พระเครื่อง

 ชม.เซียน - พระเครื่องและเครื่องราง
เข้มขลังด้วย...พิธีพุทธาภิเษกและปลุกเสก

ชม.เซียน - พระเครื่องและเครื่องราง เข้มขลังด้วย...พิธีพุทธาภิเษกและปลุกเสก

21 มี.ค. 2554

พิธีพุทธาภิเษก-เทวาภิเษกวัตถุมงคล คือการปลุกเสกสิ่งของต่างๆ ให้ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังด้วยพุทธานุภาพ ส่วนมากเป็นพิธีหนักไปทางศาสนาพราหมณ์ ซึ่งปนกับทางพุทธอยู่แบบแยกกันไม่ค่อยได้ โดยมีเกจิอาจารย์นั่งปรก สวดมนต์ภาวนาปลุกเสกอธิษฐานจิต เพื่อสร้างพระ วัตถุมงคลต่

 "พิธีพุทธาภิเษก" เป็นการรวมคำ ๓ คำ ซึ่งแต่ละคำมีความหมาดังนี้
 พิธี หมายถึง ประกอบขึ้น 
 พุทธา หมายถึง พุทธาคุณ
 ภิเษก หมายถึง แต่งตั้ง

  รวมความแล้วหมายถึง ประกอบขึ้นเพื่อแต่งตั้งให้เป็น หรือมีพุทธาคุณ โดยความหมายนัยกว้าง คือรวมคุณทั้งหมด อันได้แก่ พุทธาคุณ ธรรมาคุณ สังฆาคุณ (พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ)

 พิธีพุทธาภิเษก-เป็นพิธีกรรมสำคัญแต่โบราณาจารย์ของคนไทยในทุกภาคของสยามประเทศ  เชื่อกันว่าวัสดุที่ใช้จัดสร้างด้วยวิธีการ อันได้แก่ การแกะ การสลัก การปั้น หรือการหล่อ หรือการปั๊ม ด้วยภูมิปัญญาแห่งสกุลช่างไทย กอรปด้วย ชนวนมวลสารมงคล โลหะธาตุกายสิทธิ์ และแผ่นพระยัตน์อันทรงคุณวิเศษตามหลักโบราณจารย์ โดยเฉพาะแผ่นพระยันต์ดวงประสูติ และดวงตรัสรู้ เป็นต้น จะบังเกิดพุทธานุภาพแต่เนื้อในองค์พระ ซึ่งประกอบด้วย กาลสมบัติ คือ ฤกษ์งามยามดีอันเป็นดิถีมงคลแห่งพิธีกรรมและจบลงด้วยขั้นตอนสุดท้าย คือ พิธีพุทธาภิเษก-สมโภช (ฉลอง) พระพุทธรูป พระพุทธปฏิมากร หรือ รัตนมงคล โดยเฉพาะ (รูปสัญลักษณ์แห่งพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)

  หากเป็นรูปลักลักษณ์อื่นที่มิใช่พระพุทธรูป หรือพระรัตนตรัย เช่น พระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า นิยมใช้คำว่า พิธีมังคลาภิเษก หรือพิธีชัยมังคลาภิเษก

 หากเป็นรูปเคารพเทพเทวดา หรือเทวรูปต่างๆ นิยมใช้คำว่า เทวาภิเษก 
 หากเป็นรูปเคารพอื่นๆ หรือเครื่องรางของขลังอื่นๆ หรือรูปเคารพพระสงฆ์ ที่มิได้จัดพิธีพุทธาภิเษก และไม่มีการสวดคาถาพุทธาภิเษก บารมี ๓๐ ทัศ นิยมใช้คำว่า พิธีปลุกเสก หรือพิธีอธิษฐานจิต

 หากเป็นพิธีพุทธาภิเษกครั้งสำคัญ หรือพิธีใหญ่ ด้วยพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีสมาธิจิตสูง หรือจิตศาสตร์ นิยมเรียกว่า พระภาวนาจารย์ หรือพระวิปัสสนาจารย์ หรือพระสงฆ์ผู้เชี่ยวชาญในพุทธาคม หรือพระเวทย์ หรืออาคม นิยมเรียกว่า พระเกจิอาจารย์ ร่วมนักปรกจำนวนมาก นิยมเรียกว่า พิธีมหาพุทธาภิเษก

 การสวดแจงในพิธีพุทธาภิเษก หรือสวดสรรเสริญพระพุทธคุณอย่างพิสดาร และบรรยายมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ และอนุพยัญชนะ ๘๐ อย่าง รวมทั้งบารมี ๑๐ ทัศ หรือบารมี ๓๐ ทัศที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญในทศชาติจนได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ (พระสมณโคดม )

 อย่างไรก็ตามพิธีพุทธาภิเษก เป็น ระเบียบพิธีที่นิยมจัดมณฑลพิธี โรงพิธี ภายในพระอุโบสถ หรือ พระวิหาร หรือศาสนสถานสำคัญที่มีพระพุทธปฏิมากรประธานประจำวัด หรืออาราม นิยม ปางมารวิชัย คือ ปางชนะมาร ก่อนบรรลุพระโพธิญาณ เพื่อให้เป็นนิมิตหมายแห่งชัยชนะ ของรัตนมงคล เจ้าภาพ และผู้ประกอบพิธีพุทธาภิเษก เป็นการแต่งตั้งพุทธาคุณอันสูงส่ง จึงต้องประกอบด้วย ราชวัตร ฉัตร ธง

 นอกจากนี้แล้วพิธีพุทธาภิเษก มีบางส่วนของพิธีกรรมในศาสนาพราหมณ์ ซึ่งเกิดก่อนศาสนาพุทธเข้ามาผสมกลมกลืนอยู่บ้าน อาทิ พิธีบวงสรวงเทวดาบูชาฤกษ์ หรือฤกษ์ยาม เป็นต้น โดยอนุโลมตามหลักปฏิรูปคำสอนของพระพุทธองค์เมื่องทรงประกาศศาสนาหลังทรงตรัสรู้ แต่ก็มิได้ทำให้สาระคุณค่าแห่งองค์พิธีกรรมอันเป็นบุคลาธิษฐาน (บุคคล วัตถุ สิ่งของ เปรียบเปรียบไปสู่ตัวธรรม) อันนำไปสู่ธรรมาธิษฐานเปลี่ยนแปลงไปจากหลักการของพระพุทธศาสนาแต่ประการใด เพราะ พระพุทธองค์ทรงเป็นครูของมนุษย์และเทวดา ดังคำสวดที่ว่า สตถาเทวมนุสานัง พุทโธภควาติ นั่นเอง

พิธีตำรับปู่คำบุ
 วัตถุมงคลหลวงปู่คำบุ คุตฺตจิตฺโต “รุ่น ชนะมาร” ได้ประกอบพิธีเททองหล่อเนื้อชนวนลงพื้นธรณี หน้าอุโบสถวัดกุดชมพู ด้วยคติความเชื่อเพื่อให้พระแม่ธรณีเป็นสักขีพยานและประทานพร ให้เนื้อชนวนมวลสารนั้นบริสุทธิ์มีความศักดิ์สิทธิ์ ก่อนนำมาสร้างเป็นรูปพระพุทธปฏิมากรปาง “พระพุทธชนะมาร” วันที่เสาร์ที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ และได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกถึง ๓ วัน ๓ วาระ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ จัดพิธีขึ้นภายในอุโบสถวัดกุดชมพู โดยหลวงปู่คำบุ เป็นประธานจุดเทียนชัยพร้อมนั่งปรกอธิษฐานจิตร่วมกับพระเกจิคณาจารย์ในพื้นที่นั่งประจำทิศทั้ง ๔ โดยมีพระสวดเจริญมงคลคาถา ๔ รูป

 การจัดพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลทั้ง ๓ วัน ๓ วาระนั้น เป็นการระลึก “องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ที่ทรงชนะมาร “พญาวัสวดีมารธิราช” ด้วยขันติธรรมในราตรีกาลนั้น พระองค์ก็ทรงเจริญญาณอันเป็นสติปัญญาชั้นสูงทั้ง ๓ ประการ คือ ๑.สำเร็จปฐมยาม สามารถรำลึกอดีตชาติได้ ๒.สำเร็จมัชฌิมยาม ทิพย์จักษุ สามารถหยั่งรู้การเกิดดับตลอดการเวียนว่ายของสัตว์ทั้งหลาย และ ๓.สำเร็จปัจฉิมยาม สามารถทำอาสวกิเลสทั้งหลายให้หมดไปด้วยพระปัญญา ในที่สุดพระองค์ทรงบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเวลาเข้าสู่รุ่งอรุโณทัย (ใกล้รุ่งอรุณ)

  ด้วยเหตุนี้วัตถุมงคล “รุ่นชนะมาร” จึงได้จัดพิธีพุทธาภิเษกถึง 3 วัน 3 วาระในฤกษ์ยามใกล้รุ่งอรุณ ด้วยคติความเชื่อว่าเป็นมหาฤกษ์แห่งความสำเร็จ ถ้าประพิธีในวันเวลาดังกล่าวครบตามวาระแล้ว วัตถุมงคลจะบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังเป็นยิ่งนัก ผู้นำไปบูชาจะประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน และปราศจากอุปสรรคศัตรูหมู่มารต่างๆ ก็จะพ่ายแพ้ไปในที่สุด สมดั่งคำว่า “ชนะมาร"

 อย่างไรก็ตามปัจจัยที่จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นชนะมารทางวัดจะนำไปสมบททุนสร้างศาลาการเปรียญวัดกุดชม ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างแต่ยังไม่แล้วเสร็จ พุทธศาสนิกชนร่วมบุญกับหลวงปู่คำบุได้ที่ วัดกุดชมภู โทร.๐๘-๖๑๖๓-๙๔๓๔, ๐๘-๗๐๑๖-๕๑๒๗ และ ๐๘-๙๖๘๖-๙๘๓๗

 "หากเป็นรูปเคารพเทพเทวดา หรือเทวรูปต่างๆ นิยมใช้คำว่า เทวาภิเษก หากเป็นรูปเคารพอื่นๆ หรือเครื่องรางของขลังอื่นๆ หรือรูปเคารพพระสงฆ์ ที่มิได้จัดพิธีพุทธาภิเษก และไม่มีการสวดคาถาพุทธาภิเษก บารมี ๓๐ ทัศ นิยมใช้คำว่า พิธีปลุกเสก"

""อ.โจ้" (ขวัญทอง สอนศิริ)"