
'อยากเก่งเรื่องพระต้องหมั่นเดินในสนามพระ'กิตติพงษ์ กลิ่นแก้ว (แหลม) กก.ตัดสินพระชุดหลวงปู่โต๊ะ
วงการเซียนพระ หลายคนมาจากครอบครัวของผู้ยากจน ต้องทำงานหาเงินตั้งแต่เรียนจบชั้นมัธยม หมุนเวียนเปลี่ยนอาชีพไปเรื่อยๆ ตามแต่ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ บางคนต้องอาศัยโชคช่วยบุญบันดาล จนประสบความสำเร็จก็มี
วงการพระนับเป็นอีกสถาบันหนึ่งที่หลายคนเมื่อได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ในศาสตร์ด้านนี้อย่างจริงจังแล้ว มักจะประสบความสำเร็จ และก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ เซียนพระ อย่างเต็มตัว โอกาสที่จะหยิบเงินล้านอยู่ใกล้แค่เอื้อม และเมื่อปีกกล้าขาแข็งเต็มที่แล้ว ชีวิตก็จะพลิกผันเปลี่ยนไปทันที มีรถขับ มีบ้านหรูอยู่อย่างสบาย มีหลักทรัพย์ที่มั่นคง และมีความสุขสมบูรณ์เหมือนอย่างคนที่มีฐานะดีทั่วๆ ไป
นักพระเครื่องคนหนึ่งที่ได้ผ่านพบประสบการณ์เหล่านี้มาแล้ว คือ กิตติพงษ์ กลิ่นแก้ว (แหลม) ผู้ชำนาญพระสายหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
กิตติพงษ์ กลิ่นแก้ว (แหลม) เป็นชาวตลาดพลู ธนบุรี โดยกำเนิด บ้านอยู่หลังวัดบางสะแกใน (สมัยหนึ่งวัดนี้มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังท่านหนึ่ง คือ หลวงปู่เม่ง รุ่นลูกหลานหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และเป็นคนบ้านเดียวกัน กล่าวกันว่าหลวงปู่ศุขเคยมาพำนักที่วัดแห่งนี้ และได้ปลุกเสกพระให้ด้วย)
สมัยเด็กๆ "แหลม" ทันได้กราบไหว้ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ซึ่งเป็นช่วงที่หลวงปู่โต๊ะกำลังโด่งดังมาก ได้พบเห็นพระเครื่องต่างๆ ของหลวงปู่ แต่ไม่มีเงินพอที่จะทำบุญบูชาพระของท่านได้ แม้ว่าค่าเช่าบูชาเพียงองค์ละไม่กี่สิบบาทก็ตาม ได้แต่เก็บความเคารพศรัทธาเลื่อมใส และความรักชอบในพระเครื่องของหลวงปู่ไว้ในใจ พร้อมกับตั้งปณิธานไว้ว่า วันหนึ่งเมื่อโตขึ้น และทำงานหาเงินได้แล้ว จะต้องเช่าพระหลวงปู่โต๊ะนิมนต์มาห้อยขึ้นคอให้ได้
ก่อนจะถึงวันนั้น แหลม เล่าว่า "ผมได้เรียนหนังสือจบชั้นมัธยม ๖ ก็ไม่ได้เรียนต่ออีกเลย ต้องออกมาทำงานขี่รถวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง สมัยนั้นที่ร้านกาแฟหลังวัดบางสะแกใน มีผู้ใหญ่นิยมไปนั่งคุยเรื่องพระเครื่อง พร้อมกับเอาพระออกมาส่องดู และซื้อขายแลกเปลี่ยนกันบ้างตามอัธยาศัย ส่วนมากเป็นพระในละแวกนั้น เช่น หลวงปู่เม่ง พระวัดปากน้ำ หลวงปู่ชู วัดนาคปรก พระกรุวัดนางชี (ที่เชื่อกันว่าเป็นพระที่หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ปลุกเสก และบรรจุกรุที่วัดนี้) ตรงจุดนี้ทำให้ผมเริ่มซึมซับเรื่องพระเครื่องขึ้นมาด้วย จึงลองซื้อขายพระกับเขาบ้าง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ต่อมาผมได้เปลี่ยนอาชีพไปเป็นพนักงานส่งเอกสารแถวสถานีรถไฟสามเสน คนที่เป็นเจ้านายสนใจพระเครื่อง เมื่อรู้ว่าผมพอมีความรู้เรื่องพระ จึงใช้ให้ไปเช่าพระตามที่ต่างๆ บ่อยมาก เป็นพระประเภทออกใหม่ หลังจากนั้นผมไปได้งานใหม่ เป็นพนักงานส่งเอกสารที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ก็ไปได้เจ้านายเป็นนักสะสมพระเครื่องเข้าอีก คนนี้นิยมสะสมพระเก่า ได้ใช้ให้ผมไปรับพระที่สั่งซื้อจากเซียนพระต่างๆ อยู่เป็นประจำ ทำให้ผมได้ใกล้ชิดวงการพระมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะพระหลวงปู่โต๊ะ ที่เจ้านายคนนี้นิยมชมชอบมาก"
ต่อมา แหลม ได้เปลี่ยนงานไปอีกหลายแห่ง จนเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง จึงไปหาเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ซึ่งเคยอยู่ในละแวกเดียวกันมาก่อน แถวหลังวัดบางสะแกใน คือ สุพจน์ สวัสดิ์วงศ์วิชา ตอนนั้นเขาเปิดร้านพระที่ห้างเดอะมอลล์ท่าพระ ได้ซื้อพระปิดตาจัมโบ้ ๒ พิมพ์กรรมการ (ปิดทองเดิม) ช่วงนั้นแหลมบอกว่า ดูพระหลวงปู่โต๊ะได้บ้างแล้วจากหนังสือตำราพระ และจากเพื่อนที่สะสมพระสายนี้
แหลมกล่าวตอนหนึ่งว่า "จากการที่ได้พบกับสุพจน์บ่อยๆ ทำให้ผมอยากจะศึกษาเรื่องพระให้ลึกกว่านี้ จึงปรึกษากับสุพจน์ ก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี ถึงกับบอกให้ผมไปอยู่ด้วยกัน ซึ่งตอนนั้นสุพจน์ได้ย้ายขึ้นไปอยู่ในชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ผมจึงลาออกจากงานไปอยู่กับสุพจน์ที่ร้านบนห้างพันธุ์ทิพย์ ตอนแรกผมไปเดินดูพระตามร้านต่างๆ เพื่อศึกษาแนวทางการซื้อขายพระ เห็นว่าอาชีพนี้เป็นการหาเงินได้ง่าย หากเรามีความชำนาญในการดูพระ และมีความซื่อสัตย์จริงใจกับลูกค้า จะไปรอดแน่ อีกทั้งได้เห็นแบบอย่างของสุพจน์ที่ขณะนี้เขาก้าวหน้าไปได้ไกลมากแล้ว สุพจน์ก็ใจดีเหลือเกิน โดยได้แบ่งเนื้อที่ในตู้พระให้ผมวางพระขายคู่กับเขา พร้อมกับสอนวิธีดูพระหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อย่างชนิดเจาะลึก ในทุกซอกมุม จนผมมีความรู้ความชำนาญพระหลวงพ่อพรหมในระดับหนึ่ง ซึ่งมั่นใจว่า หากได้พบเห็นพระหลวงพ่อพรหม ผมดูไม่พลาดแน่ ต่อมาผมไปเปิดตู้พระที่ห้างเซ็นทรัลพระราม ๓ ก็ได้เพื่อนที่แสนดีอีกคนหนึ่ง คือ ติม กัลยา โดยสุพจน์ได้ฝากฝังไปให้ติมช่วยดูแลผม ติมก็ได้สอนผมในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะพระสายหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ขณะเดียวกันตู้พระที่ร้านของสุพจน์ผมก็มาเปิดขายอยู่ด้วย เฉพาะวันอังคารและวันศุกร์ ต่อมาสุพจน์บอกว่า ผมเอาตัวรอดได้แล้ว จึงแนะนำว่าต้องออกไปเปิดตู้พระขายได้เอง พร้อมทั้งช่วยหาตู้พระให้ด้วย ก็ได้รับความเมตตาจาก 'ป๋า" พยัพ คำพันธุ์ ให้เปิดตู้พระที่อยู่ในทุกวันนี้ โดยอยู่ติดกับร้านของ เล็ก อโศก ซึ่งนับเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่ผมได้อยู่ใกล้กับเซียนพระรุ่นเก่าคนนี้ เพราะน้าเล็กได้ให้คำแนะนำต่างๆ ให้ผมเสมอ โดยเฉพาะการดูพระหลากหลายประเภท รวมทั้งการดูพระชำรุดที่ผ่านการอุดซ่อมมาแล้ว"
ตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ เป็นต้นมา แหลม เริ่มมีความคุ้นเคยและใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ในวงการพระมากขึ้น ด้วยการเป็นนักกีฬาฟุตบอลของ ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ที่มีการซ้อมและแข่งขันกับทีมอื่นๆ อยู่เสมอ ขณะเดียวกัน กิจการร้านพระก็เริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จักของนักสะสมพระเครื่องมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะพระสายหลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค มีผู้เข้ามาซื้อหาอยู่เป็นประจำ
"เวลานี้ผมได้เก็บพระหลวงปู่โต๊ะเอาไว้มากมาย ด้วยความมั่นใจว่าอนาคตพระหลวงปู่โต๊ะไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นี้ จะต้องก้าวไกลไปมากกว่านี้ เพราะพระของท่านมีจำนวนมากพอที่จะหมุนเวียนในวงการได้นาน และเลือกซื้อขายได้ตามกำลังทรัพย์ เหมาะสำหรับนักสะสมทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระหลวงปู่โต๊ะดูง่าย หากมีหลักการพิจารณาที่ตรงจุด ผมยินดีที่จะแนะนำให้ผู้เพิ่งหันมาสนใจสะสมพระสายนี้ สำหรับผู้ที่ซื้อพระไปจากผม ทุกองค์จะมีใบรับประกันพระแท้ให้ด้วย" แหลม กล่าว
ทุกวันนี้ ปฏิบัติการทำพระปลอม ก้าวหน้าไปมาก ฝีมือปลอมพระเฉียบขาดยิ่งขึ้น เพราะคนทำพระปลอมก็ได้พัฒนาฝีมือมาโดยตลอด แหลมบอกว่า "ทั้งสุพจน์ และเล็ก อโศก สอนผมเสมอว่า หากอยากจะเก่งเรื่องพระ ต้องหมั่นเดินในสนามพระบ่อยๆ เพราะในสนามพระทุกแห่งจะมีทั้งพระแท้และพระปลอม พระแท้เราดูได้อยู่แล้ว ส่วนพระปลอมจะให้บทเรียนเราว่า ฝีมือปลอมของเขาได้พัฒนาไปถึงไหนแล้ว คนที่ไม่เข้าสนามพระ จะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้"
กิตติพงษ์ กลิ่นแก้ว (แหลม) เปิดร้าน "กลิ่นแก้วพระเครื่อง" อยู่ในชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน โทร.๐๘-๐๐๘๐-๑๕๒๒ หรือที่ www.thaprachan.com
0 ตาล ตันหยง 0