
'ธรรมชาติขององค์พระทำปลอมไม่ได้''เปี๊ยก ปากน้ำ'ผู้สร้าง'คนรุ่นใหม่'ให้ดูพระเป็น
เติมศักดิ์ ปิยะมณีพร หรือ เปี๊ยก ปากน้ำ เป็น เซียนพระ รุ่นเก่าคนหนึ่ง แม้จะไม่ใช่รุ่นแรกๆ แต่ก็มีความอาวุโสพอสมควร เพราะได้คลุกคลีอยู่ในวงการนี้อย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๓ นับถึงวันนี้ก็กว่า ๓๐ ปีแล้ว
เปี๊ยก เล่าว่า "ผมเกิดที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ สมัยเด็กๆ ประมาณปี ๒๕๐๔ ที่วัดบางนานอก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้จัดพิธีปลุกเสกพระสมเด็จ พระหลวงพ่อทวด และเหรียญ ทางวัดได้ขึ้นป้ายขนาดใหญ่เขียนว่า พิธีนี้จะมีหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม มาพายเรือบนอากาศ หลวงพ่อทอง วัดถ้ำทอง จะชี้ให้เรือหลวงพ่อเงิน ขาด ๒ ท่อน พระอาจารย์จำลอง วัดคีรีวัน จะเอามือกวนลงไปในกะทะใบบัวหุงน้ำมันมนต์ รักษาโรค หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จะเดินบนบายศรี พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ จะมาเป็นประธานปลุกเสกพระหลวงพ่อทวด ฯลฯ ผมจึงเกิดความสนใจ พอถึงวันทำพิธี ผมก็ไปที่วัด ได้เห็นเหตุการณ์มหัศจรรย์ต่างๆ เกิดขึ้นจริง จนคิดว่า พระท่านเล่นกลกันหรือเปล่า ถามผู้ใหญ่ก็ได้ความว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นด้วยคาถาอาคม อย่างที่ได้เห็น นอกจากนี้ในพิธีนี้ หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง ท่านจุดเทียนชัยในระยะห่างๆ แต่ไฟก็ติดที่ปลายเทียน อย่างน่าอัศจรรย์ ขณะเดียวกัน พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ตอนยังไม่ได้ทำพิธีก็ดูท่านอายุไม่มากนัก แต่พอเริ่มนั่งปรกปลุกเสก ดูหน้าตาท่านชราภาพมาก หลังคุ้มตัวดำ นั่งเคี้ยวหมาก เหมือนกับภาพหลวงพ่อทวดที่ปรากฏอยู่บนองค์พระของท่าน ผมจึงสนใจพระหลวงพ่อทวดตั้งแต่สมัยนั้น"
ต่อมาปี ๒๕๑๓ เปี๊ยก ได้บวชที่วัดบางน้ำผึ้งใน ได้เห็นผู้ใหญ่มานั่งเล่นประมูลพระกันที่ร้านกาแฟในวัด ก็ยิ่งเพิ่มความสนใจพระเครื่องขึ้นมาอีก โดยเฉพาะพระหลวงพ่อทวด และพระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จึงได้ขอแบ่งจากเซียนพระท่านหนึ่ง องค์ละ ๓๕๐ บาท พอสึกออกมาได้แขวนพระ ๒ องค์นี้ติดตัวเป็นประจำ ปรากฏว่าได้เงินใช้ทุกวัน ไม่ขาดมือ แสดงว่าเป็นพระเมตตามหานิยม โชคลาภดี ขณะที่พระหลวงพ่อทวดก็ดีทางด้านแคล้วคลาดปลอดภัย และเมตตามหานิยมเช่นกัน
ช่วงนั้น เปี๊ยก ทำงานรถเมล์ที่ตลาดปากน้ำ จ.สมุทรปราการ ได้พบเห็นบรรดาเซียนพระนั่งส่องดูพระและซื้อขายประมูลพระกันที่ลานวัดใกล้ท่ารถเมล์ ก็เลยไปดูไปฟังเขาคุยกันเรื่องพระ จนซึมซับความรู้ได้บ้าง แต่ที่ได้มาเต็มๆ คือ ความกล้าที่จะถามผู้ใหญ่ เมื่อสนใจพระองค์ใดองค์หนึ่ง จะถามจนได้เรื่อง ต่อมาได้รู้จักกับ จ่ามานิตย์ ปัถพี และ อ.สมศักดิ์ จวงสวัสดิ์ ซึ่งเป็นเซียนพระชื่อดังสมัยนั้น ท่านก็ได้เมตตาแนะนำเรื่องการดูพระให้เป็นประจำ เพราะความกล้าเข้าหาผู้ใหญ่ของเปี๊ยกนั่นเอง
"สมัยนั้นเวลาผมจะซื้อพระจากใคร ผมจะบอกว่า ผมดูพระไม่เป็นนะครับ ถ้าไม่แท้ผมจะเอามาคืน คนขายบอกว่าได้ ผมจึงได้ซื้อพระไปองค์หนึ่ง ๖๐๐ บาท จากนั้นก็เอาพระไปขายกับคนในสนามพระอีกคนหนึ่ง ในราคา ๘๐๐ บาท เขาต่อราคาลงเหลือ ๔๐๐ บาท ผมไม่ขายเพราะขาดทุน แสดงว่าพระของเราแท้ แต่ถ้าคนที่เราบอกขาย ไม่ต่อรองราคาไม่สนใจเลย แสดงว่าเป็นพระเก๊ ผมก็เอาพระไปคืนคนที่ไปซื้อพระเขามา เขาก็คืนเงินให้เต็มจำนวน คนสมัยก่อนถ้าเราก็ขอคำมั่นสัญญา เขาก็มีสัจจะ ไม่คิดคดโกงแต่อย่างใด ที่สำคัญคือ เราเป็นผู้น้อย ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเอาไว้ก่อน อย่าไปอวดเก่ง อวดรู้ เพราะผู้ใหญ่ไม่ชอบ โอกาส "ถูกลองดี" จะมีมากด้วย" เปี๊ยก บอกกล่าวถึงการซื้อพระให้ได้ของแท้ ซึ่งยังเป็นวิธีที่ใช้ได้ในทุกวันนี้
ปี ๒๕๒๓ เปี๊ยก ได้เข้าสู่วงการพระอย่างเต็มตัว โดยอาศัยมุมหนึ่งของแผงพระ ศักดา เลี่ยมพระ ใน สนามพระท่าพระจันทร์ โดยเปี๊ยกจะเปิดขายพระในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ส่วนวันอื่นๆ จะไปนั่งพูดคุยกับเซียนพระรุ่นพ่อรุ่นพี่ และเพื่อนๆ ด้วยกัน มีอะไรสงสัยก็สอบถามขอความรู้เขาได้ รวมทั้งขอดูพระองค์จริงก็ไม่มีใครขัดข้อง เพราะรู้จักกันดีทุกคน
ตรงจุดนี้ เปี๊ยก บอกว่า เป็นการเรียนรู้จากพระแท้องค์จริงได้เป็นอย่างดี ถ้าเก่งหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวเราเองว่า จะสามารถตักตวงความรู้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่ส่วนใหญ่แล้ว ใครก็ตามหากได้อยู่ในสนามพระท่าพระจันทร์ และสนใจใฝ่เรียนรู้ในการดูพระเครื่องอย่างจริงจังตั้งใจแล้ว มักจะได้ดีทุกคน เรียกว่าได้เรียนจบจากสำนักตักศิลาด้านพระเครื่องแห่งนี้แล้วโดยสมบูรณ์ ก้าวออกไปสู่โลกพระเครื่องได้อย่างเต็มตัว
"ผมซื้อขายพระอยู่ในสนามท่าพระจันทร์ ๗ ปี ในระหว่างนั้น (ปี ๒๕๒๕) ผมได้ร่วมก่อตั้ง 'ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์ไทย' และได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานชมรมคนแรก รวมทั้งได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง 'สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย' ขึ้นด้วย ช่วงแรก็ได้ร่วมทำงานตลอดมา แต่ทุกวันนี้อายุมากแล้ว จึงถอยห่างออกมาให้คนรุ่นใหม่เขาทำกันต่อ ส่วนผมได้มาเปิดร้านพระขึ้นที่ตลาดรามอินทรา รวมทั้งได้จัดทำนิตยสารพระเครื่องต่างๆ อาทิ นักเลงพระ พระเครื่องเมืองไทย สโมสรพระเครื่อง และได้จัดทำตำราพระเครื่องเล่มใหญ่ปกแข็งชื่อหนังสือ 'พระดี เหรียญดัง ของขลัง เมืองไทย' มาถึงทุกวันนี้ ผมกำลังจัดทำหนังสือ 'พระคู่บารมี' ประเภทแขวนพระอะไรดีถึงจะถูกต้องกับดวงชะตาราศี นอกเหนือจากการศึกษาพระเครื่องประเภทต่างๆ อย่างถูกวิธี รวมทั้งได้ดูภาพพระแท้องค์จริงที่วงการพระนิยมกัน ขณะเดียวกันผมก็ได้จัดรายการ 'สโมสรพระเครื่อง' ทางสถานีวิทยุ ๐๑ ดอนเมือง คลื่น ๑๒๓๓ เอเอ็ม ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา ๔-๕ ทุ่ม และรายการโทรทัศน์ ช่อง abtv5- ออกอากาศที่อาคารเนชั่น ทาวเวอร์ เวลา ๓-๔ ทุ่ม ทุกวันพฤหัสบดี ท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับพระเครื่อง เชิญปรึกษาผมได้เสมอ ๒ รายการนี้มีผู้ติดตามชมและติดตามฟังกันมาก จากตัวเลขที่มีผู้ติดต่อเข้ามา ทำให้รู้ว่ามีผู้สนใจในเรื่องพระเครื่องมากมายทั่วประเทศ"
นอกเหนือจากนี้ เปี๊ยก ยังได้เปิดสอนวิธีดูพระเครื่องอีกด้วย โดยเปิดมาแล้วกว่า ๑๐ ปี สอนเฉพาะวันศุกร์ และวันเสาร์ เริ่มเวลาเที่ยงวันไปจนถึงเย็น หลักสูตร ๓ เดือน ปรากฏว่ามีผู้สนใจจากวงการต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ นักธุรกิจ พ่อค้า นักเรียน นักศึกษา ฯลฯ มาเข้าเรียนกันเยอะมาก จบไปแล้วหลายรุ่น บางคนมีงานประจำอยู่แล้วก็มาเรียนรู้ เพื่อจะได้ไปหาซื้อพระด้วยตัวเอง หลายคนที่มีสายตาแม่นยำ สามารถซื้อขายพระได้ดี จนมีรายได้มากกว่าเงินเดือนหลักเสียอีก ขณะที่มีอีกหลายคนได้รับการคัดเลือกให้เป็นกรรมการตัดสินพระของสมาคมไปแล้วก็มี
เปี๊ยก กล่าวว่า "การสอนวิธีพระของผม จะเอาพระแท้องค์จริงให้ศึกษา เพื่อให้พิจารณาพิมพ์ทรงองค์พระ เนื้อหามวลสาร และธรรมชาติขององค์พระ ว่าของแท้เป็นอย่างไร เพราะธรรมชาติขององค์พระทำปลอมไม่ได้ หากสามารถพิจารณาธรรมชาติขององค์พระได้ ก็จะเรียนรู้ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ผมได้กำหนดไว้ว่า การเรียนรู้เรื่องพระจะต้องมี ๑.สมอง รู้จักคิด ๒.สมุด รู้จักจดข้อมูลเอาไว้ ป้องกันลืม ๓.สายตาและความจำ ต้องแม่นอย่างชนิดติดตาไปตลอดเวลา พบเห็นพระที่ไหน ต้องพิจารณาได้ทันทีว่า แท้หรือปลอม แนวการสอนของผม เป็นการบรรยายกันสดๆ ใครมีข้อสงสัยถามได้ทันที ผมมีข้อมูลมาก จึงตอบได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นพระประเภทไหน ผมจะสอนพระครั้งละประเภท จะได้ไม่สับสน เพราะวิธีดูพระแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน เมื่อจบหลักสูตรแล้ว จะมีการทดสอบกันด้วย โดยผมจะเอาพระเก๊ฝีมือดีมาปะปนกับพระแท้ ถ้าสามารถพิจารณาได้ถูกต้อง ถือว่าสอบผ่านในระดับหนึ่ง ผมอยากให้คนรุ่นใหม่ดูพระเป็นกันมากๆ จะได้ซื้อขายพระกันง่ายขึ้น เมื่อทุกคนดูพระเป็น รู้ว่าองค์ไหนเป็นพระแท้ การตัดสินใจซื้อขายจะอยู่ที่ความพอใจในเรื่องของราคาเท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง วงการพระจะได้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันทุกคนก็จะได้ชื่อว่าเป็นนักสะสมพระเครื่องที่มีคุณภาพอีกด้วย"
สโมสรพระเครื่อง ของ เปี๊ยก ปากน้ำ ตั้งอยู่ที่ ๙/๒๒๓ ศูนย์การค้ารามอินทรา กม.๒ ถนนรามอินทรา เขตบางเขน กทม.โทร.๐-๒๕๕๒-๑๐๑๕, ๐๘-๑๙๐๔-๕๗๐๑
0 ตาล ตันหยง 0