
'คนดัง'บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)'เปี๊ยก การบินไทย'เข้าสู่วงการพระด้วยวัย ๑๓ ปี
ในแวดวง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีหลายคนที่เป็นนักสะสมพระเครื่องระดับแนวหน้า ที่รู้จักกันดี คือ ธงชัย ภู่บุญ (เปี๊ยก การบินไทย) ผู้ได้ชื่อว่า ทำงานอยู่กับการบินไทยด้วยความรักจากหัวใจอย่างสุดๆ จนเป็นที่รักและเมตตาของผู้บังคับบัญชาทุกระดับ รวมทั้งเพ
นอกจากนี้ ในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ว่างจากงานในหน้าที่ "เปี๊ยก" ยังเป็นผู้จัดทำอาหารรสเลิศไปบริการคณะกรรมการตัดสินพระ ในงานประกวดพระที่ สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย จัดขึ้นอีกด้วย จนเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่เพื่อนพ้องน้องพี่วงการพระทุกคน
จึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไม "เปี๊ยก" จึงมีพระหลักยอดนิยมติดตัวอยู่เสมอ "คมเลนส์ส่องพระ" ได้เคยนำภาพพระจาก "เปี๊ยก" มาลงให้ชมไปหลายองค์แล้ว มาถึงวันนี้ได้ฤกษ์เปิดตัว "เปี๊ยก" ให้ได้รู้กันถึงเส้นทางบนวงการพระที่ผ่านมากว่า ๔๐ ปี
"ผมเป็นชาวดอนเมืองโดยกำเนิด บ้านเกิดอยู่ละแวกวัดดอนเมือง พ่อเป็นลูกหลานหลวงปู่เผือก วัดโมลี แม่เป็นคนทำอาหารเก่ง ตอนเด็กผมเรียนหนังสือวัดดอนเมือง จบแค่ ป.๔ อายุประมาณ ๑๒ ปี ก็ไม่ได้เรียนต่อ ทั้งๆ ที่ฐานะทางบ้านไม่ได้ลำบากยากจนนัก แต่ผมเป็นคนไม่ชอบเรียน นิสัยค่อนข้างเกเร จึงออกจากบ้านไปทำงานที่สนามหลวง เป็นลูกจ้างพ่อของเพื่อน ทำหน้าที่ตักน้ำจากรูปปั้นพระแม่ธรณีบีบมวยผม เอาไปให้ที่ร้านขายปลาเงินปลาทอง และปลากัด เพื่อเอาไปใส่ในกระป๋องเวลาลูกค้ามาซื้อปลา ได้ค่าจ้างวันละ ๕ บาท ถือว่าเยอะมากสำหรับเด็กวัยนี้ บางวันที่ว่างจากงาน ผมจะเดินเข้าไปในวัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นสนามพระ ที่ปากทางเข้ามีแผงพระของ พี่สำราญ บางแค เซียนดังในสมัยนั้น นอกจากอาชีพซื้อขายพระแล้ว ยังซ่อมพระได้เก่งด้วย พี่ราญเห็นผมยืนดูพระด้วยความสนใจ จึงเมตตาแนะนำผมให้เล่นพระด้วย นับได้ว่า พี่ราญเป็นครูคนแรกที่จุดประกายให้ผมเข้าวงการพระ ท่านได้แนะนำวิธีพระให้ผมบ่อยๆ รวมทั้งให้ศึกษาพระแท้องค์จริงด้วย สมัยนั้นพระเก๊ยังมีไม่มากนัก เพราะพระแท้ราคายังไม่แพง อย่างพระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิง พิมพ์สมาธิ องค์ละ ๓๐๐ บาทเท่านั้น พี่ราญจึงมักจะให้ผมเอาพระไปเดินขายในสนาม พอขายได้พี่ราญจะแบ่งเงินให้ผม ๓๐ บาท ถือว่าเยอะมาก เยอะกว่าตักน้ำให้ร้านขายปลาเสียอีก ผมเลยปักหลักอยู่ในสนามพระวัดมหาธาตุ ตั้งแต่บัดนั้น ทำให้ผมมีรายได้ทุกวัน เรียกว่าเด็กรุ่นเดียวคราวเดียวกัน ผมมีเงินมากกว่าเพื่อน" เปี๊ยกเล่าย้อนอดีตของตัวเองที่ได้เข้ามาสู่วงการพระ
ด้วยนิสัยที่ชอบอ่อนน้อมถ่อมตน และชอบบริการคนอื่น ทำให้ 'เปี๊ยก' เป็นเด็กที่ผู้คนในสนามพระวัดราชนัดดา ต่างรู้จักและให้ความรักความเมตตาเสมอ งานที่ได้รับใช้คนรุ่นพี่รุ่นพ่อบ่อยสุดคือ การไปซื้อหาอาหาร น้ำชากาแฟ และบุหรี่ ทำให้ 'เปี๊ยก' ได้รับเศษเงินเป็นค่าทิปอยู่เสมอ รวมๆ แล้ววันหนึ่งได้หลายสิบบาท
แต่สิ่งที่ได้รับมากกว่านั้น คือการดูพระแท้องค์จริง และเป็นเด็กวิ่งขายพระให้ทุกคนที่เรียกใช้บริหาร พอมีเวลาว่างเซียนพระทั้งหลายจะสอนให้ดูพระเสมอ ส่วนใหญ่เป็นพระหลักที่วงการนิยมกันทั้งนั้น
ต่อมาเมื่อทางวัดยึดสนามพระคืน คนขายพระแตกออกเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปเช่าพื้นที่ตลาดพระท่าพระจันทร์ ทำเป็นสนามพระ จนถึงทุกวันนี้
อีกกลุ่มหนึ่งไปเปิดสนามพระอยู่ในวัดราชนัดดา ติดกับโรงหนังศาลาเฉลิมไทย ตรงจุดนี้ 'เปี๊ยก' เล่าว่า "ผมติดตามพี่ราญไปอยู่ที่สนามวัดราชนัดดา ได้พบกับเซียนพระอีกหลายคน เช่น ประเสริฐ แก่นจำปี อ.เภา ศกุนตะสุต ประสาน เสรีนุกูล เต่า ดวงดี ฯลฯ ช่วงนี้เองที่ผมได้เข้าทำงานที่เวิลด์ทราเวลเซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทการท่องเที่ยวและธุรกิจทุกอย่างเกี่ยวกับสายการบิน โดยก่อนหน้านั้น ผมได้ช่วยปกป้องนายทหารอากาศท่านหนึ่ง ซึ่งถูกกลุ่มวัยรุ่นดอนเมืองรุมทำร้าย สมัยนั้นวัยรุ่นเกเรที่ดอนเมืองเยอะมาก อาศัยที่ผมเองก็เป็นคนชอบบู๊ล้างผลาญ ไม่เกรงกลัวใครเลย พวกวัยรุ่นเหล่านั้นจึงรู้จักผมดี ผลพวงจากการช่วยนายทหารอากาศท่านหนึ่ง ทำให้ผมได้เข้าทำงานที่เวิลด์ทราเวลเซอร์วิส ในตำแหน่งบริการภาคพื้นดินที่สนามบินดอนเมือง จนมีการเปลี่ยนแปลงบริษัทอื่นๆ เข้ามารับช่วงแทน เมื่อสัญญาหมดอายุ และสุดท้าย บริษัท การบินไทย จำกัด เป็นผู้ได้รับหน้าที่บริการตรงจุดนี้ ทำให้ผมได้รับการโอนย้ายเข้าทำงานที่บริษัทการบินไทยด้วย โดยได้ทำงานในหน้าที่เดียวกันนี้มานานกว่า ๔๐ ปี จนถึงวันเกษียณอายุเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง
ตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ในบริษัทการบินไทย 'เปี๊ยก' ไม่ห่างเหินสนามพระเลย ยังคงเข้าออกซื้อขายพระอยู่เสมอ เพราะช่วงนั้นผมดูพระได้แม่นทุกประเภทแล้ว สามารถซื้อขายได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งได้ตระเวนไปส่งพระเข้าประกวดตามที่ต่างๆ
"ต่อมาผมได้รู้จักกับดิเรก สุวรรณศรี โกวิท แย้มวงษ์ เปี๊ยก ปากน้ำ ที่สนามพระตลาดไทยณรงค์ สะพานใหม่ โดยดิเรกได้ชวนให้ส่งพระรวมๆ กัน เพื่อจะได้โล่รวม ผมเองมีพระเยอะมาก จึงไปส่งพระเข้าประกวดด้วยกัน เรียกว่าไปล่าโล่รวมกันอย่างสนุกสนาน พอนานวันเข้าดิเรกหันมาจัดประกวดพระด้วยตนเองบ้าง โดยมีผมเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่ง เอาบ้านผมเป็นสำนักงาน จัดทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับประกวดพระ ไม่ว่าจะเป็นใบปลิว กล่องพระ ตู้พระ งานถ่ายรูปพระ ใบประกาศนียบัตร ฯลฯ ทำกันที่บ้านผมทั้งนั้น อาหารการกินก็ทำกันที่นี่ เพราะแม่บ้านผมมีฝีมือการทำกับข้าว ก็เลี้ยงกันที่บ้านผมนี่แหละ ต่อมาเมื่อปี ๒๕๓๗ การบินไทย จัดประกวดพระที่ห้างเซียร์ รังสิต โกวิทเป็นผู้เสนอว่า ที่ผ่านๆ มางานประกวดพระ กรรมการตัดสินพระต้องกินข้าวกล่องที่ผู้จัดงานเอามาเลี้ยง งานที่เซียร์รังสิตนี่ขอให้ผมทำอาหารใส่จานอย่างดีหน่อยได้ไหม เพราะเห็นว่าที่บ้านผมทำอาหารอร่อย ปรากฏว่างานครั้งนั้นทำให้บรรดากรรมการตัดสินพระชมกันว่าอาหารอร่อย จนเป็นที่เลื่องลือกันมาก นับว่าโกวิทเป็นคนจุดประกายให้ผม ซึ่งผมได้จดจำน้ำใจของเขาจนถึงทุกวันนี้" เปี๊ยก กล่าวถึงการทำอาหารเลี้ยงคณะกรรมการตัดสินเป็นครั้งแรก
จากการที่ได้ทำอาหารรสชาติอร่อย สะอาด เลี้ยงคณะกรรมการตัดสินพระบ่อยครั้งเข้า จนเข้าถึงหูของ คุณพยัพ คำพันธุ์ คุณต้อย เมืองนนท์ จึงได้เรียกตัว 'เปี๊ยก' ไปพบ เพื่อให้ทำอาหารเลี้ยงคณะกรรมการตัดสินพระ ในงานประกวดพระที่ทางสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยเป็นผู้จัด หรือให้การสนับสนุน จนกลายเป็นหน้าที่หลักที่ 'เปี๊ยก' ได้บริการให้กับเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการพระจนถึงทุกวันนี้
ขณะเดียวกัน 'เปี๊ยก' ก็ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับ 'ต้อย เมืองนนท์' มากขึ้น แทบจะเป็นเงาตามตัว ตรงจุดนี้ทำให้ได้เรียนรู้ดูพระแท้องค์จริง ที่ล้วนเป็นพระหลักยอดนิยมราคาแพงมากขึ้นด้วย รวมทั้งได้รับคำแนะนำการพิจารณาพระต่างๆ ที่คุณต้อยได้กรุณาสอนให้เสมอ
อย่างไรก็ตาม 'เปี๊ยก' บอกว่าได้มีผู้รับประทานแล้วชื่นชอบ ติดต่อขอให้ไปบริหารอาหารตามที่ได้จัดขึ้นในงานประกวดพระ ให้ไปบริการงานของเขาบ้าง แต่ 'เปี๊ยก' ได้ตอบปฏิเสธไปทุกราย เพราะที่ได้ทำอาหารเลี้ยงคนวงการพระก็เพราะมีใจรักเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการนี้เท่านั้น
ทุกวันนี้ 'เปี๊ยก' ได้เกษียณอายุจากการบินไทย แต่สำหรับวงการพระ 'เปี๊ยก' ยังคงเป็นเสาหลักที่ขอทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกันจรรโลงวงการพระ ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้น และเป็นที่น่าศรัทธาเชื่อถือของคนทั่วไป โดยเฉพาะการส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกคนเล่นแต่ พระแท้ และ มีความจริงใจต่อกัน
พบกับ เปี๊ยก การบินไทย ที่บ้านพักถนนสรงประภา ละแวกวัดดอนเมือง จะพบปะพูดคุย หรือปรึกษาหารือเรื่องพระได้เสมอ สอบถามโทร.๐๘-๑๘๔๐-๐๓๙๘
0 ตาล ตันหยง 0