
"ศรัทธาพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ เพราะเป็นพระแท้"วิสุทธิ์ พึ่งรัศมี (แป๊ะ ยะลา)
วงการห้างค้าขายทอง ใน ๔-๕ จังหวัดชายแดภาคใต้ หากเอ่ยชื่อสกุล "พึ่งรัศมี" ย่อมเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เพราะลูกหลานในตระกูลนี้ส่วนใหญ่มักจะประกอบธุรกิจห้างขายทองทั้งนั้น
และหนึ่งในนั้นก็คือ วิสุทธิ์ พึ่งรัศมี (แป๊ะ) เจ้าของ ห้างทองไท้เซ่งล้ง ถนนยะลา อ.เมือง จ.ยะลา เมืองที่ได้ชื่อว่ามีผังเมืองสวยงามเรียบร้อยที่สุดของประเทศไทย และยังได้รับตำแหน่งเมืองที่มีความสะอาดที่สุดอีกด้วย
พื้นเพเดิมของ วิสุทธิ์ (แป๊ะ) เป็นชาวนราธิวาสโดยกำเนิด เมื่อเรียนหนังสือจบชั้นประถมศึกษา คุณพ่อคุณแม่ก็ส่งตัวเข้ากรุงเทพฯ เรียนต่อชั้นมัธยม ๑-๖ และ มศ.๔-๕ ที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ พญาไท จากนั้นสอบเอนทรานซ์ได้ที่คณะพณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนจบปริญญาตรี ปี ๒๕๑๔ ก็ไม่ได้ไปทำงานที่ไหน เพราะคุณพ่อคุณแม่เปิดห้างทองอยู่ที่กลางใจเมืองยะลา ช่วงนั้นเศรษฐกิจกำลังดี ธุรกิจค้าขายทองก็ดีด้วย โดยเฉพาะพี่น้องชาวไทยมุสลิม หากมีเงินเหลือก็มักจะนิยมซื้อทองรูปพรรณกันมาก
ด้วยเหตุนี้ทำให้ แป๊ะ ต้องเดินทางกลับ จ.ยะลา เพื่อช่วยทางบ้านค้าขายทอง อันเป็นอาชีพหลักของพี่ๆ น้องๆ ในตระกูลนี้
แป๊ะ ยะลา เล่าย้อนอดีตว่า "สมัยเด็กๆ ยังไม่ได้สนใจเรื่องพระอะไรมากนัก แต่ตอนที่ถูกส่งตัวเข้าเรียนต่อที่กรุงเทพฯ คุณแม่ได้ให้เหรียญหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ รุ่นแรก ปี ๒๕๐๐ ที่เรียกว่ารุ่นหัวโต โดยกำชับว่าให้แขวนติดตัวเสมอ ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็ตาม โดยเลี่ยมจับขอบทองคำ ไม่ใส่พลาสติกปิดหน้าหลังแต่อย่างใด เพราะสมัยนั้นชาวบ้านเชื่อกันว่าหากเลี่ยมกันน้ำแบบปิดสนิท เวลาเกิดเหตุร้าย หลวงพ่อทวดจะออกมาช่วยไม่ได้ ผมก็แขวนเหรียญนี้ติดตัวตลอดเวลา ไม่ว่าจะเล่น เที่ยว เรียนหนังสือ หรือแม้แต่เวลาอาบน้ำ ไม่มีการถอดพระออกจากคอเลย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เหรียญนี้สึกไปมากพอสมควร แต่ผมก็ยังเก็บรักษาเหรียญอยู่จนทุกวันนี้"
แป๊ะ ยะลา เล่าว่า ครั้งหนึ่งช่วงเรียนอยู่ที่จุฬาฯ ได้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เพื่อนไปแถวคลองเตย เพื่อนคนขับมองไม่เห็นเกาะกลางถนน เลยพุ่งเข้าชนอย่างจัง ทำให้แป๊ะถึงกลับกระเด็นข้ามหัวคนขับไปตกลงกลางถนน โชคดีที่ไม่มีรถตามหลังมา และเสี้ยววินาทีที่ร่างกำลังตกลงบนพื้นถนน มีความรู้สึกว่ามีคนยื่นแขนออกมารองรับ ทำให้ตกลงบนพื้นอย่างไม่รุนแรง ปรากฏว่าตามร่างกายไม่มีบาดแผลอะไรเลย จึงเชื่ออย่างมั่นใจว่าที่รอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ก็เพราะบารมีของหลวงพ่อทวด ที่ได้ช่วยเอาไว้
เรื่องของ หลวงพ่อทวด จึงเป็นสรณะอย่างแท้จริงของคนปักษ์ใต้ทุกคน ไม่ว่าจะทำอะไร ไปไหนมาไหน จะต้องมีพระหลวงพ่อทวด ติดตัวไว้เสมอ เพราะเชื่อว่า บารมีของท่านจะสามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้ทุกอย่าง
สำหรับความสนใจการสะสมพระเครื่องอย่างจริงจัง แป๊ะ ยะลา เล่าว่า
"ครั้งหนึ่ง มีงานของญาติผู้ใหญ่ที่ จ.ปัตตานี ได้มีญาติมาจาก จ.เชียงใหม่ มาร่วมงานด้วย คือ คุณชัยเกียรติ พึ่งรัศมี ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานผม เคยได้ชื่อชัยเกียรติมาก่อนเหมือนกัน แต่ไม่เคยพบตัวจริง เท่าที่ทราบหลานชายคนนี้เก่งทางดูพระเนื้อดิน โดยเฉพาะสกุลลำพูน แม่นยำมาก จึงได้รับคำแนะนำจากชัยเกียรติให้สะสมพระเนื้อดิน และพระกรุพระเก่าต่างๆ เพราะมีคุณค่ากว่าของใหม่ หลังจากนั้นก็ได้คบหากันบ่อยขึ้น ผมขึ้นมากรุงเทพฯ ทีไรก็ได้ชัยเกียรติพาไปซื้อพระสกุลลำพูน รวมทั้งพระหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ที่ชัยเกียรติศรัทธานับถือมาก ตรงจุดนี้ถือได้ว่า ชัยเกียรติเป็นผู้จุดประกายให้ผมหันมาสนใจสะสมพระกรุพระเก่าก็ว่าได้"
นอกจากนี้ ชัยเกียรติยังได้พา "อาแป๊ะ" ไปรู้จักกับเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นบรรณาธิการบริหาร นิตยสารพระเครื่องฉบับหนึ่ง จึงได้รับคำแนะนำที่ดี ในการที่จะหาเช่าพระให้ได้แต่ของแท้และของสวย โดยก่อนอื่นต้องรู้จัก "คน" ให้ดี คนไหนเล่นพระดี มีความซื่อสัตย์สุจริต และจริงกับลูกค้า ก็ให้คบหาเอาไว้ ชอบพระอะไรในร้านของเขาก็ซื้อได้ด้วยความสบายใจ
ร้านพระที่ "แป๊ะ" ติดต่อซื้อพระด้วยเสมอก็มีอย่างร้านสมาน คลองสาม พรรค คูวิบูลย์ศิลป์ เปี้ย ท่าพระจันทร์ น้อย อุตรดิตถ์ ดามพ์ สุพรรณ เช็ง สุพรรณ ลั้ง พรหมประทาน ฯลฯ นอกจากนี้ในบางครั้ง หลานชัยเกียรติยังได้แบ่งพระแท้พระสวยให้ในราคาต้นทุนอีกด้วย
หลักในการซื้อพระของแป๊ะ จะไม่มีการจำเพาะเจาะจงว่า จะต้องเช่าพระองค์ใดองค์หนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่จะเช่าจากการที่ได้พบเห็นองค์พระอะไรก็ตาม แล้วเกิดความรู้สึกนึกชอบขึ้นมา โดยมีความสวยสมบูรณ์คมชัด และมีราคาสมน้ำสมเนื้อ ก็จะขอเช่าทันที ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพระหลักยอดนิยม
ในบางครั้ง เซียนพระที่รู้ใจ เมื่อได้พระสวยที่รู้ว่าแป๊ะยังไม่มี ก็นำเสนอ โดยให้เอาพระไปก่อนพิจารณาก่อน ยังไม่ต้องจ่ายเงิน หากเกิดความชอบขึ้นเมื่อใด ค่อยมาว่ากัน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้แป๊ะมีโอกาสได้พบเห็นพระแท้พระสวยอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้ศึกษาจุดสำคัญต่างๆ ของพระแต่ละองค์อย่างละเอียดทุกซอกมุมอีกด้วย
มาถึงทุกวันนี้ พอจะพูดได้ว่า พระยอดนิยมส่วนหนึ่ง แป๊ะสามารถดูได้แล้วในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะพระที่เคยซื้อมาก่อน หากไปพบเห็นองค์อื่นในพิมพ์เดียวกัน ก็พอจะอนุมานได้ว่า แท้ หรือปลอม
พระหลักยอดนิยม ในเวลานี้ที่แป๊ะมีอยู่ คือ พระรอด กรุวัดมหาวัน พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ตื้น พระสมเด็จ กรุวัดใหม่อมตรส พิมพ์สังฆาฏิ มีหู พระนางพญา กรุวัดนางพญา (ชุดเบญจภาคีขาดเฉพาะพระผงสุพรรณ และพระซุ้มกอ) พระคงเขียว พระกรุเมืองกำแพง พระยอดขุนพล ฯลฯ ส่วนพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ไม่ต้องพูดถึง มีมากมายหลายองค์ หลายรุ่น ทั้งพระเนื้อว่าน ๒๔๙๗ พระรุ่นหลังเตารีด ครบทุกพิมพ์ รุ่นหลังตัวหนังสือ เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นต่างๆ พระปิดตาหลวงพ่อครน วัดบางแซะ กลันตัน พระหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค มีหลายองค์ สุดยอดคือ พิมพ์เข่ากว้างหลังเต็ม เนื้อเงิน ซึ่งสร้างไม่กี่องค์เท่านั้น
พระส่วนใหญ่ที่เช่าหามานี้ แป๊ะบอกว่าเก็บเอาไว้ในตู้เซฟที่บ้านพักในกรุงเทพฯ ไม่ได้เก็บไว้ที่ จ.ยะลา แต่ประการใด พระที่ใช้ติดตัวอยู่เสมอ ก็คือ เหรียญหลวงพ่อทวด เหรียญหลวงพ่อพรหม และเหรียญหลวงพ่อทวด หลังพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี ซึ่งแป๊ะบอกว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสมาก
เมื่อพูดถึง พระเกจิอาจารย์ ที่เคยไปกราบไหว้มาก่อน แป๊ะบอกว่า ท่านแรกคือ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ท่านเป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาอย่างแท้จริง และเท่าที่ได้สัมผัสมา รู้สึกได้ทันทีว่า ท่านมีญาณแก่กล้ามาก สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ ใครไปหาท่านจะด้วยเรื่องทุกข์ร้อนอะไรก็ตาม พอไปถึงหน้าท่าน ท่านจะทักทายเรื่องทุกข์ร้อนเหล่านั้นก่อนจะเอ่ยปากบอกท่านด้วยซ้ำไป
"ก่อนที่พระอาจารย์นองจะมรณภาพ ท่านได้สั่งให้ผมทำปลอกทองคำ เพื่อทำตะกรุดนารายณ์แปลงรูป ตามตำราของท่าน โดยสั่งทำจำนวนมากหลายร้อยดอก ซึ่งไม่เคยสั่งทำมากมายขนาดนี้มาก่อน ท่านบอกว่า ทำไปเถอะ อีกไม่นานคนจะมาที่วัดเยอะ หลังจากนั้นไม่ถึง ๓ เดือน ท่านก็มรณภาพ ญาติโยมพากันมากราบศพท่านที่วัดมากเป็นประวัติการณ์ ตามที่ได้พูดไว้ ท่านเป็นพระอาจารย์รูปแรกที่มรณภาพแล้วทำให้ผมถึงกับต้องหลั่งน้ำตา ด้วยความอาลัยรักท่านมากจริงๆ" แป๊ะกล่าวอย่างเปิดใจ
สำหรับ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี แป๊ะบอกว่า ไปกราบท่านครั้งแรกตอนขออนุญาตสร้างจตุคามรามเทพ แจกทหารตำรวจอาสาสมัครผู้ปฏิบัติหน้าที่ใน ๓ จังหวัดภาคใต้ ทั้งนี้โดยไม่มีการให้เช่าบูชาแต่ประการใด ก่อนหน้านั้น มีคนไปขออนุญาตท่านเหมือนกัน แต่พอรู้ว่าสร้างเอาไปขาย ท่านก็ไม่อนุญาต
ต่อมาเมื่อปีก่อน ทราบว่าพ่อท่านเขียวไม่สบาย ต้องเดินทางไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลสงขลาบ่อยๆ แต่ขาดแคลนค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงปรึกษากับเพื่อนๆ ร่วมกันจัดสร้าง เหรียญหลวงพ่อทวด หลังรูปพ่อท่านเขียว โดยถอดพิมพ์ด้านหน้าแบบเหรียญหัวโต รุ่นแรก ส่วนหนึ่งแจกแก่ผู้ร่วมทุนสร้างเหรียญ โดยได้นำเงินหนึ่งถวายท่านไปแล้ว เหรียญอีกส่วนหนึ่งถวายให้ท่านเพื่อแจกทหารตำรวจที่ไปขอรับแจกเหรียญจากท่านโดยตรง
แป๊ะบอกว่า พ่อท่านเขียวเป็นพระบริสุทธิ์สงฆ์ที่แท้จริง อยู่อย่างเรียบง่าย ไม่สะสมอะไรเลย ในกุฏิไม่มีวิทยุ โทรทัศน์ มีหมาวัด ๒-๓ ตัวมานอนเฝ้าคลอเคลียท่านตลอดเวลา เพราะท่านให้ความรักความเมตตาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นคน หรือสัตว์ก็ตาม
คนที่ไปกราบไหว้พ่อท่านเขียว ไม่ว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ต้องเข้าแถวตามลำดับก่อนหลัง เหมือนชาวบ้านทั่วๆ ไป และเวลาที่ท่านแจกเหรียญ ก็ให้คนละเหรียญเท่านั้น ไม่มีการให้เป็นพิเศษสำหรับคนสำคัญแต่ประการใด ทุกคนเสมอภาคเหมือนกันหมด
"ในทุกวันนี้ พระเกจิอาจารย์ภาคใต้ที่กำลังโด่งดังสุดๆ ก็ต้องยกให้ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ เพราะท่านเป็นพระที่น่ากราบไหว้จริงๆ...." แป๊ะ ยะลา กล่าวในตอนท้าย