พระเครื่อง

หลวงพี่โต้ง-หลวงพี่สังคม 
พระลุยไฟป่าอันมีเหตุมาจาก..."ไฟกิเลสในใจคน"

หลวงพี่โต้ง-หลวงพี่สังคม พระลุยไฟป่าอันมีเหตุมาจาก..."ไฟกิเลสในใจคน"

24 ก.พ. 2554

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้รายงานสถานการณ์ไฟป่าเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๓ มีการเกิดเหตุ กว่า ๖,๗๐๐ ครั้ง พื้นที่ป่าอนุรักษ์เสียหายกว่า ๘๓,๐๐๐ ไร่ รุนแรงกว่า พ.ศ. ๒๕๕๒ และคาดอีกว่า พ.ศ. ๒๕๕๔ นี้ระหว่างปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นพฤษภาคม สถานการณ์ไฟป่าจะรุนแ

  “ถ้าพวกท่านอยากรู้และสัมผัสว่านรกมีจริงและร้อนสาหัสเพียงใด ให้มาช่วยกันดับไฟป่า ที่วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม ดูสิ”

 นี่คือคำท้าทายและเชิญชวนให้พวกเราทุกคนมาพิสูจน์ ถึงความยากลำบากอย่างแสนสาหัสของพระสังคม ธนปัญโญ รองเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม ต.แม่สาบ/ยั้งเมิน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ หรือ "หลวงพี่สังคม" พระนักพัฒนารูปหนึ่ง บนยอดดอยผาส้ม ดูแลผืนป่าเกือบแสนไร่ ครอบคลุมพื้นที่ป่าสะเมิง อันเป็นป่าต้นน้ำแม่ขาน ที่ไหลลงสู่แม่น้ำปิง ก่อนที่จะไหลมาร่วมกันที่ปากน้ำโพธิ์ จ.นครสวรรค์ กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา

 หลวงพี่สังคม เล่าให้ฟังว่า ๕ ปีเต็มๆ ที่ต้องคอยปกป้องคุ้มครองผืนป่าต้นน้ำแห่งนี้ ที่เคยถูกไฟไหม้ทุกปี และมีการแผ้วถางบุกรุกอยู่อย่างสม่ำเสมอของผู้ละโมบบางคน การลักลอบค้าไม้ บางครั้งต้องถูกกลั่นแกล้งต่างๆ นานา ถูกกดดันจากผู้เสียผลประโยชน์ แต่ท่านก็ต้องอดทนและตั้งสติให้มั่นคง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อผืนป่าที่ร่อยหรอลงทุกปี หากเราไม่เริ่มทำ และเอาจริงเอาจัง ใครเล่าจะมาช่วยเรา

 รัฐมนตรี ผู้หลักผู้ใหญ่ เขาไม่รู้จริงหรอก ระดับสูงเขาไม่เคยมาลงมือดับไฟป่าเองอย่างอาตมาหรอก เขาไม่เคยอยู่ท่ามกลางไฟป่าที่ร้อนสาหัส และเห็นภาพความสูญเสีย ด้วยน้ำตา จึงอย่าหวังว่าเขาจะอินกับมันและอินกับความทุกข์ยากลำบากของคนรากหญ้า การแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจึงเป็นแค่ทางผ่านของงบประมาณ และการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกจุดไม่ยั่งยืน

 ”รัฐบาลชุดนี้ฝากเยอะแล้ว ไม่ว่าเรื่องแนวคิดธนาคารต้นไม้ ในการแก้ปัญหาวิกฤติเกษตรกรและวิกฤติชาติ อย่างยั่งยืน ทั้งท่านอภิสิทธิ์ ท่านสุวิทย์ ท่านชัยพร พบมาหมดแล้ว ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้า พวกเราคนเล็กคนน้อย ชนชั้นรากหญ้านี่แหละก้มหน้าก้มตาทำไป ทำตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงของเรา ป่า ๓ อย่างประโยชน์ ๔ อย่าง ทำให้พอกิน พออยู่ พอใช้ แล้วจะได้ความร่มเย็น ทั้งกายและใจ อย่าไปหลงปลูกพืชเชิงเดี่ยว หันกลับมาเชื่อพ่อ เดินตามรอยเท้าพ่อของแผ่นดิน รับรองเราจะรอดพ้นจากวิกฤติได้อย่างแน่นอน" หลวงพี่สังคมกล่าว

 พร้อมกับคาดสถานการณ์ไฟป่า ด้วยว่า “ไฟป่าปีนี้จะสาหัสและรุนแรงกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เพราะปีที่แล้วชาวบ้านดับไฟป่าแล้วได้เงินเพราะเป็นความผิดพลาดอย่างแรงของกระทรวงทรัพย์ฯ ที่ไม่เข้าใจวิธีการป้องกันและแก้ไข ให้ได้ผลและอย่างยั่งยืน ทำธนาคารต้นไม้(Tree Bank) สิ ตามแนวทางพระราชดำริ ป่า ๓ อย่างประโยชน์ ๔ อย่าง ปลูกให้พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น ก็จะตามมา ให้ชาวบ้านมีผลประโยชน์กับป่า ปลูกป่าแล้วเขาได้เงิน ดูแลป่าแล้วได้ผลประโยชน์ด้วย”

 อย่างไรก็ตาม คนจำนวนไม่น้อยอาจจะตั้งคำถามว่า "ดับไฟป่าไม่ใช่หน้าที่ของพระ?" ทั้งนี้หลวงพี่สังคมตอบคำไว้อย่างน่าคิดว่า "วัดควรจะหมายรวมถึง แหล่งรวมจิตใจของคน ที่จะให้ที่พึ่งพิงทางจิตใจให้แก่คน ดังนั้นสถานที่ใดๆ ก็ตามที่สามารถรวมจิตใจของคนได้ สั่งสอนคนให้เป็นคนดี มีสัมมาทิฏฐิได้ อยู่แล้วสงบสุข สบายใจ นั่นก็เปรียบเสมือนวัดได้ สถานที่ต่างๆ ที่ใช้สร้างคนก็คือวัดนั่นเอง อาจไม่ต้องมีสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตก็ไม่เป็นไร ในลำห้วย ในคอกหมู ที่ใดก็ได้ ดังนั้น หากเราพาคนไปสร้างฝายในป่า ในลำห้วยนั่นแหละคือวัด หากเราไปสอนคนเลี้ยงหมูหลุม ก็คอกหมูนั่นเองเป็นวัด หากพาคนไปดับไฟป่า ก็แนวกันไฟนั่นคือวัดของเรา ในมุมมองของวัดพระบรมธาตุดอยผาส้มนั้น เราจะมีคำถามแก่ผู้มาที่วัดซึ่งจะเป็นสิ่งกระตุ้นอุดมการณ์ว่า เราจะทำประโยชน์อะไรให้แก่ชุมชน สังคม และประเทศชาติได้บ้าง โดยการใช้หลักการเข้าถึงชุมชนอย่างแท้จริง"

ไฟป่ามีเหตุจากไฟกิเลสในใจคน
 "ไฟป่าที่เกิดขึ้นในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นป่าไหนจังหวัดใด ไม่ใช่ไฟป่าที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หากเป็นไฟป่าที่เกิดจากน้ำมือคน ไฟป่าที่มาจากไฟกิเลสในใจคน คงเป็นเรื่องยากที่จะดับไฟป่าให้หมดลงได้ ตราบใดที่เรายังดับไฟกิเลสในใจคนให้ดับลงไม่ได้" นี่คือคำยืนยันของ พระครูธรรมคุต (พระอธิการสรยุทธ ชยปญฺโญ) หรือหลวงพี่โต้ง เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม ที่มีประสบการณ์ต่อสู้กับไฟป่าเพื่อรักษาป่าต้นน้ำมา ๕ ปีเต็มๆ

 หลวงพี่โต้งบอกว่า หากลองมองย้อนดูในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ออกเดินทางเผยแผ่หลักธรรม ไปยังสถานที่ต่างๆ ทั้งในเส้นทางสายปกติและในป่าเขาที่ยากจะเข้าถึง พระองค์ก็ได้ใช้ป่าเขาลำเนาไพร ถ้ำคูหาต่างๆ เป็นวัดทั้งนั้น วัดวาอารามหาได้มีมากเท่ากับปัจจุบันไม่ แต่ทำไมมีผู้บรรลุธรรม สำเร็จอรหันต์เป็นจำนวนมาก เพราะวัดไม่ได้เป็นเฉพาะบ้านพักของวัดแต่อย่างเดียว หากแต่เป็นที่ยกระดับจิตใจของคนด้วย หากเราคิดแต่จะสร้างวัดที่มีเพียงวัตถุ โบสถ์วิหารเท่านั้น ก็คงสำเร็จประโยชน์ไม่มาก เหมือนกับให้ความสนใจเพียงเปลือกภายนอก ไม่ได้เข้าไปสัมผัสถึงแก่นแท้ของคุณธรรม ปัญหาต่างๆ จึงมีให้เห็นมากมายดังเช่นทุกวันนี้ จุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ ในสังคมนั้น ล้วนเกิดขึ้นจากคนขาดคุณธรรมทั้งสิ้น

 การพัฒนาของวัด ทางวัดได้น้อมนำเอาศาสตร์ของพระราชามาบูรณาการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมด้วย หลักบวร ๔ ด้าน ด้านแรกก็คือ ด้านอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ การปลูกป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่างตามแนวทางพระราชดำริ เรื่องธนาคารต้นไม้ เรื่องป้องกันดูแลรักษา แม้เรื่องหมอกควันและไฟป่าก็อยู่ในเรื่องแรกนี้

 ๒.เรื่องเกษตรอินทรีย์การทำน้ำยาอเนกประสงค์ ปุ๋ยอินทรีย์ ยาไล่แมลง ฮอร์โมนพืช เรื่องการพึ่งตนเองด้านเกษตรอินทรีย์ทั้งหมดจะอยู่นี่ ๓.เรื่องพลังงานทดแทน วัดเราจะทำไบโอดีเซลเองจากน้ำมันทานตะวัน รถวัด โตโยต้า เติมน้ำมัน บี ๑๐๐ ทำเอง และเรื่องที่ ๔.ที่ทางวัดทำก็คือการศึกษาทางเลือก คือขอตั้งโรงเรียนม.๑-ม.๖ สอนเอง ทำหลักสูตรเอง ให้เขาเรียนที่บ้านที่วัด เรียนรู้ชุมชน เรียนวิธีการพึ่งตนเองให้ได้มากที่สุด ตามรอยเท้าพ่อ คือ ปลูกกิน ปลูกอยู่ ปลูกใช้เป็น กตัญญูรู้คุณ พ่อแม่ จบแล้วไม่ไปของานใครทำ

  หลวงพี่สังคมและหลวงพี่โต้งต้องดูและเกือบแสนไร่ ป่าต้นน้ำปิง ไหลลงสู่เจ้าพระยานั่นแหละ พวกเราทั้งคนต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำได้ประโยชน์ร่วมกันนั่นแหละ ตอนนี้ที่วัดอยากได้งบมาช่วยจ้างคนดูแลไฟป่าช่วยกัน รถขับเคลื่อนสี่ล้อเก่าๆ สักคัน ไว้ขนคน ขนน้ำไปแนวกันไฟ หรือใครอยากมาเป็นอาสาสมัครดับไฟป่า โทรไปที่ ๐๘-๙๕๗๔-๒๕๒๘ หรืออีเมล : [email protected] ส่วนใครมีกำลังทรัพย์มากพอร่วมทำบุญได้ที่ บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาสะเมิง เลขบัญชี ๕๔๔ ๐๑๕๒ ๐๖๓ (มีใบอนุโมทนาบัตรลดภาษีได้)

 "สถานที่ต่างๆ ที่ใช้สร้างคนก็คือวัด หากเราพาคนไปสร้างฝายในป่า ในลำห้วยนั่นแหละคือวัด หากเราไปสอนคนเลี้ยงหมูหลุม ก็คอกหมูนั่นเองเป็นวัด หากพาคนไปดับไฟป่า ก็แนวกันไฟนั่นคือวัดของเรา"

เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู