พระเครื่อง

วิปัสสนาบนหน้าข่าว - ‘ครอบครัว’ ที่ท่านยังไม่รู้จัก

วิปัสสนาบนหน้าข่าว - ‘ครอบครัว’ ที่ท่านยังไม่รู้จัก

11 เม.ย. 2554

ผมได้ดูคลิปย้อนหลังสัมภาษณ์คู่รักหญิงรักหญิง "ผึ้งกับเปิ้ล" จากรายการบอกเก้าเล่าสิบ (คุณผู้อ่านสามารถเข้าไปดูได้ด้วยกูเกิล พิมพ์คำว่า “บอกเก้าเล่าสิบ วีนัส ผึ้ง”) ทั้งคู่มีชื่อเสียงมาจากวงการ “มายา” ก็จริง แต่สิ่งที่ทั้งคู่ไม่ได้มายาหลอกลวงประชาชนก็คือ “

 คุณผึ้ง หรือ สุนทรี ไชยครุฑ คืออดีตผู้เข้าประกวดนางสาวไทยปี 2531 (ปีเดียวกับที่คุณปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก เข้าประกวด) ในขณะที่ "คุณเปิ้ล" วีนัส มีวรรณ คืออดีตดาราเซ็กซี่ที่เรารู้จักกันดี ทั้งสองคนสร้างความประหลาดใจให้วงการบันเทิงเมื่อทั้งคู่พัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นคู่รัก "หญิงรักหญิง" เวลานี้ทั้งคู่อำลาวงการบันเทิงหันไปเปิดร้านส้มตำอยู่แถวๆ รามคำแหง

 ผมคิดว่ามีคนจำนวนไม่น้อยทีเดียวมักตกอยู่ในอาการงุนงงเมื่อได้ยินข่าวคราวว่าดารามีชื่อเสียงคนนั้นเป็นเลสเบี้ยน ดาราคนนี้เป็นเกย์ หรือดาราคนนั้นแปลงเพศไปแล้ว

 ความจริงที่คนจำนวนมากไม่รู้ไม่เข้าใจเกี่ยวกับ "ความพึงพอใจทางเพศ" ก็คือ "การรักเพศเดียวกันเป็นความหลากหลายของมนุษย์อย่างหนึ่ง" โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกที่พ้นไปจากคำจำกัดความหรือนิยามใดๆ จะมากำหนดกฎเกณฑ์ การรักหรือชอบเพศเดียวกันจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้พบเห็นได้ในชนทุกภาษา ทุกวัฒนธรรม ทุกสีผิว

 บางคนอาจเห็นแย้งว่าความรักเป็นเรื่องของกิเลสตัณหา แต่อีกด้านของความรักที่เราไม่ควรมองข้ามก็คือความรักเป็นทั้ง “พื้นฐาน” และ “เครื่องมือ” ในการพัฒนาชีวิตด้านใน

 ทั้งคุณเปิ้ลและคุณผึ้งต่างก็ยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่าเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน แต่ก็ค้นพบว่านั่นไม่ใช่ความสุขที่ตนเองต้องการจึงลองเปลี่ยนตัวเองไปเรื่อยๆ เพื่อเรียนรู้ตัวเอง คุณเปิ้ลเคยเป็น ผู้หญิงที่ชอบผู้ชาย ต่อมาก็เป็น ทอม แล้วก็เปลี่ยนไปเป็น ดี้ เมื่อรู้สึกว่าไม่ใช่ก็ไม่ฝืนตัวเอง ในขณะที่คุณผึ้งก็เคยไปเที่ยวอาบอบนวด อยากทำตัวเป็นผู้ชาย แล้วก็ทำตัวเป็น ทอม แต่ในที่สุดก็ค้นพบว่า "ไม่ใช่" จนทั้งคู่โคจรมาเจอกัน ในที่สุดก็ค้นพบว่าต่างฝ่ายต่างก็เป็น "ผู้หญิงที่รักผู้หญิง" นั่นเอง (ในแง่มุมนี้จะเห็นได้ว่า “ตัวตน” ของคนนั้นมีความ “ผันแปร” และ “ไม่นิ่งอยู่กับที่” เช่นเดียวกับคำสอนเรื่อง “อนิจจัง” )

 "หญิงรักหญิง" เป็นรูปแบบความรักความสัมพันธ์ที่พ้นไปจากกรอบของความเป็นชายความเป็นหญิง ดังนั้นรูปแบบความสัมพันธ์จึงไม่มีใครเป็นผู้นำ ไม่มีใครเป็นผู้ตาม ไม่ว่าจะเป็นบทบาทการใช้ชีวิตประจำวันหรือแม้แต่บทบาททางเพศ ไม่มีใครเป็นหญิง ไม่มีใครเป็นชาย ไม่มีใครเป็นสามี ไม่มีใครเป็นภริยา ไม่มีใครเป็นผู้นำ ไม่มีใครเป็นผู้ตาม นี่จึงเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้ดำเนินรายการคือ คุณมดดำ กับ คุณกรรชัย เกิดอาการงุนงงไปกับรูปแบบความสัมพันธ์ดังกล่าวจนเกิดอาการเหวอแตกออกมา แต่ที่ดูขัดหูขัดตามากไปกว่านั้นก็คือบุคลิกและท่าทีที่ค่อนข้างจะขาดวุฒิภาวะของผู้ดำเนินรายการทั้งสอง หากผู้ดำเนินรายการมีสติสัมปชัญญะมากกว่านี้รายการบอกเก้าเล่าสิบจะเป็นรายการที่น่าสนใจอีกรายการหนึ่ง

 กลับไปที่เรื่องคู่รักหญิงรักหญิงกันต่อ คุณวีนัสเล่าให้ฟังว่าก่อนจะมาเจอคุณผึ้ง ณ เวลานั้นตนเองเป็นหนี้เป็นสินเพราะการพนันจนเกือบจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย ไม่มีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อมาเจอคุณผึ้งจากการแนะนำของเพื่อนๆ แค่ได้พูดคุยกันก็เกิดความประทับใจ กำลังใจที่จะสู้ชีวิตก็กลับฟื้นคืนมาทันที ในที่สุดความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ได้รับการสานต่อ คุณผึ้งช่วยเหลือคุณเปิ้ลฝ่าฟันอุปสรรคเรื่องหนี้สินจนหลุดพ้นจากความทุกข์ไปได้ในที่สุด นี่คือด้านบวกของความรักที่สามารถทำให้คนคนหนึ่งที่ชีวิตกำลังตกต่ำจนถึงศูนย์แต่สามารถกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ความรักที่เราชอบคิดกันว่าเป็นเรื่องของกิเลสตัณหา หากมองอีกมุมหนึ่งมันคือปัจจัยที่ช่วยให้คนฝ่าฟันอุปสรรคของชีวิตไปได้

 ความรักของหญิงรักหญิงคู่นี้มีพัฒนาการอย่างน่าสนใจเมื่อคุณวีนัสให้สัมภาษณ์ว่าทั้งคู่ไม่ได้เป็นแค่คู่รักเท่านั้นแต่เป็นทั้งเพื่อน แฟน คนที่รู้ใจ เป็นในสิ่งที่ขาดและสามารถเติมเต็มให้กันและกันได้ซึ่งดูจะเป็นเรื่องยากนักที่คู่รักทั่วๆ ไปจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์มาถึงระดับนี้

 กุญแจปริศนาธรรมที่สำคัญอีกดอกที่ทำให้ความรักของทั้งคู่ยืนยาวมาเป็นเวลา 13 ปีที่เรียกว่าน่าจะเป็นแบบอย่างให้คู่รักชายหญิงที่รักกันง่ายหน่ายกันเร็วได้เรียนรู้ก็คือ “ความเข้าใจและการให้อภัย”
คุณผู้อ่านทราบไหมครับว่าคู่ความสัมพันธ์ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นสามีกับภรรยา พ่อกับลูก ยายกับหลาน พี่กับน้อง เพื่อนกับเพื่อน หรือลูกศิษย์กับอาจารย์ ต่างก็ต้องเผชิญกับความขัดแย้งด้วยกันทั้งสิ้น หากแต่คุณธรรมที่สำคัญที่ทุกคู่ความสัมพันธ์ควรคำนึงถึงก็คือ “ความเข้าใจและการให้อภัย” เนื่องจากเวลาที่คนเราทะเลาะหรือขัดแย้งกัน โอกาสที่จะ "ทำความเข้าใจกัน" หรือ "ให้อภัยกัน" กลับมีให้กันน้อยมาก เรามักเห็นคู่รักสามีภริยาบอกเลิกหย่าร้างกันวันละมากมายหลายคู่ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว ความเข้าใจและการให้อภัย เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ความสัมพันธ์ยั่งยืนเหมือนอย่างที่คุณเปิ้ลและคุณผึ้งกำลังใช้หลักธรรมเรื่องนี้อยู่

 ในส่วนของความหึงหวงรุนแรงที่เราชอบคิดกันว่ามักมีกับคู่รักเพศเดียวกันเมื่อเทียบกับคู่รักต่างเพศชายหญิง ความจริงก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกัน ไม่ว่าใครเวลามีความรักมักมีความหึงหวงตามมาเสมอ สิ่งสำคัญกว่าคือการมีสติระลึกรู้เท่าทันความหึงหวง เพื่อที่ว่าความหึงหวงนั้นจะได้ไม่นำไปสู่ความรุนแรง
ทั้งคู่ยังเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงความพยายามหาเชื้อของผู้ชายมาผสมแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เราจึงไม่ได้เห็นครอบครัวที่มีแม่สองคนให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามการใช้ชีวิตร่วมกันของเธอทั้งสองก็ถือได้ว่ามีความเป็นครอบครัวเช่นกัน    

 เวลานี้คำว่า "ครอบครัว" ไม่ได้หมายถึงสมาชิกที่ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูก อย่างที่เข้าใจ ครอบครัวหมายถึงใครก็ได้ที่ตกลงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันโดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นชายกับหญิงเท่านั้น ปัจจุบันนี้เวลามีลูกกันคนที่เป็นพ่อแม่มักจะฝากลูกทิ้งไว้ให้ตากับยายเป็นคนเลี้ยงเพราะตนเองต้องไปทำงานในที่ๆ ห่างไกลออกไป ครอบครัวจึงเหลือเพียงยายกับหลาน คำจำกัดความของคำว่าครอบครัวจึงมิได้มีความหมายแคบๆ อยู่กับพ่อแม่ลูก หากเรายึดติดอยู่กับคำว่าครอบครัวต้องมีพ่อแม่ลูก เราอาจเข้าไม่ถึง แก่นของความเป็นครอบครัว ก็ได้ เพราะคำว่าแก่นของครอบครัวที่เรากำลังพูดถึงคือ “คุณธรรมของการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน” อันเป็นความหมายของความเป็นครอบครัวอย่างแท้จริง

 “เปิ้ลกับผึ้ง” อาจเป็นรูปลักษณ์ของครอบครัวหญิงรักหญิง ในแบบที่สังคมไทยยังไม่รู้จักหรือคุ้นเคย แต่ความเป็นครอบครัวแบบใหม่ระหว่างเปิ้ลกับผึ้งที่เราสามารถสัมผัสได้กลับไม่ใช่เรื่องของคนสองคนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเท่านั้น หากแต่เป็นคุณธรรมเรื่อง “ความเข้าใจและการให้อภัย” ที่ดูเหมือนว่าจะหาได้ยากยิ่งนักในบรรดาครอบครัวที่มีอยู่ในเวลานี้ อันเป็นแก่นของความเป็นครอบครัวที่ใครๆ มักมองไปไม่ถึง

"หนึ่งลมหายใจ"