
หลวงพ่อคูณหลวงตาบัว อริยะสงฆ์ชวยชาติที่...พยัพ คำพันธุ์ แต่เพลงถวาย
ในบรรดาบทเพลงนับร้อยๆ เพลงที่นายพยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย แต่ง มีอยู่ ๒ เพลงเท่านั้นที่นำเรื่องของพระมาเขียนเป็นเพลง คือ เพลงหลวงพ่อคูณ แต่งให้ แอ๊ด คาราบาว ร้อง ส่วนอีกเพลงหนึ่งแต่งเองร้องเอง คือ เพลงหลวงตามหาบัว
“เพลงหลวงพ่อคูณออกมาในยุคที่บ้านเมื่ออยู่ในภาวะวิกฤติมาก หลวงพ่อคูณท่านเป็นพระที่เสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ท่านเป็นพระสงฆ์ท่านยังมีใจช่วยชาติบ้านเมือง ปัจจัยที่ท่านได้มานั้น ท่านนำไปสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล สะพาน หรืออาจจะเรียกว่า สร้างทุกอย่างที่เป็นสาธารณประโยชน์ สมัยนั้นนักการเมืองเข้าหาท่านให้เขกกบาล ชนิดเรียกว่า หัวกระไดกุฏิไม่แห้ง ทุกคนได้พรจากหลวงพ่อคูณไป แต่น้อยคนนักที่ทำตามคำของท่าน”
นี่เป็นแรงบัลดาลใจของพยัพ ในการแต่งเพลง หลวงพ่อคูณ หรือ พระเทพวิทยาคม เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หรือ "เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด"
พยัพ บอกว่า เพลงหลวงพ่อคูณแต่งไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๘ หรือ ๑๖ ปี ก่อน ช่วงนั้นเพลงของแอ๊ด คาราบาว ถูกสั่งห้ามเปิดจำนวนมาก เพลงนี้ออกมาในช่วงที่หลวงพ่อคูณได้รับความนิยมอย่างสุดขีดชนิดที่เรียกว่า แต่ละวันท่านต้องรับแขกวันนับพันคน ใครจะเข้าพบท่านเป็นเรื่องที่ยากมาก ครั้งแรกไปเห็นแต่กุฏิท่าน ได้เห็นท่านไหนระยะไกลๆ ก็เที่ยวไปเที่ยวมาหลายครั้งโดยนั่งรอที่หัวบันไดกุฏิหลายครั้ง ในที่สุดท่านก็เรียกเข้าไฟพบ จากนั้นก็ไปหาท่านอีกหลายครั้ง บางครั้งสนทนาธรรมกับท่านถึงสว่าง
“มึง กู” เป็นสรรพนามที่หลวงพ่อคูณใช้เรียกแทนผู้เข้าพบ และตัวเองโดยไม่เลือกหรือแบ่งแยกว่าใครเป็นใคร จะเป็นรัฐมนตรีใหญ่คับกระทรวง นักธุรกิจรวยล้านฟ้า หรือจะเป็นชาวบ้านธรรมดาหาเช้ากินค่ำ ท่านก็จะใช้สรรพนามนี้ตลอด ซึ่งเป็นการแสดงตัวตนที่แท้จริงของท่านว่า เป็นที่นับถือขอสานุศิษย์ทุกชนชั้น จึงเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงหลวงพ่อคูณออกมา
“เมื่อแต่งเสร็จก็โทรหาแอ๊ด คาราบาวทันที โดยแอ๊ดบอกว่าลุงยับถ้าจะยังไม่ซางเมา โทรมาได้ดึกๆ ดื่นๆ ” พยัพ กล่าว
อย่างไรก็ตามหลังแอ๊ดบันทึกเสียงเสร็จ พยัพได้เดินทางไปกราบขออนุญาตหลวงพ่อคูณ พยัพ เล่าให้ฟังว่า หลังจากพูดขออนุญาตแล้วหลวงพ่อคูณบอกว่า “มึงร้องให้กูฟังหน่อยสิ” ระหว่างร้องท่านก็หัวเราะชอบใจมาก เมื่อร้องเพลงจบท่านก็บอกว่า “เออดีๆ ไอ้นายมึงร้องได้ดี” หลังจากเทปชุดนี้ออกวางแผงและถูกเปิดปรากฏว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง ในครั้งนั้นตนและแอ๊ดได้นำเงินไปถวายหลวงพ่อคูณเพื่อสมทบทุนสร้างสะพานจำนวน ๒ ล้านบาท
สำหรับเนื้อหาในเพลงหลวงพ่อคูณนั้น พยัพ บอกว่า เป็นคำที่หลวงพ่อพูดกับนักการเมืองที่เข้าพบบ่อยๆ โดยเฉพาะประโย “ไอ้นายเอย เมื่อเป็นเจ้าเป็นนายคนในบ้านเมืองแล้ว ต้องดูแลประชาชนเด้อ ระวังประชาชนเขาจะเดือดร้อน” ซึ่งจากที่ได้หลวงพ่อคูณหลายครั้ง สิ่งที่ได้เห็นคือ “รัฐมนตรี และ ส.ส. ที่รับปากกับท่าน ส่วนใหญ่ทำไม่ได้”
“วันนี้ท่านอายุมากแล้ว ขณะเดียวกันลูกศิษย์ท่านก็รอพบจำนวนมาก ผมดีใจมากที่ได้ร้องเพลงให้หลวงพ่อคูณฟังอีกครั้ง โดยร้องท่อนแรกที่ว่า เมตตา ขณะที่ร้องลูกศิษย์นั่งพนมมือฟัง ระหว่างร้องผมถึงกับขนลุก ไม่คิดว่าจะได้ร้องเพลงให้ท่านฟังอีกครั้งหนึ่งที่สำคัญ คือ ท่านยังจำเพลงนี้ได้ ” พยัพ กล่าว
พร้อมกันนี้ พยัพ ยังบอกด้วยว่า การนำเรื่องของพระมาเป็นเพลงไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นพระที่มีลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งมีคนศรัทธามากๆ เป็นเรื่องยาก ต้องคำนึงถึงลูกศิษย์และคิดถึงคนฟังว่า ทำอย่างไรจะแต่งให้เข้าหูเป็นที่พอใจของคนทั้ง ๒ กลุ่ม แม้ไม่สามารถบรรยายอะไรได้มากมาย แต่ต้องมีคติธรรมจากวัตรปฏิบัติของท่าน
ผ้าป่าช่วยชาติหลวงตาบัว
“หลวงตามหาบัวท่านเป็นพระที่ช่วยชาติบ้านเมือง ทั้งๆ ที่ท่านเป็นพระ แต่ประชาชนที่มีอันจะกินที่ดี มีกินอย่างเหลือเฟือ ทำไมไม่คิดที่จะช่วยชาติเหมือนหลวงตาบัวบ้าง”
นี่เป็นแรงบัลดาลใจของพยัพ ในการแต่งเพลง ผ้าป่าช่วยชาติหลวงตาบัว หรือพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยเขาได้แต่งปีนี้เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๔๓ หรือ ๑๒ ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงแรกๆ ของการเริ่มโครงการผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตามหาบัว แต่เพลงนี้ไม่ดังเท่าเพลงหลวงพ่อคูณ เพราะถูกสั่งห้ามเปิดออกอากาศทั้งทางสถานนี้วิทยุและโทรทัศน์
พยัพ บอกว่า ไม่เคยไปกราบหลวงตาบัวเลยสักครั้ง แต่ท่านทำหน้าที่ได้ได้เกินคำว่า กิจของสงฆ์ ท่านเป็นพระยังคิดยังทำเพื่อชาติ คนไทยก็น่าจะยึดแนวทางช่วยชาติของท่านบ้าง โดยเฉพาะอยากให้เพลงนี้สื่อไปถึงนักการเมืองที่ว่า “พระท่านยังมีศรัทธาช่วยชาติ แต่ผู้มีอำนาจคิดจะช่วยชาติกันบ้างไหม” และมักจะร้องเพลงผ้าป่าช่วยชาติหลวงตาบัวคู่กับเพลงหลวงพ่อคูณ
สำหรับเนื้อเพลงของหลวงตามหาบัวช่วยชาตินั้น คือ “ผ้าป่าสามัคคี พระท่านยังมีศรัทธาช่วยชาติ แต่ผู้มีอำนาจคิดจะช่วยชาติกันบ้างไหม บ้านเมืองกำลังจะแย่ท่านจะแก้กันอย่างไร เพี้ยง หากใครคิดชั่วอมเงินหลวงตาบัวให้มีอันเป็นไป เงินทองของหลวงตาบัว ชี้แจงอย่ามั่ว นะจ๊ะจะบอกให้ กองทุนช่วยประเทศพวกเปรตอย่ามาทำลาย ใช้จ่ายโดยไม่ถูกต้องระวังเงินทองจะลุกเป็นไฟ
เพี้ยง ถ้าใครคิดโกงจะแช่งลงในโอ่งที่ตั้งสามใบ อายสงฆ์ผู้ทรงศีล ต้องบิณฑบาตเรื่อยไป เงินทองที่ท่านได้มา ศรัทธาสาธุชนยิ่งใหญ่ สวรรค์นั้นอยู่ในอก นรกนั้นอยู่ในใจ ทำชั่วหรือทำดีก็เห็นกันในชาตินี้ไม่หนีไปไหน มุสาน่าอนิจจัง เงินในท้องพระคลังจะล่มจมหาย ตั้งงบเอาไว้คอยงาบ มันบาปจริงๆ กันรู้ไหม หลวงตาไม่อยากเอ่ยปาก เดี๋ยว บ้วนด้วยน้ำหมากแช่งให้ล้มละลาย”
ส่วนท่อนที่ประทับใจนั้น พยัพ บอกว่า “อายสงฆ์ผู้ทรงศีล ต้องบิณฑบาตเรื่อยไป เงินทองที่ท่านได้มา ศรัทธาสาธุชนยิ่งใหญ่ สวรรค์นั้นอยู่ในอก นรกนั้นอยู่ในใจ ทำชั่วหรือทำดีก็เห็นกันในชาตินี้ไม่หนีไปไหน
“อายสงฆ์ผู้ทรงศีล ต้องบิณฑบาตเรื่อยไป เงินทองที่ท่านได้มา ศรัทธาสาธุชนยิ่งใหญ่ สวรรค์นั้นอยู่ในอก นรกนั้นอยู่ในใจ ทำชั่วหรือทำดีก็เห็นกันในชาตินี้ไม่หนีไปไหน”
เรื่อง/ภาพ ไตรเทพ ไกรงู