
กระแส 'จตุคามรามเทพ' ในวันที่...ไร้ร่างและลมหายใจ 'หลวงหนุ่ย'
ในช่วงกระแส 'จตุคามรามเทพ' ฟีเวอร์นั้น การสร้างในแต่ละรุ่นจะมีเจ้าพิธีกรรมที่เป็นที่ยอมรับหลายคน และหนึ่งในนั้น คือ พระสังฆรักษ์ปรานพ ฐิตคนฺโธ หรือ "หลวงหนุ่ย" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหงษ์ประดิษฐาราม หรือ วัดคอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นมือว
เมื่อกระแสจตุคามฯ เริ่มเลือนหาย "หลวงหนุ่ย" ก็เริ่มเลือนรางไปด้วย กระทั่งวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นอีกหนึ่งวันที่จตุคามฯ กลับมาเป็นที่คุ้นหูอีกครั้ง เมื่อทราบข่าวการจากไปของเจ้าพิธีกรรมคนดัง ในบทบาทของฆราวาส หรือ "นายปรานพ เดชแก้วภักดี" ไม่ใช่ พระครูสังฆรักษ์ปราณพ หรือ "หลวงหนุ่ย" ดังเดิม
ภายหลังการเสียชีวิตของเจ้าพิธีกรรมดัง ไม่ผิดนักที่คนในวงการวัตถุมงคลจะมีการกล่าวขาน และย้อนตำนานในยุคที่จตุคามฯ เฟื่องฟู โดยเฉพาะจตุคามฯ รุ่นดังอย่างน้อย ๓ รุ่นที่ "หลวงหนุ่ย" ปลุกเสกเองกับมือ อีกทั้งยังเป็นจตุคามฯ รุ่นที่ตั้งใจทำเพื่อวัดคอหงส์โดยเฉพาะ ซึ่งทั้ง ๓ รุ่นดังกล่าวได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ "หลวงหนุ่ย" และวัดคอหงส์จนเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ
ไล่เรียงตั้งแต่ "พิมพ์จันทร์ลอย” รุ่นแรก พ.ศ.๒๕๔๗ ที่นำรายได้จากการสร้างในครั้งนั้น ไปจัดสร้างองค์จตุคามรามเทพองค์ใหญ่ และเทวสถาน ที่ปัจจุบันเปิดให้ประชาชนได้เข้าไปสักการบูชา ที่วัดคอหงส์ ซึ่งเป็นเทวสถานที่นับเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่ "หลวงหนุ่ย" ได้ตั้งใจทำให้แก่วัดบ้านเกิดอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน
นอกจากนี้ยังได้นำรายได้ส่วนหนึ่งไปสมทบทุนสร้างหอเกียรติยศ ห้องพยาบาล ของโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.นครศรีธรรมราช จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปัจจุบัน
รวมถึงจตุคามฯ แปดเหลี่ยม รุ่น "เจ้าสัว" พ.ศ.๒๕๔๘ และ รุ่น "๓ เพชรสมุทรบันดาลโชค" ปี ๒๕๔๙ ที่ "หลวงหนุ่ย" ได้สร้างปรากฏการณ์ลงเรือปลุกเสกพระทางทะเลใน ๓ มหาสมุทร ประกอบด้วย สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม และสมุทรปราการ
ทั้งนี้ยังไม่นับรวมกระแสจตุคามฯ ฟีเวอร์สุดๆ ในรุ่น "โคตรเศรษฐี" พ.ศ.๒๕๔๙, รุ่น "เจ้าพิธีกึ่งศตวรรษ" และรุ่น "ไหว้ครู" พ.ศ.๒๕๕๐ จนเป็นที่เลื่องลือนามก่อนกระแสจตุคามฯ ถึงจุดสูงสุด
นายนิธิศ เดชแก้วภักดี น้องชายหลวงหนุ่ย ผู้ซึ่งร่วมอยู่ในทุกเหตุการณ์สำคัญในอดีต สะท้อนความรู้สึกส่วนตัวให้ฟังว่า การจากไปของหลวงหนุ่ย จะไม่ส่งผลกระทบ หรือช่วยปลุกกระแสให้จตุคามฯ ฟื้นกลับคืนมาดังเปรี้ยงปร้างแต่อย่างใด หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจ และรำลึกถึงคุณงามความดี และเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ในการปลุกเสกวัตถุมงคลที่หลวงหนุ่ยได้สร้างไว้ โดยเชื่อเหลือเกินว่า แม้คนตาย ผลประโยชน์หาย แต่ความศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์จตุคามฯ จะยังคงอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองจะเป็นตำนานเล่าขานตราบนานเท่านาน
เช่นเดียวกับ นายบุญส่ง ธาดาประดิษฐ์ (เสี่ยลิ้ง หาดใหญ่) ผู้คร่ำหวอดในวงการพระเครื่องและวัตถุมงคล อีกทั้งยังเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้มีโอกาสคลุกคลีกับ "หลวงหนุ่ย" ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นฆราวาส จนก้าวสู่การเป็นเจ้าพิธีปลุกเสกจตุคามฯ ในยุคเฟื่องฟู ให้ความเห็นที่สอดคล้องกันว่า การจากไปของหลวงหนุ่ยในวันนี้หลงเหลือไว้แต่เพียงความทรงจำ และปรากฏการณ์ที่เหลือเชื่อแห่งองค์พ่อจตุคามฯ ที่ครั้งหนึ่งหลวงหนุ่ยได้มีส่วนร่วมในการสร้างปรากฏการณ์จตุคามฯ ฟีเวอร์
จตุคามฯ แทบทุกรุ่นที่หลวงหนุ่ยตั้งใจทำด้วยตัวเอง ล้วนเป็นที่แสวงหาของศิษย์และประชาชนทั่วไป และที่สำคัญที่สุด รายได้มหาศาลที่ได้มานั้น ส่วนหนึ่งถูกนำไปช่วยบูรณะเสนาสนะสงฆ์ หรือก่อสร้างสาธารณประโยชน์แก่ศาสนาและสังคม จนบรรลุตามวัตถุประสงค์ มากมายนับไม่ถ้วน
"กระแสจตุคามฯ ได้ผ่านช่วงเวลาที่ขึ้นสูงสุดไปแล้ว จะไม่มีวันหวนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก สิ่งที่เหลืออยู่ คือ ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เป็นที่ประจักษ์กันถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ ที่ครั้งหนึ่งหลวงหนุ่ยได้เป็นผู้มีส่วนร่วมในการทำให้วัตถุมงคลรุ่นต่างๆ นับ ๑,๐๐๐ รุ่น ซึ่งหากนับเป็นองค์ เชื่อได้ว่า คงมีมากกว่า ๑,๐๐๐,๐๐๐ องค์เป็นแน่แท้" นายบุญส่ง กล่าว
ปิด ๒ ตำนานเจ้าพิธีจตุคามฯ
เจ้าพิธีกรรมในช่วงกระแสจตุคามฯ ฟีเวอร์นั้น ที่เป็นที่ยอมรับมี ๗ ท่าน คือ ๑.พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ๒.พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ๓.นายอะผ่อง สกุลอมร หรือ "โกผ่อง" ๔.อาจารย์ประจวบ คงเหลือ ๕.พระสังฆรักษ์ปรานพ ฐิตคนฺโธ หรือ หลวงหนุ่ย ๖.ดร.ไมตรี บุญสูง และ ๗.พระอาจารย์โชติ วัดพุทไธศวรรย์ แต่ปัจจุบันนี้เหลือเพียง ๔ ท่าน คือ ๑.พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ๒.นายอะผ่อง สกุลอมร หรือ "โกผ่อง" ๓.อาจารย์ประจวบ คงเหลือ และ ๔.พระอาจารย์โชติ วัดพุทไธศวรรย์
พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เจ้าของฉายา "มือปราบจอมขมังเวท" เสียชีวิตเมื่อเวลา ๒๓.๒๗ น. วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๙ สิริอายุ ๑๐๘ ปี โดยมีผลงานอันเอกอุและลือลั่น คือ เป็นผู้เปิดตำนานวัตถุมงคลนาม "จตุคามรามเทพ" รุ่นที่ ๑ พ.ศ.๒๕๓๐ ในยุคจตุคามฯ ฟีเวอร์ ขุนพันธรักษ์ราชเดชมีส่วนร่วมในการจัดสร้างจตุคามรามเทพอีกหลายรุ่นด้วยกัน อาทิ รุ่นพุทธาคมขุนพันธ์เขาอ้อ พ.ศ.๒๕๔๔ รุ่นพุทธาคมเขาอ้อ พ.ศ.๒๕๔๕ รุ่นบูรณะเจดีย์ราย พ.ศ.๒๕๔๕ พระปิดตาพังพกาฬ วัดมะม่วงขาว พ.ศ.๒๕๔๖ นอกจากนี้ ยังมีวัตถุมงคลอื่นๆ ที่ทายาทขุนพันธ์จัดสร้าง และยังมีอีกมากมายที่มาขอชื่อขุนพันธ์เพื่อร่วมจัดสร้าง เนื่องจากวัตถุมงคลที่ขุนพันธ์เข้าไปร่วม ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง จะได้รับความนิยมอย่างสูง
ในขณะที่ ดร.ไมตรี บุญสูง เป็นผู้เลื่อมใสคาถาอาคม จนได้รับการยกย่องเป็น "ตำนานแห่งศิษย์สายเขาอ้อ จ.พัทลุง" ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคถุงลมโป่งพอง เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๐ จตุคามฯ ที่ออกและสร้างโดย ดร.ไมตรี นั้น มีเพียง ๒ รุ่น อันเป็นยอมรับในหมู่ลูกศิษย์ และผู้สะสมวัตถุมงคล สาย ดร.ไมตรี คือ จตุคามฯ รุ่น "บุญสูง" ออกเมื่อปี ๒๕๔๗ ถือว่าเป็นรุ่นแรก โดยได้ประกอบพิธีปลุกเสกที่วัดในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๗ ส่วนอีกรุ่นหนึ่ง คือ จตุคามฯ รุ่น "เพชรสมุยบุญสูง" ออกเมื่อต้นปี ๒๕๕๐ นอกจากนี้แล้ว ดร.ไมตรี ยังได้สร้างพระหลวงพ่อทวด ไว้หลายรุ่น โดยขอให้ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว จ.ปัตตานี ปลุกเสก ทุกรุ่นล้วนได้รับความนิยมจากนักสะสมพระเครื่องโดยทั่วไป
"กระแสจตุคามฯ ได้ผ่านช่วงเวลาที่ขึ้นสูงสุดไปแล้ว จะไม่มีวันหวนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก สิ่งที่เหลืออยู่ คือ ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เป็นที่ประจักษ์กันถึงความขลังและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ครั้งหนึ่ง 'หลวงหนุ่ย' ได้เป็นผู้มีส่วนร่วมสร้างขึ้น"
0 เรื่อง สุพิชฌาย์ รัตนะ / ภาพ-ศูนย์ภาพเนชั่น 0