
ดรงค์ พรพชร ในวันที่...นักล่าโล่รางวัลมาเล่นลิง
ใช้แล้วได้ผล แขวนแล้วเห็นพุทธคุณ นี่เป็นเหตุผลในการสะสมพระเครื่องและวัตถุมงคล ส่วนใครจะเลือกสะสมพระเครื่องชนิดไหน วัตถุมงคลประเภทใดปลีกย่อยออกไปนั้นก็มีเหตุผลที่แตกต่างแยกย่อยกันออกไป
นักสะสมพระเครื่องและวัตถุมงคลคนหนึ่งที่มีประวัติการสะสมที่น่าสนใจ คือ การสะสมลิงแกะหลวงพ่ออนันต์ วิสุทโธ หรือ พระครูวิสุทธิ์สมุทรคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีน้อย ต.บางพลีน้อย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ของนายดรงค์ พรพชร อดีตนักล่าโล่รางวัลงานประกวดพระเครื่อง
“เมื่อพ.ศ. ๒๕๕๐ ผมได้ไปกราบหลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร โดยตั้งใจจะทำลิงจำนวน ๘๗ ตัว ตามอายุของท่าน โดยท่านบอกว่าลิงของท่านไม่มีเอกลักษณ์ เพราะท่านมีหน้าที่ปลุกเสกอย่างเดียว พร้อมกับแนะนำให้มาหาหลวงพ่ออนันต์ วิสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบางพลีน้อย” นี่คือจุดเริ่มต้นของการมาเล่นและสะสมลิงจากคำบอกเล่าของนายดรงค์
สำหรับกิตติคุณบารมีธรรมของหลวงพ่ออนันต์ นอกจากจะมีเมตตาต่อญาติโยมแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนา นักเผยแผ่อีกด้วย โดยได้พัฒนาวัดบางพลีน้อยจนเจริญรุ่งเรือง อาคารเสนาสนะต่างๆ มั่นคงมาถึงทุกวันนี้ ญาติโยมไปขอความเมตตาเป็นประจำ คือ การเจิมรถ และรักษาโรคด้วยครูหมอยาแผนโบราณที่ได้ช่วยเหลือญาติโยมทั้งหลาย ที่มีอาการเจ็บป่วยต่างๆ กัน ที่มาให้ท่านรักษา แล้วท่านก็มียาเอาไว้อนุเคราะห์ญาติโยมอีกด้วย โรคที่ให้ท่านรักษา ได้แก่ อัมพฤกษ์ อัมพาต แขนหัก ขาหัก เริม ตะมอย ไฟลามทุ่ง ขยุ้มตีนหมา และริดสีดวง รวมทั้งอีกหลายโรค ที่มาปรึกษาหลวงพ่อท่าน ศิษยานุศิษย์ให้ความเคารพนับถือ ไม่ว่าจะเป็นชาว ต.บางพลีน้อยเอง หรือตำบลใกล้เคียงเองก็ดี ชาวต่างจังหวัด รวมทั้งชาวต่างประเทศต่างให้ความเคารพนับถืออย่างมาก
ทั้งนี้ นายดรงค์ ยอมรับว่าครั้งแรกที่ได้เข้ามากราบหลวงพ่ออนันต์ก็คิดอยู่ในใจว่า พระอายุไม่เท่าไร แถมยังนั่งแกะลิงด้วยตัวเอง พุทธคุณในลิงจะดีเท่ากับพระที่มีอายุและพรรษามากๆ ได้อย่างไร รวมทั้งไม่คิดด้วยว่าท่านเป็นถึงเจ้าอาวาสวัดด้วย หลังจากได้สนทนาธรรมและพูดคุยกันอยู่ได้สักพักก็ขอให้ท่านช่วยแกะลิงให้ ๘๗ ตัว จากนั้นก็นำลิงที่หลวงพ่ออนันต์แกะไปเข้าพิธีในวันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร โดยได้ถวายลิงส่วนหนึ่งให้หลวงพ่อฟู ส่วนที่เหลือก็แบ่งแจกจ่ายให้เพื่อนฝูงไปใช้ ปรากฏเพื่อนฝูงแต่ละคนที่ได้ลิงไปมีเรื่องเล่าที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะงานและชีวิตที่ดีขึ้น
จากประสบการณ์ดังกล่าวจึงอยากทำให้ลิงของหลวงพ่ออนันต์เป็นที่รู้จักของคนภายนอกมากขึ้น ขณะเดียวกันได้นิมนต์หลวงพ่ออนันต์ไปให้ลูกศิษย์ที่สิงคโปร์ และมาเลเซียได้กราบไหว้ขอพร ปรากฏว่ามีลูกศิษย์จาก ๒ ประเทศเดินทางมาเช่าลิงของหลวงพ่ออนันต์จำนวนมาก โดยเฉพาะ นายโกจวนอิง เจ้าของร้านให้เช่าบูชาพระเครื่องและวัตถุมงคลชาวมาเลเซียได้เดินทางมาเช่าลิงหลวงพ่ออนันต์ไปครั้งละไม่ต่ำกว่า ๑-๒ แสนบาท ซึ่งรวมแล้วน่าจะอยู่ในหลักหลายล้านบาท
ในฐานะคนเล่นพระสะสมพระมาก่อน เมื่อมาเล่นลิงสะสมลิง คนจำนวนไม่น้อยอาจจะสงสัยไม่ได้ว่า พระเครื่องดีอยู่แล้วมาเล่นลิงทำไม ทั้งนี้ นายดรงค์พูดไว้อย่างน่าคิดว่า “ในการพระเครื่องและวัตถุมงคล เครื่องรางเป็นสิ่งที่เล่นยากมที่สุด ยิ่งเป็นของพระเกจิอาจารย์ยุคก่อนยิ่งเล่นยาก เพราะเราเกิดไม่ทัน แต่ยังมีเกจิอาจารย์ร่วมยุคที่เราเกิดทัน เราไปเช่าและรับกับมือท่านย่อมเป็นของแท้แน่นอน วันนี้อาจจะมีราคาค่างวดและเป็นที่นิยมไม่เท่าไร แต่วันข้างหน้าต้องเป็นที่นิยมอย่างแน่นอน”
ส่วนเรื่องการกราบไหว้ขอพรบูชาลิงนั้น คนจำนวนไม่น้อยอาจจะมองเป็นเรื่องที่เหลวไหลและงมงาย แต่สำหรับนายดรงค์ มองว่า เครื่องรางเป็นภูมิปัญญาของพระคณาจารย์ที่สืบทอดมาแต่โบราณกาล มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ ใครเชื่อก็ได้แก่คนนั้นๆ ใครไม่เชื่อก็ไม่เสียหายอะไร อย่างกับเสือแกะหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ตัวละเป็นล้าน คนก็ยังหาซื้อกันมาพกติดตัว ถ้าเสือหลวงพ่อป่านไม่ดีจริงราคาจะสูงถึงหลักล้านได้อย่างไร ลิงแกะหลวงพ่ออนันต์เช่นกัน คนที่ไม่เชื่อแน่นอนที่สุดว่ามองคนที่เชื่อว่างมงาย ส่วนคนที่เอาไปใช้แล้วได้ผลก็มองคนที่ไม่เชื่อว่า เพราะไม่เชื่อถึงไม่ได้เหมือนเขา
เหตุลาวงการล่าโล่
“เดิมทีงานวันประกวดพระ วันครอบครัว ผมและลูกเมีย ๔ คน จะไปร่วมส่งพระเข้าประกวดทุกๆ งาน แต่วันนี้ลูกผมคนหนึ่งต้องเรียนปริญญาโท ส่วนอีกคนหนึ่งเรียนหมอ ในขณะที่งานประกวดพระจัดขึ้นในวันอาทิตย์เท่านั้น และงานประกวดพระครั้งหนึ่งๆ ต้องส่งพระ ๒-๓ ร้อยองค์ จะเขียนใบส่งประกวดภายในเวลากำหนดคงไม่ทัน” นี่เป็นเหตุผลการออกจากวงการล่าโล่จากคำบอกเล่าของนายดรงค์
พร้อมกันนี้ นายดรงค์ยังบอกด้วยว่า การล่าโล่ในระยะแรกๆ เป็นเรื่องสนุก งานไหนมีถ้วยรางวัลใหญ่จะต้องเอาชนะให้ได้ ในงานประกวดพระแต่ละครั้งใช้เงินค่าส่งประกวดประมาณ ๓๐,๐๐๐-๔๐,๐๐๐ บาท ซึ่งที่ผ่านมามีพระเครื่องติดรางวัลที่ ๑ นับร้อยๆ องค์ ได้ถ้วยมาเกือบทุกสนาม ที่สำคัญ คือ ได้ถ้วยพระราชทานของพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ รวมทั้งโล่ และถ้วยรางวัลแล้วไม่ตำกว่า ๒๐๐ ใบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รางวัลสูงสุดทุกสนามก็เริ่มเกิดความเบื่อหน่าย นอกจากนี้แล้ว ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งเหรียญหลังเต่า เจ้าคุณนร ถูกเปลี่ยน โดยกว่าได้คืนมาต้องใช้เวลานาน ขณะเดียวกันการตัดสินเริ่มมีความไม่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น มีการเล่นพรรคเล่นพวก ตัดสินให้เฉพาะพระของพวกตัวเองให้ติดรางวัล ในที่สุดก็ไม่ส่งพระเข้าประกวดอีกเลย
“ความเป็นธรรมเป็นเรื่องสำคัญของการตัดสิน เมื่อหมดความเป็นธรรมคนก็จากหายไปจากวงการ ทุกวันนี้ผมภูมิใจกับโล่และถ้วยรางวัลที่ได้รับ ทุกๆ โล่ และทุกๆ รางวัล เมื่อถึงจุดสูงสุดแล้วผมคิดว่า เราจะไปสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นทำไม ที่ผ่านมาผมชนะมามากแล้ว ปล่อยให้คนอื่นชนะ ปล่อยให้คนอื่นได้รับรางวัลบ้าง ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ผมเชื่อว่านักล่าโล่จะเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตัวมาสู่วงการประกวดพระเสมอ อย่างที่เขาว่าสมบัติผลัดกันชมนั่นแหละ” ดรงค์กล่าวทิ้งท้าย
“ผมภูมิใจกับโล่และถ้วยรางวัลที่ได้รับ ทุกๆ โล่ และทุกๆ รางวัล เมื่อถึงจุดสูงสุดแล้วผมคิดว่าเราจะไปสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นทำไม ปล่อยให้คนอื่นได้รับรางวัลบ้าง ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร”
0 เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู 0