
'สมัยก่อนการเล่นพระจะเน้นพุทธศิลป์และพุทธคุณ'สังวร ขจรรุ่งศิลป์ อีกหนึ่งเสาหลักของวงการพระ
สังวร ขจรรุ่งศิลป์ เป็นนักสะสมพระเครื่องรุ่นเก่าอีกท่านหนึ่ง ที่วงการพระสมัยกว่า ๑๐ ปีก่อนรู้จักกันดี ในฐานะเป็นผู้มีบทบาทในวงการพระมานานปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีความชำนาญด้านพระเนื้อผงยอดนิยมเป็นเลิศ รวมทั้งยังเป็นผู้ชำนาญการดูพระช
ในทุกวันนี้ แม้ว่า สังวร ขจรรุ่งศิลป์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม ตั้ว รุ่งศิลป์ จะเหินห่างไปจากสนามพระบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งวงการไปเสียทีเดียว ยังคงปรากฏตัวตามงานประกวดพระรายการใหญ่ๆ และเดินตามสนามพระบ้างในบางครั้ง และที่สำคัญคือ ยังมีพระหลักยอดนิยมอยู่ในครอบครองอีกมากพอสมควร
สังวร ขจรรุ่งศิลป์ เป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด เรียนหนังสือชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนศิริศาสตร์ ซอยทรัพย์ ไปจบชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนสาธรวิทยา แล้วออกมาช่วยพ่อแม่ขายกาแฟแถววงเวียน ๒๒ กรกฎาคม พร้อมกับเปิดอู่รถให้เช่ารถตุ๊กตุ๊ก และรถแท็กซี่ ทำให้มีความรู้เรื่องรถยนต์และเครื่องยนต์ต่างๆ ต่อมาได้เปิดร้าน รุ่งศิลป์ยนต์ ขายรถจักรยานยนต์และอะไหล่ ขึ้นที่ถนนพลับพลาไชย (ใกล้วัดเทพศิรินทร์) อันเป็นที่อยู่และสำนักงานในทุกวันนี้
"เฮียตั้ว" กล่าวย้อนอดีตที่ผ่านมา ในการก้าวเข้าสู่วงการพระว่า "ผมสนใจพระเครื่องมาตั้งแต่สมัยอายุ ๘-๙ ขวบ ได้เห็นผู้ใหญ่เขาเล่นพระกัน สมัยเรียนหนังสือก็สนใจ แต่ไม่มีโอกาสได้เช่าพระ ต่อมามีญาติให้พระคง ลำพูน สีแดง มาให้ใช้ติดตัว ยิ่งเพิ่มความสนใจมากขึ้นไปอีก จึงส่องดูพระองค์นี้ทุกวัน สมัยเมื่อ ๖๐ ปีก่อนยังไม่มีพระปลอม ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๑๓ ขณะที่ผมมีอายุ ๓๐ ปี ช่วงที่ได้เปิดร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์และอะไหล่ ทำให้มีรายได้ส่วนตัว จึงเริ่มหาซื้อพระเพราะใจยังรักชอบอยู่ โดยเริ่มจากพระใหม่ก่อน เช่น เหรียญหลวงพ่อเกษม เขมโก หลวงปู่แหวน หลวงปู่สิม พระอาจารย์ฝั้น หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ฯลฯ สมัยนั้นราคายังไม่แพง จึงซื้อไว้มาก ทำอยู่อย่างจริงจังประมาณ ๔ ปี ต่อมาจึงเริ่มสนใจพระกรุพระเก่า ประเภทพระเนื้อดิน และเนื้อชิน โดยซื้อจากเซียนพระรุ่นพี่ เช่น ปรีชา ดวงวิชัย สุเจตน์ คุณประเสริฐ อ้วน บางแค ในกลุ่มของผมที่เล่นพระด้วยกันมี ยงยุทธ พินิจประภา มงคล ทีฆะมงคล (อินทราทัวร์) ขจรศักดิ์ เจยเสนานนท์ ชาย อินทรวิจิตร สถาพร อภิธนศิริกุล ช่วงนั้นประมาณปี ๒๕๑๘ พวกผมชอบไปนั่งที่แผงพระของพี่ปรีชา ที่สนามพระวัดราชนัดดา พอมีพระเนื้อชินเข้ามาก็ขอซื้อต่อทันที ทำให้พระไม่พอแบ่งปันกันได้ เพราะมีผู้ขอซื้อต่อหลายคน ผมจึงหันมาสนใจเล่นพระเนื้อผง และพระเนื้อดิน โดยได้ความรู้จากเซียนพระรุ่นพี่ชื่อ ตี๋ซ้ง สวนมะลิ (สุวรรณ จิรรุ่งโรจน์ ร้านทอง) และพี่สำราญ บางแค เริ่มศึกษาจาก พระปิลันทน์ วัดระฆัง พระวัดเงิน คลองเตย พระกรุวัดสามปลื้ม พระหลวงปู่ภู วัดอินทร์ พระกรุเจดีย์เล็ก บางขุนพรหม พระกรุวัดท้ายตลาด ฯลฯ สมัยนั้นไม่ต้องกลัวพระเก๊ เพราะความเชื่อถือในเซียนพระรุ่นพี่มีมาก เขาไม่เล่นพระเก๊อยู่แล้ว ทุกคนมีคุณธรรม และมีความรับผิดชอบสูง"
สำหรับหลักการดูพระ "เฮียตั้ว" บอกว่า ต้องศึกษาจากพระแท้องค์จริง ที่ได้มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ แล้วเอามาศึกษารายละเอียดจากพิมพ์ทรงขององค์พระ ตำหนิในพิมพ์ จากนั้นจึงดูเนื้อหามวลสาร รอยตัดขอบ และความเป็นธรรมชาติขององค์พระ โดยเริ่มจากพระราคาไม่แพงก่อน แล้วจึงก้าวไปสู่พระที่มีราคาสูงขึ้น สมัยก่อนพระปลอมมีน้อย ผิดกับสมัยนี้มีพระปลอมเยอะ คนรุ่นนี้จึงควรระมัดระวังให้มาก หากยังไม่ชำนาญก็ต้องหาผู้รู้ที่ไว้ใจได้ เป็นที่ปรึกษาแนะนำให้ก่อน
ในวงการนักสะสมพระ สายวัดใหม่อมตรส เป็นที่รู้กันว่า "เฮียตั้ว" เป็นนักเก็บพระสายนี้ไว้มากที่สุด โดยเฉพาะ พระสมเด็จ รุ่นปี ๒๕๐๙ เฮียตั้ว บอกว่า "สมัยนั้น พระสมเด็จ ปี ๐๙ ราคายังไม่แพง ผมจึงเก็บมาเรื่อยๆ กว่า ๓ พันองค์ เหมาจากคนเก็บเก่าหลายท่าน เพราะชอบในพุทธศิลป์ โดยเฉพาะเนื้อหามวลสารเก่าของพระสมเด็จ ที่ชำรุดแตกหักในกรุเจดีย์ใหญ่ผสมอยู่ในพระรุ่นนี้มากมาย เท่ากับเรามีพระที่สมเด็จฯ โต ปลุกเสกให้โดยตรง อีกทั้งพิมพ์ทรงก็งดงามดี พระรุ่นนี้ทางวัดสร้างไว้ ๒ ชุด ชุดละ ๘๔,๐๐๐ องค์ ชุดแรกให้ทำบุญองค์ละ ๑๐ บาท (๙ พิมพ์หลัก) ทุกองค์มีตรายางรูปเจดีย์ประทับไว้ด้านหลังองค์พระ นอกจากนี้ยังพิมพ์ไสยาสน์ ทำบุญองค์ละ ๒๕ บาท และอีก ๒ พิมพ์พิเศษ คือ พิมพ์คะแนน และพิมพ์จันทร์ลอย ส่วนที่ให้ทำบุญเป็นชุดก็มี บรรจุกล่องละ ๑๑ องค์ (๙ พิมพ์หลัก+พิมพ์คะแนน+พิมพ์จันทร์ลอย) ทำบุญชุดละ ๑๐๐ บาท พระอีกชุดหนึ่งสร้างไว้สำหรับบรรจุกรุ จำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์เช่นกัน ให้ทำบุญองค์ละ ๑ บาท ให้ผู้ที่บูชาเอาพระไปใส่ไว้ในองค์เจดีย์ (บรรจุกรุ) พระส่วนนี้ด้านหลังไม่มีรูปเจดีย์ แต่จะมีตัวหนังสือประทับไว้ว่า "บรรจุ" อยู่ด้านหลังทุกองค์ ทุกวันนี้ พระสมเด็จ บางขุนพรหม รุ่นปี ๒๕๐๙ ซื้อขายกันถึงองค์ละหลายพันหลายหมื่นบาท จนถึงหลักแสนก็มี คือ พิมพ์ใหญ่ เอ เกศทะลุซุ้ม สังฆาฏิ ชัดเจน นอกจากนี้ยังมี 'พระกรุเจดีย์เล็ก' ของวัดเดียวกันนี้ซึ่งได้รับความนิยมสูงเช่นกัน เพราะเชื่อกันว่า สมเด็จฯ โต ได้ปลุกเสกให้ด้วย ทุกวันนี้ผมยังเก็บพระชุดนี้อยู่ รวมทั้งพระยอดนิยมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพระชุดเบญจภาคี พระเนื้อดิน ชิน ผง เหรียญต่างๆ ก็ยังหาซื้อเก็บอยู่ ไม่ได้วางมือเสียทีเดียว"
"เฮียตั้ว รุ่งศิลป์" มองว่า การเล่นพระในสมัยก่อน จะเน้นกันในเรื่อง พุทธศิลป์ และ พุทธคุณ โดยจะเก็บเอาไว้ด้วยความรักและหวงแหน แต่ในทุกวันนี้ คนรุ่นใหม่จะมุ่งแต่เรื่องธุรกิจมากกว่า ราคาพระจึงสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามกระแสนิยมของวงการ ที่ย่อมแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
สำหรับ รางวัลพระชนะการประกวด สมัยก่อนมักจะทำเป็นโล่รางวัล ซึ่งมีต้นทุนไม่สูงนัก เพราะการจัดพิมพ์หนังสือภาพพระเป็นรางวัลต้นทุนสูงมาก ทำกันได้ไม่ง่ายนัก ผิดกับสมัยนี้ ที่มีการจัดพิมพ์หนังสือภาพพระเป็นรางวัลเป็นส่วนใหญ่ นับเป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างน้อยผู้ที่ได้รับหนังสือจะได้เป็นคู่มือศึกษาภาพพระต่างๆ
อย่างไรก็ตาม สมัยก่อน "เฮียตั้ว" ก็มีส่วนในการจัดพิมพ์หนังสือภาพพระแจกเป็นรางวัลมาแล้ว ๕ เล่ม ๕ งาน มาแล้วเหมือนกัน คือ หนังสือพจนานุกรมภาพพระเครื่อง ในเล่มมีภาพพระชนะการประกวดจากการจัดงานครั้งก่อนๆ ลงชื่อเจ้าของพระไว้ให้ด้วย มีคำบรรยาย ๓ ภาษา คือ ไทย จีน และอังกฤษ ทุกวันนี้หนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนังสือภาพพระที่ค่อนข้างหายาก เพราะมีคุณค่ามาก
ที่ผ่านมา "เฮียตั้ว" เป็น ๑ ใน ๕ ของผู้ร่วมก่อตั้ง สมาคมอนุรักษ์พระเครื่อง พระบูชา และเหรียญคณาจารย์ อันประกอบด้วย ปรีชา ดวงวิชัย สุเจตน์ คุณประเสริฐ นิรันดร์ เพชรโรจน์ บุญเสริม ศรีภิรมย์ และสังวร ขจรรุ่งศิลป์
"เฮียตั้ว" ยังคงทำธุรกิจค้าขายอะไหล่รถจักรยานยนต์อยู่ที่ร้าน รุ่งศิลป์ยนต์ ถนนพลับพลาไชย และยังคงเข้าสนามพระบ้าง โดยเฉพาะงานประกวดพระรายการใหญ่ๆ มักจะไปร่วมช่วยงานเป็นประจำ เพราะใจยังรักและผูกพันวงการนี้อยู่
ทุกวันนี้...บางคนอาจจะไม่รู้จัก สังวร ขจรรุ่งศิลป์ แต่สำหรับคนรุ่นเก่า ยังคงให้ความเคารพศรัทธานับถือ เพราะท่านผู้นี้ คือ ปูชนียบุคคลสำคัญท่านหนึ่ง ของ วงการพระเครื่องเมืองไทย
0 ตาล ตันหยง 0