และเนื้อหินแกะ

พระพุทธศิลปะทวาราวดีนั้นมีช่วงระยะเวลาสร้างกันยาวนานหลายร้อยปีเช่นกัน  โดยได้มีการขยายอิทธิพลไปแถบภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคอีสาน แต่ปัจจุบันศิลปะทวาราวดีนิยมสร้างกันน้อยมาก อาจเนื่องมาจากศิลปะขององค์พระท่านเทอะทะ มือเท้าใหญ่โต ไม่ได้สัดส่วน จึงเปลี่ยนไปสร้างพระที่มีศิลปะได้สัดส่วน  สวยงดงามมากกว่าแทน

ส่วนศิลปะยุคศรีวิชัย และศิลปะยุคลพบุรี พระพุทธรูปบูชาทั้ง ๒ สมัยนี้ถือว่า เป็นพระพุทธรูปที่มีศิลปะของความอลังการสูงสุด งดงาม มีรายละเอียดด้านประติมากรรมสูงมาก เรียกได้ว่างานช่างที่แกะพิมพ์นั้น ต้องยกย่องให้ท่านอยู่ในขั้นเทพเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป เทวรูป ปางนั่ง ยืน หรือศิลปะปางต่างๆ ช่างแกะได้งดงาม จนหาจุดตำหนิ ด้านศิลป และรายละเอียดแทบไม่ได้เลย 

ปัจจุบันศิลปะของทั้ง ๒ ยุคนี้ มีการย้อนยุคล้อเลียนแบบ สร้างเป็นพระใหม่นั้นก็ค่อนข้างน้อยมาก อันสืบเนื่องมาจากองค์พระท่านมีรายละเอียดมากเกินไป หรือสาเหตุมาจากเนื้อพระที่มีอายุค่อนข้างมาก และส่วนใหญ่จะเป็นพระที่บรรจุกรุเอาไว้ เนื้อจึงเข้มเขียว เป็นสนิมหยก เวลาจะสร้างล้อแบบพิมพ์ ให้เหมือนค่อนข้างยาก ทำให้มองดูต่างกันมาก จึงอาจเป็นสาเหตุให้ไม่ค่อยมีผู้นิยมสร้างกัน  แต่ที่สร้างล้อพิมพ์เป็นของเก๊  ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป หรือเทวรูป ของทั้ง ๒ ยุคนี้นั้น  มีวางขายกันอยู่มากมายในตลาดพระ

ศิลปะยุคสมัยเชียงแสนและศิลปะยุคสมัยสุโขทัย ศิลปะทั้ง ๒ ยุคนี้  ถือว่าเป็นศิลปะที่มีการสร้างใหม่ล้อแบบพิมพ์ ในภายหลัง มากที่สุดของทุกๆ ศิลปะ วงการพระถือว่าทั้ง ๒ ศิลปะนี้  มีความงดงามด้านศิลปกรรมเป็นที่สุด เป็นการพัฒนาและประยุกต์ด้านศิลปะเชื่อมโยงกันมาโดยไม่ขาดสายด้านพุทธศิลป์เลย คือ จากยุคเชียงแสน  มายุคสุโขทัย ศิลปะมีความอ่อนหวาน ดูคลาสสิก อลังการ  ครบเครื่อง  จึงทำให้เป็นที่นิยมกันมาก การสร้างย้อนยุค หรือล้อแบบพิมพ์จึงเป็นที่นิยมกันมากเช่นกัน ส่วนที่ทำพิมพ์ล้อแบบ (เก๊) นั้นก็ได้รับความนิยมทำกันมาก และทำง่ายกว่าศิลปยุคอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบการลงทุนกับการตลาดแล้ว กำไรดีกว่ามาก กับการลงทุนสร้างพระเก๊ในยุคอื่นๆ

ศิลปะยุคสมัยอู่ทองนั้น ในวงการพระแบ่งแยกออกเป็น ๓ ยุคด้วยกัน คือ ศิลปะอู่ทองยุคต้น อู่ทองยุคกลาง และอู่ทองยุคปลาย แต่ในวงการพระเครื่องนิยมเรียก แบบพิมพ์ของพระพักตร์ (ลักษณะของใบหน้า) ท่านแทนยุค คือ จะเรียกพระศิลปะอู่ทองยุคต้นว่า พระอู่ทองพิมพ์หน้าแก่ ศิลปะอู่ทองยุคกลางเรียกว่า พระอู่ทองพิมพ์หน้ากลาง และศิลปะอู่ทองยุคปลาย เรียกว่า พระอู่ทองพิมพ์หน้าหนุ่ม เป็นต้น

ศิลปะสมัยอู่ทองยุคต้น เป็นพระที่มีศิลปะผสมไปทางศิลปะยุคสมัยลพบุรีเล็กน้อย ยิ่งเป็นศิลปะสมัยอู่ทองสุวรรณภูมิด้วยแล้ว จะมองเห็นชัดเจนว่าคล้ายศิลปะของลพบุรีมาก

ศิลปะอู่ทองยุคต้น วงการพระไม่ค่อยนิยมนำมาสร้างเป็นพระใหม่ย้อนยุค หรือพระล้อเลียนแบบ พระที่สร้างแบบของเก๊ก็พบเจอน้อยมาก สันนิษฐานว่า ศิลปะอู่ทองยุคแรกนี้เป็นพระที่มีอายุค่อนข้างมาก คือ เกือบ ๑,๐๐๐ ปี สนิมพระเนื้อพระจัดจ้านมาก การทำเก๊เลียนแบบจึงทำได้ค่อนข้างยากมาก

ส่วนพระศิลปะอู่ทองยุคกลางและยุคปลายนั้น ได้รับความนิยมสูงมากเช่นกัน มีการทำแบบย้อนยุค เลียนแบบมาบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก ไม่เหมือนกับพระศิลปะของสุโขทัย กับศิลปะเชียงแสนที่นิยมทำย้อนยุคกันมากมายในยุคปัจจุบัน ส่วนของเก๊ที่ทำขึ้นมาหลอกกันนั้น ในตลาดพระมีอยู่มากมาย วางขายอยู่ทั่วไปในตลาดพระเครื่อง และทำเก๊ปลอมได้ค่อนข้างดี การเช่าหาต้องระมัดระวังไว้เป็นที่สุด

ศิลปะสมัยยุคอยุธยา ศิลปะยุคนี้สร้างติดต่อกันมายาวนานเกือบ ๕๐๐ ปี การเล่นหาจึงแบ่งออกได้เป็น ๒ ช่วง คือ ศิลปะอยุธยายุคต้น และอยุธยายุคปลาย พระศิลปะอยุธยาทั้งยุคต้น และยุคปลายนั้น เป็นพระที่พบเจอทั่วไปเป็นจำนวนมาก ศิลปะแบบพิมพ์ แยกออกเป็นหลายรูปแบบมากกว่าศิลปะในยุคอื่นๆ  การนำเอาศิลปะอยุธยาย้อนยุคมาล้อพิมพ์ จึงไม่ค่อยนิยมสร้างกัน จะมีบ้างก็คือประเภทศิลปะทรงเครื่อง หรือศิลปะอยุธยายุคต้นๆ เท่านั้น  ส่วนของเก๊ที่ทำปลอมพบเจอค่อนข้างมาก

ศิลปะยุครัตนะ- ศิลปะรัชกาล 
 
 พระศิลปะรัตนโกสินทร์ ส่วนใหญ่เป็นพระร่วมยุคกันกับศิลปะรัชกาล  จะเน้นสร้างแบบทรงเครื่อง ปิดทองร่องชาด มีทั้งที่เป็นแบบจีวรดอก  และแบบจีวรเรียบ ส่วนมากจะล้อพิมพ์รัชกาลมาก พระศิลปะอยุธยาแบบทรงเครื่อง ยุคเมืองปราสาททอง หรือยุคศิลปะบ้านพลูหลวง พระศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ มีการทำพระเก๊ขึ้นมามากมายหลากหลายพิมพ์ มีการตกแต่งทองบนผิวพระขึ้นมาใหม่ เวลาเช่าหาต้องระวังให้มาก

ศิลปะสมัยยุครัชกาล ถือว่าศิลปะรัชกาลเป็นศิลปะที่ใกล้ตัวเราที่สุด เพราะว่าเป็นศิลปะที่อยู่ร่วมยุคกับเราในปัจจุบัน คำว่า พระรัชกาล หมายถึง พระที่มีการสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ เป็นต้นมา จวบจนปัจจุบัน และมีการสร้างกันเรื่อยมาตลอด ซึ่งมีรูปแบบประติมากรรมมากมายหลายอย่าง ศิลปะเท่าที่พบมีแทบทุกพิมพ์ ที่มีการสร้างรูปแบบประติมากรรมพระมาในพระพุทธศาสนาเลยก็ว่าได้ เป็นพระที่หาเช่าง่าย มีจำหน่ายอยู่ทั่วไป ทั้งนอกทั้งในวงการพระเครื่อง มีช่างแกะพิมพ์หลากหลาย ระดับฝีมือช่างชั้นครู จนถึงฝีมือช่างชาวบ้าน ความละเอียด ความคมชัด ความงดงามมีเสน่ห์ของพิมพ์ทรง ก็มีความแตกต่างกันไป

ศิลปะพระรัชกาลที่ทำย้อนยุคเลียนแบบศิลปะพระในสมัยต่างๆ นั้น เท่าที่พบเจอมากที่สุดก็คือศิลปะในสมัยเชียงแสน และศิลปะสุโขทัย รองลงมาศิลปะอื่นบ้างเล็กน้อย ศิลปะพระบูชาแต่ละยุคแต่ละสมัย แม้แต่พระที่สร้างย้อนยุคหรือล้อแบบพิมพ์มาก็ตาม
 การแยกแยะศิลปะยุคสมัยของพระแต่ละองค์ทำได้ไม่ยากนัก หากว่าเรามีความเข้าใจ เข้าถึงวิธีการดูศิลปะพิมพ์ทรง ดูเนื้อหาสาระของวัสดุที่สร้าง  ดูธรรมชาติของอายุผิวพรรณพระ จุดต่างๆ  เหล่านี้ถือว่าเป็นจุดพื้นฐานที่สำคัญมาก ในการศึกษาและพิจารณาในการดูพระเครื่องพระพุทธบูชาเลยทีเดียว


นุ เพชรัตน์