พระเครื่อง

ไพโรจน์ สุวรรณฉวี
กับ...ปาฏิหาริย์ 'พระยอดธงหลวงพ่อคูณ'

ไพโรจน์ สุวรรณฉวี กับ...ปาฏิหาริย์ 'พระยอดธงหลวงพ่อคูณ'

26 มี.ค. 2554

“เรื่องในวัดบ้านไร่ถ้ามึงไม่ทำแล้วใครจะมาช่วยกูทำ” นี่เป็นคำพูดของพระเทพวิทยาคม หรือเจ้าของสมญานาม "เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด" หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่ทำให้ "ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี" อดีต ส.ส.นครราชสีมา หลายสม

  ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ บอกว่า “โครงการอุทยานธรรมวัดบ้านไร่” สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความศรัทธาและบารมีทานอันยิ่งใหญ่ของพระเทพวิทยาคม การดำเนินการในระยะแรกได้ก่อสร้าง “พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ” เพื่อนำเสนอเรื่องราวชีวประวัติของหลวงพ่อคูณ ตั้งแต่เยาว์วัยจนเป็นพระวัตรปฏิบัติในสมณเพศที่ถือสันโดษ และเป็นพระนักพัฒนา แรงศรัทธามหาชนที่มีต่อหลวงพ่อคูณ รวมทั้งการบริจาคทานจำนวนมหาศาล เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ให้แก่ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และบางส่วนในต่างประเทศ ทั้งนี้ พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณได้ดำเนินการสำเร็จลุล่วงไปแล้ว

 โครงการระยะที่ ๒ ประกอบด้วย ศาลาสมเด็จพระเทพรัตนฯ (ศาลาปริสุทธธรรม), ศาลาปริสุทธธาร (ศาลาน้ำมนต์), หอผลิตน้ำประปาภายในวัด, สวนป่า, ห้องน้ำพิเศษ ๑๐ ห้อง จากแผนการพัฒนาปรับปรุงวัดบ้านไร่นับตั้งแต่ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ มูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ และคณะศิษยานุศิษย์ ยังได้เกิดแนวคิด รวมทั้งแรงบันดาลใจในการพัฒนาปรับปรุงวัดบ้านไร่ในระยะที่ ๓ ขึ้น บนพื้นที่ของบึงน้ำขนาดใหญ่ ๔๐ ไร่ เพื่อเพิ่มพูนมูลค่าของทัศนียภาพและการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ธรรมะและเกียรติประวัติหลวงพ่อคูณอุทยานธรรมกลางน้ำ อนุสรณ์หลวงพ่อคูณ

 อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปตามกำหนด มูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ จึงจัดสร้าง "พระกริ่งเทพวิทยาคม" ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของหลวงพ่อคูณ ที่อยากจะสร้างวัตถุมงคลทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา หรือ ๗ รอบ ซึ่งเมื่อ ๑๕ ปีที่แล้วพระองค์ได้เสด็จมากราบนมัสการหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่ รวมทั้งเชื้อพระวงศ์อีกหลายพระองค์ ก็เสด็จวัดบ้านไร่

 ในการจัดสร้างพระกริ่งเทพวิทยาคม ครั้งนี้ องค์ที่ ๙ เนื้อทองคำ จะทูลเกล้าฯ ถวาย ส่วนรายได้จากการให้เช่าบูชานั้นจะนำไปจัดสร้าง "หอเทพวิทยาคม" ซึ่งเป็นหอธรรมกลางน้ำ โดยส่วนยอดสุดของหอธรรมกลางน้ำจะเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณยืนถือไม้เคาะหัว ขนาด ๓ เท่าขององค์จริง โดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สร้างถวาย

 ในจำนวนพระเครื่องหลวงพ่อคูณที่ออกมานับร้อยๆ รุ่นนั้น ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ บอกว่า พระหลวงพ่อคูณดีทุกรุ่น แต่โดยส่วนตัวแล้วแขวนอยู่รุ่นเดียวและองค์เดียว คือ พระยอดธงหลวงพ่อคูณ เนื้อทองคำ รุ่นเสาร์ห้ามิเลเนียม ที่สร้างไว้เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๓ (ค.ศ.๒๐๐๐) เพราะพระยอดธงหลวงพ่อคูณเคยแสดงปาฏิหาริย์ช่วยให้รอดตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่วนอีกองค์หนึ่ง คือ พระสมเด็จวัดระฆัง

 “วันนั้นให้ลูกน้องขับรถเบนซ์มาจากกรุงเทพฯ เพื่อไปโคราช ด้วยความเร็วกว่า ๑๖๐ กม./ชม. ระหว่างทางประสบอุบัติเหตุชนกลางถนนมิตรภาพ รถพังยับทั้งคัน โดยตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย แม้แต่รอยแมวข่วน เดชะบุญและพระหลวงพ่อคูณช่วยให้รอดตายมาได้” ว่าร.ต.ไพโรจน์ กล่าว

 เมื่อถามถึงเรื่องการจัดสร้างวัตถุมงคลที่ออกในนามหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ว่าร.ต.ไพโรจน์ พูดไว้อย่างน่าคิดว่า “คนที่มาแสวงหาผลประโยชน์จากการสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ เหมือนกำน้ำแข็งออกจากวัด ช่วงแรกอาจจะถือสัมผัสจับต้องได้ เมื่อออกจากวัดไปในที่สุดน้ำแข็งก็จะกลายเป็นน้ำ ก่อนที่จะระเหยเป็นไอในที่สุด ซึ่งหมายความว่า สุดท้ายแล้วจะไม่ได้และไม่เหลืออะไร ที่ผ่านมามีคนมาแสวงหาผลประโยชน์จากการสร้างพระหลวงพ่อคูณจำนวนมาก สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครเหลืออะไร”

 สำหรับข่าวลือหลวงพ่อคูณมรณภาพนั้น ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์  ยอมรับว่า ได้ยินมาหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งมีพรรคพวกเพื่อนฝูงโทรมาถามข่าวอย่างไม่ขาดสาย บางครั้งลือหนักถึงกับตนเองต้องโทรศัพท์หาลูกศิษย์ที่วัด แต่ที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไร ซึ่งจากการวิเคราะห์ มาจาก ๒ ส่วน คือ พวกคอหวย และพวกสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อคูณเพื่อพุทธพาณิชย์ เพราะทั้ง ๒ ข่าวมีผลต่อยอดขายทั้งหวย และวัตถุหลวงพ่อคูณทั้งสิ้น

คติธรรมจาก..."เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด"
 "ของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่และพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของมหาชนทั่วทุกสารทิศ พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ

 “ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้”
 นี่เป็นคำสอนของหลวงพ่อคูณที่ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ บอกว่า "จำได้อย่างแม่นยำ"

 อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นรองประธานมูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ร.ต.ไพโรจน์ บอกว่า คณะกรรมการมูลนิธิหลวงพ่อคูณ คณะศิษย์และชาวเมืองโคราชทุกคน รู้สึกภูมิใจกับงานพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณครั้งนี้ สำหรับเป็นอนุสรณ์สถานและอุทยานธรรมแก่อนุชนคนรุ่นหลังได้ใช้เป็นที่ปฏิบัติและศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนาต่อไป โดยรวบรวมคำสอนหลวงพ่อคูณที่พูดในโอกาสและวาระต่างๆ เช่น

 "ทุกวันนี้ กูมีเงินเพราะพวกมึงช่วยเหลือ พวกมึงบริจาคกันเป็นล้านๆ กูก็เอาไปให้คนที่มันลำบากเดือดร้อน แต่ถ้ากูเห็นแก่ได้ เก็บเอาไว้คนเดียว ใครจะมาบริจาคให้กูอีก เพราะให้มาไม่เอาไปเผื่อแผ่แก่คนทุกข์ยาก ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้"
 “กูให้พวกมึงรู้จักพอเพียง”
 “กูทำดีเขาจึงให้ของดีกูมา”
 “กูไม่เคยยินดียินร้ายในลาภยศสรรเสริญ”

 “กูดีใจที่เกิดมาเป็นคนจน เพราะได้สร้างทานบารมี ถ้ากูเกิดมาเป็นคนรวยป่านนี้ คำว่า บุญก็ไม่รู้จักกัน”
 “เงินเป็นทาสกู กูไม่ยอมเป็นทาสเงิน”

 “การทำตัวให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่นั้นง่าย แต่จะสร้างสมบุญให้มีบารมีนั้นเป็นเรื่องยาก…ต้องเป็นผู้ให้ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์จริง”

 “กูจะทำให้ชาวบ้าน เพื่อตอบแทนข้าวน้ำ ที่เขาให้กูกินทุกวัน”
 “เกิดมาแล้ว...รักความสงบ ให้มีศีลธรรมไว้ประจำใจทุกๆ คน โลกจะได้อยู่ชุ่มกินเย็น...”

 “พระไม่ได้อยู่กับคนชั่ว แต่อยู่กับคนดี ให้นึกว่าพระมากับเรา จะทำชั่วไม่ได้ อย่าทำตัวผิดศีลธรรม ผิดจารีตประเพณี โดยเฉพาะการทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท”

 “คนที่มาแสวงหาผลประโยชน์จากการสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ เหมือนกำน้ำแข็งออกจากวัด ช่วงแรกอาจจะถือสัมผัสจับต้องได้ เมื่อออกจากวัดไปในที่สุดน้ำแข็งก็จะกลายเป็นน้ำ ก่อนที่จะระเหยเป็นไอในที่สุด"

เรื่อง / ภาพ ไตรเทพไกรงู