
อภินิหารหลวงปู่ทวด ในวันที่พายุกระหน่ำ วัดพะโคะ จ.สงขลา
วัดพะโคะ หรือ วัดราชประดิษฐาน ตั้งอยู่บนเขาพะโคะ หรือเขาสิงห์ หมู่ ๖ ต.ชุมพล อ.สทิงพระ จ.สงขลา เป็นวัดที่มีความสำคัญต่อชุมชนมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยใช้เป็นสถานที่กระทำพิธีดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของเมืองพัทลุง เป็นวัดที่ประดิษฐานพระมาลิกเจดีย์พระพุทธไ
คำว่า "พะโคะ" น่าจะมาจากคำว่า "พระโคตมะ" นั่นเอง วัดพะโคะเคยถูกโจรสลัดมลายู ยกทัพเรือมาปล้น ๒ ครั้ง เผาผลาญทำลายพระมาลิกเจดีย์ วิหารพระพุทธบาท และศาสนสถานอื่นๆ อีกจำนวนมาก จึงทำให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพะโคะครั้งสำคัญขึ้น ในครั้งที่สมเด็จพระราชมุนีสามิราม (สมเด็จพระโคะ หรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด) ขอพระราชทานที่กัลปนาใหม่ในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ (ระหว่าง พ.ศ. ๒๑๔๘-๒๑๕๘) ได้บูรณะพระมาลิกเจดีย์สูง ๑ เส้น ๕ วา (สูงกว่าเดิม ๕ วา) โดยได้รับพระราชทานยอดพระเจดีย์เนื้อเบญจโลหะ ยาว ๓ วา ๓ คืบ มาจากกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันมีพระครูปุญญาพิศาล” เป็นเจ้าอาวาส
“อาตมาตั้งใจอธิษฐานจิตก่อนก้มลงกราบต่อหน้าลูกแก้ว และรูปเหมือนหลวงปู่ทวดเพื่อขอบารมีของท่านช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาจากวาตภัยที่ถาโถมเข้าใส่วัดอย่างรุนแรงชนิดไม่เคยพานพบมาก่อนนับตั้งแต่เกิดมาบนโลกใบนี้ อาตมาและพระลูกวัดพยายามขืนต้านแรงลมเพื่อออกไปต้อนรับญาติโยมทั้งพุทธและมุสลิมที่อาศัยอยู่ที่ชุมชนริมเล ราวร้อยชีวิตที่อพยพหนีตายจากดีเปรสชันมาขอพึ่งบารมีของหลวงปู่ทวด ที่วัดพะโคะแห่งนี้” นี่คือเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อพายุดีเปรสชันเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งบริเวณ จ.สงขลา ตั้งแต่กลางดึกวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕ จากคำบอกเล่าของ “พระครูปุญญาพิศาล”
เจ้าอาวาสวัดพะโคะ ย้อนเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตลอดวันที่ ๓๑ ตุลาคม ได้ติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศผ่านทางโทรทัศน์ และสถานีวิทยุอย่างต่อเนื่อง ด้วยมีคำประกาศเตือนว่าดีเปรสชันจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งอ่าวไทยบริเวณ จ.สงขลา โดยเฉพาะพิกัดที่ตั้งของ อ.สทิงพระ อ.ระโนด รวมถึง อ.เมืองสงขลา ถือเป็นจุดเฝ้าระวัง จะต้องเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นมากที่สุด
กระแสลมเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นตั้งแต่เวลา ๒๐.๓๐ น. จึงพยายามเดินออกไปดูสถานการณ์รอบๆ วัดปรากฏว่าแทบจะก้าวเท้าเดินไม่ได้ เนื่องจากทัดทานกระแสลมแรงไม่ไหว ขณะเดียวกันก็เห็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณชายทะเลทยอยอุ้มคนชรา หอบลูก หอบหลาน เดินทางมาขอพึ่งใบบุญที่วัดพะโคะ เพราะขณะนั้นสถานการณ์ริมทะเลอยู่ในภาวะไม่ปลอดภัยและสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายแก่ชีวิตเป็นอย่างยิ่ง
ใบหน้าของชาวบ้านนาทีนั้นต่างอยู่ในสภาพเดียวกันคือตระหนกตกใจ บางคนก็ร่ำไห้ เพราะก่อนมาถึงวัด หลายคนได้เห็นภาพความรุนแรงของวาตภัยที่โหมกระหน่ำพัดเอาหลังคาบ้านเรือนปลิวไปเป็นแถบๆ แถมบางคนที่อยู่อาศัยยังพังเสียหายเกือบทั้งหลังก็มี จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสะท้อนภาพความหวาดกลัวออกมาให้เห็น และนับตั้งแต่เวลา ๒๑.๐๐ น. ในค่ำคืนวันที่ ๓๑ ตุลาคม ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความน่าสะพึงกลัวจากปรากฏการณ์วาตภัยที่รุนแรงที่สุดที่ชาวบ้านแห่ง อ.สทิงพระ ได้ประสบพบเจอ เพราะแรงลมที่กระหน่ำหนักชนิดไม่แสดงทีท่าว่าจะอ่อนแรง แถมค่อยๆ หอบกระเบื้องมุงหลังคาภายในวัดปลิวว่อนต่อหน้าต่อตาพระและสาธุชนนับร้อย
“อาตมาไม่รู้จะอธิบายภาพความรุนแรงอย่างไร แต่บอกได้ว่าเสียงของดีเปรสชันมันช่างโหยหวลอย่างมาก แถมอาตมายืนมองความรุนแรงของลมที่บ้าคลั่ง โดยมันค่อยๆ ถอนรากถอนโคนต้นไม้ทีละต้น จนต้องตัดสินใจเดินเข้าไปสวดมนต์และอธิษฐานจิตต่อหน้าลูกแก้ว และรูปเหมือนหลวงปู่ทวด เพื่อขอให้ปกป้องทุกชีวิตภายในวัดพะโคะแห่งนี้ ชาวบ้านนับร้อยทยอยเดินเข้ามาสวดคาถาหลวงพ่อทวด และกราบกรานและบนบานต่อลูกแก้ว และรูปเหมือนหลวงปู่ทวดในวิหาร เพื่อช่วยให้ชีวิตรอดพ้นจากอันตรายของวาตภัยครั้งนี้ ซึ่งท่ามกลางดีเปรสชันที่ถาโถมเข้าใส่ ได้เกิดปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ใจ นั่นคือจุดสำคัญที่ชาวบ้านมารวมตัวหนีภัยธรรมชาติ ไม่ปรากฏความเสียหาย รวมไปถึงจุดสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ทวดแทบทุกแห่งไม่ได้รับความเสียหายจากแรงลมที่กระหน่ำตลอดทั้งคืนไปเกือบรุ่งสางแต่อย่างใด" คำกล่าวของพระครูปุญญาพิศาล
นางคลาด สุวรรณศิลป์” อายุ ๗๕ ปี ชาวบ้านที่อาศัยใกล้วัดพะโคะ ผู้รอดตายจากเหตุดีเปรสชัน ครั้งล่าสุดบอกว่า ทั้งชีวิตไม่เคยเห็นความโหดร้ายของธรรมชาติรุนแรงเท่าครั้งนี้ ลมที่พัดเหมือนจะหอบเอาร่างให้ลอยขึ้นจากพื้น จึงได้แต่คิดถึงหลวงปู่ทวด วัดพะโคะ ตลอดเวลา ในมือกำหลวงปู่ทวดที่คล้องคอไว้แน่น และท่องแต่ “นะโมโพธิสัตโต อะคันติมายะ อิติภควา” ตลอดเวลา ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่าคนอายุปูนนี้จะก้าวเดินฝ่ากระแสลมมาถึงบันไดวัดพะโคะ และรอดพ้นความตายจากวาตภัยครั้งนี้ ทั้งที่บ้านได้รับความเสียหายแทบทั้งหลัง
สำหรับการบูรณะซ่อมแซมขณะนี้ชาวบ้านที่หนีดีเปรสชันมาพึ่งใบบุญบารมีหลวงพ่อทวดในค่ำคืนวิปโยค โดยระดมตัดท่อนไม้และรื้อซากปรักหักพัง ส่วนงบประมาณที่ใช้ขณะนี้ได้จากเงินเก็บของวัด และรายได้จากวัตถุมงคลที่หลงเหลืออยู่ในวัด ซึ่งสาธุชนต่างหลั่งไหลมาบูชาและทำบุญ โดยเฉพาะ “หลวงพ่อทวด เนื้อว่าน รุ่นเสาร์ห้า” เนื่องจากชาวบ้านอาราธนาคล้องคอ และมีชีวิตปลอดภัยถ้วนหน้าในวันที่ดีเปรสชันถาโถมเข้าใส่วัดพะโคะแห่งนี้ สำหรับสาธุชนที่สนใจทำบุญเพื่อบูรณะวัดในส่วนที่เสียหายสามารถบริจาคเงินผ่านบัญชีวัดพะโคะ ธนาคารกรุงไทย สาขาสทิงพระ เลขที่ ๙๒๓-๑-๑-๘๗๓๖-๘
เรื่อง/ภาพสุพิชฌาย์ รัตนะ สำนักข่าวเนชั่น