
ชั่วโมงเซียน-"หลวงปู่แผ้ว ปวโร"เกจิเทพเจ้าแห่ง...กำแพงแสน
พระเกจิอาจารย์ที่มีชีวิตอยู่ และได้รับการยกย่องให้เป็น "เทพเจ้า" ซึ่งมีอยู่หลายรูป เช่น พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พระสงฆ์ผู้มีแต่ให้ กิตติคุณแห่งอำนาจบารมีของหลวงพ่อคูณที่ร่ำลือระบือไกลแ
ในขณะที่ พระครูปราสาทพรหมคุณ หรือหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ แห่งสุสานทุ่งมน (วัดเพชรบุรี) อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ชาวบ้านทุกคนเคารพรักหลวงปู่เสมือนเป็นเทพของพวกเขาทีเดียว เพราะมิใช่ว่าหลวงปู่จะป้องกันภัยให้พวกเขาได้อย่างเดียว แต่หลวงปู่ได้แผ่เมตตาปล่อยสัตว์ ขุดบ่อ ขุดสระ สร้างฝายน้ำล้น ปลูกป่า ปล่อยช้าง วัว ควาย เต่า งู ตะขาบ สัตว์ทุกชนิด และสั่งห้ามมิให้ชาวบ้านทำลายป่าไม้ ถูกยกให้เป็น "เทพเจ้าแห่งความเมตตาแห่งอีสานใต้"
ส่วน "เทพเจ้าแห่งกำแพงแสน" เป็นฉายานามที่เหล่าบรรดาลูกศิษย์ขนานนามให้ "หลวงปู่แผ้ว ปวโร" อายุ ๘๘ พรรษาที่ ๖๖ พระเกจิชื่อดังแห่งวัดประชาราษฎร์บำรุง หรือ วัดรางหมัน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม แม้ว่าหลวงปู่แผ้วไม่มีตำแหน่งปกครองทางสงฆ์ใดๆ ไม่ได้เป็นพระนักเทศน์ ไม่ใช่พระธรรมกถึกที่เรืองนาม แต่มากด้วยบารมี เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวกำแพงแสน คำพูดตรงๆ ง่ายๆ ของท่าน ก็ได้แทรกหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเสมอ เป็นการเตือนสติในการประพฤติปฏิบัติ เพื่อพัฒนาจิตใจของพุทธศาสนิกชนให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงกระแสจตุคามรามเทพครองเมือง พื้นที่ริมสองข้างถนนเต็มไปด้วยป้ายโฆษณาจัดสร้างของวัดและสำนักต่างๆ และภาพของหลวงปู่แผ้ว ปวโร มักปรากฏอยู่ในป้ายโฆณาวัตถุมงคล โดยเฉพาะป้ายโฆษณาใน จ.นครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง จนมีคำกล่าวว่า "วัตถุมงคลรุ่นใด หรือวัดใดสร้างแล้วไม่นิมนต์หลวงปู่แผ้วไปนั่งปรกแล้วจะได้รับความนิยมน้อยกว่ารุ่นที่หลวงปู่แผ้วไปนั่งปรก"
ด้วยวัยที่ล่วงเลยถึง ๘๘ ปี และบวชมานานถึง ๖๘ พรรษา ประกอบกับสุขภาพที่ทรุดโทรมตามกาลเวลา แต่หลวงปู่ยังรับกิจนิมนต์นั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่ จากเดิมที่เคยนั่งปรกเป็นชั่วโมงๆ ปัจจุบันนี้หลวงปู่จะนั่งปรกได้อย่างเก่งไม่เกินครึ่งชั่วโมง จึงมีคำถามคาใจผู้เช่าวัตถุมงคลไม่น้อยว่า "นั่งปรกไม่กี่นาทีหรือจะเข้มขลังเท่ากับนั่งปรกเป็นชั่วโมง"
ทั้งนี้ หลวงปู่แผ้วได้พูดไว้อย่างน่าคิด ว่า "เหตุที่เขานิมนต์ไปนั่งปรกเพราะคนเชื่อว่าเราไปนั่งปรกแล้ววัตถุมงคลจะเข้มขลัง ปีหน้าจะรับกิจนิมนต์ใกล้ๆ วัดเท่านั้น เพราะสุขภาพไม่ดี ความขลังของวัตถุมงคลไม่ได้อยู่ที่นั่งปรกนานหรือไม่นาน หากอยู่ที่จิตของพระรูปนั้นๆ ว่ามีจิตนิ่งเป็นสมาธิมากน้อยเพียงใด บางรูปนั่งเป็นชั่วโมงแต่จิตไม่นิ่งวัตถุมงคลก็ไม่เข้มขลัง"
หลวงปู่แผ้ว เคยบอกไว้ว่า คาถาที่ใช้บริกรรมระหว่างนั่งปรกปลุกเสก วัตถุมงคลเป็นคาถาของหลวงพ่อหว่าง อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพงแสน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก อีกทอด ในช่วงที่หลวงปู่หว่างเป็นเจ้าอาวาสนั้น ท่านเก่งเรื่องหมอยา วัตถุมงคลของท่านก็เข้มขลังเป็นที่นิยม ทั้งนี้ได้ศึกษาอยู่กับท่านจนกระทั่งมรณภาพ เมื่อได้รับกิจนิมนต์นั่งปรกจึงนำวิชาของหลวงพ่อหว่างใช้รวมกับวิชาวิปัสนากรรมฐานที่ได้เรียนจากวัดมหาธาตุฯ สนามหลวง
ในคาถาบริกรรมเพื่อให้เกิดความเข้มขลังนั้น หลวงปู่แผ้ว บอกว่า มีบทเดียวแต่สร้อยของคาถามีหลายแบบ เช่น อาจจะบริกรรมว่า "พุทธังหลีก ธัมมังหลีก สังฆังหลีก" บ้างก็บริกรรมว่า "พุทธังแหวก ธัมมังแหวก สังฆังแหวก" หรืออาจจะบริกรรมว่า "พุทธังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด" คาถาเหล่านี้พระรุ่นใหม่ๆ ที่มานั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลมักจะมาสอบถามเป็นประจำ โดยได้บอกไปทุกครั้ง และพระบางรูปมีการไปแปลงเป็น "พุทธังลอด ธัมมังลอด สังฆังลอด" หรือ "พุทธังปลอดภัย ธัมมังปลอดภัย สังฆังปลอดภัย" ซึ่งสรุปแล้วคาถาเหล่านี้ คือ คุณพระรัตนไตร นั่นเอง
สำหรับพระและฆราวาสที่สนใจศึกษาเรื่องคาถานั้น หลวงปู่แผ้ว แนะนำว่า "ตำราคาถาของวัดและสำนักต่างๆ ในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่เป็นของเดิมที่สืบทอดจากครูบาอาจารย์ในอดีต หลายคนท่องคาถาถูกต้องตามอักขระชัดเจน แต่เหนือสิ่งอื่นใดจิตต้องนิ่งเป็นสมาธิ คาถาจึงมีความเข้มขลัง ไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาส ถ้าจิตนิ่งเป็นสมาธิบริกรรมคาถาบทใดก็เข้มขลัง ที่ขาดไม่ได้คือต้องตั้งอยู่ในศีลมั่นอยู่ในธรรม"
ทั้งนี้ หลวงปู่แผ้วมักจะสอนลูกศิษย์เสมอๆ ว่า เกิดมาเป็นมนุษย์ จงทำความดีให้ถึงที่สุด ทำความดีให้สุดกำลังนั่นเอง เมื่อถึงวัยทำงานแล้ว ปล่อยเวลาให้ผ่านไป ไม่ยอมทำงานให้เป็นมรรคผล ปล่อยใจให้เป็นไปตามอารมณ์ก็ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ชีวิตก็จะรวนเร ไม่เป็นแก่นสาร เมื่อถึงคราวชรามีมาถึงก็ไม่มีทรัพย์สมบัติมาเลี้ยงตัว ก็จะอดอยาก จะพึ่งลูกหลานก็ไม่ให้พึ่ง ตัวเองก็จะถึงความเสื่อมทั้งกายและทรัพย์สิน คล้ายเป็นคนอนาถา หาที่พึ่งไม่ได้ ฉะนั้น ก่อนจะถึงวัยชราควรขยันทำมาหากิน หาสมบัติเป็นหลักฐานเอาไว้สำหรับเลี้ยงตัวและลูกหลาน ความทุกข์จะได้ไม่เบียดเบียนด้วยยามชรา
"แผ้ว บุญวัตร" เป็นชื่อและสกุลเดิมของ หลวงปู่แผ้ว เกิดเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๔๖๖ ตรงกับวันพุธ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุน ณ หมู่บ้านหลักเมตร ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม บิดาชื่อพาน มารดาชื่อ จุ้ย จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๓ จากโรงเรียนวัดหนองม่วง ต.เตาอิฐ อ.บางแพ จ.ราชบุรี
หลวงปู่แผ้วจำพรรษาอยู่หลายวัด เริ่มจากวัดหนองม่วง อ.บางแพ จ.ราชบุรี จากนั้นย้ายมาอยู่อีกหลายวัด ใน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม คือ วัดปลักไม้ลาย วัดสว่างชาติบำรุง และวัดกำแพงแสน
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลวงปู่แผ้วไปจำพรรษา ณ วัดใดท่านมักจะไปช่วยสร้างศาสนสถานวัดนั้นๆ ให้แล้วเสร็จ ที่วัดรางหมันก็เช่นกัน หลวงปู่แผ้วมาจำพรรษาเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๓ โดยมีวัตถุประสงค์ คือ ๑.เป็นประธานก่อสร้างอุโบสถ ๒.เพื่อฉลองศรัทธาของประชาชนใกล้เคียงที่มาร่วมทำบุญบำรุงรักษาวัด และ ๓.เพื่อพักรักษาอาการอาพาธด้วยโรคเบาหวาน และโรคชรา
พุทธศาสนิกชนร่วมสานปณิธานบุญกับหลวงปู่แผ้ว ได้ที่วัดประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน) สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.๐๘-๒๔๔๕-๘๐๐๓, ๐๘-๑๐๐๘-๓๓๙๙ และ ๐๘-๕๖๗๕-๙๐๖๘
อ.โจ้