
องอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.แพ้พระเครื่องแต่ไม่แพ้พระธรรม
พระสมเด็จวัดระฆัง, พระหลวงพ่อโบสถ์น้อย วัดอมรินทราราม, เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นน้ำเต้า ฯลฯ ทั้งหมดนี้เคยเป็นพระเครื่องที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ หลาย
รมต.องอาจ บอกว่า โดยนิสัยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบเข้าวัดทำบุญเป็นประจำ โดยไม่ได้เลือกวัดใดวัดหนึ่งเป็นพิเศษ หากเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก็จะนำเงินไปถวายพระภิกษุสงฆ์บางรูปที่เราเคารพนับถือ เพราะคิดว่าท่านบวชเพื่อพระพุทธศาสนา จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ไม่ว่าจะเป็นวัดสุทธาราม วัดมะลิ วัดสุวรรณารามวรวิหาร ฯลฯ
รวมทั้งหากว่างเว้นจากงานการเมืองก็จะขับรถไปไหว้พระที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพราะมีวัดจำนวนมาก และไปไม่ยาก สามารถไปเช้าเย็นกลับได้อย่างสบาย และทุกๆ วันพระ สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ จะซื้อดอกไม้ไปกราบพระ สวดมนต์ ที่ห้องพระของบ้าน
ส่วนวัดที่เดินทางไปทำบุญเป็นประจำนั้น ด้วยเหตุที่เป็น ส.ส.วัดในพื้นที่บางกอกน้อย บางพลัด ตลิ่งชัน และทวีวัฒนา ไปทำบุญมาเกือบทุกวัด หากเป็นช่วงเลือกตั้ง นอกจากขอพรพระแม่ธรณีบีบผมมวยที่ทำการพรรคแล้ว ก็จะไปไหว้พระแก้วมรกต วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หลวงพ่อ จากนั้นก็เดินทางไปไหว้ศาลหลักเมือง องค์เสด็จพ่อ ร.๕ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า รวมทั้งไหว้ขอพรพ่อด้วย (สนิท คล้ามไพบูลย์) แต่ถ้าเป็นวัดในเขตบางกอกน้อย ซึ่งเป็นวัดในเขตเลือกตั้งก็จะไปไหว้พระขอพรหลวงพ่อโบสถ์น้อย วัดอมรินทราราม วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือ วัดระฆัง
ในจำนวนนี้ มีอยู่วัดหนึ่งที่เดินทางไปบ่อยเป็นพิเศษ คือ วัดโมลีโลกายาราม หรือวัดท้ายตลาด ริมคลองบางกอกใหญ่ เขตบางกอกใหญ่ กทม. เพราะพ่อเคยเป็นโยมอุปัฏฐาก พระธรรมปริยัติโสภณ (วรวิทย์ ป.ธ.๘) เจ้าคณะภาค ๑๐ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ตั้งแต่เมื่อครั้งท่านเป็นพระลูกวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ใกล้ๆ กับสนามหลวง เมื่อท่านมีงานอะไร รวมทั้งเมื่อมีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็จะไปกราบและคุยกับท่าน
อย่างไรก็ตาม โดยนิสัยส่วนตัวของ รมต.องอาจ แล้ว เมื่อว่างเว้นจากงานการเมือง รมต.องอาจ มักจะหยิบหนังสือธรรมะขึ้นมาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนของท่านพุทธทาส พระพรหมคุณาภรณ์ (ท่านเจ้าคุณประยุทธ์) รวมทั้งอ่านพระไตรปิฎก
รมต.องอาจ บอกว่า หนังสือธรรมะเกิดมาทำไม ของท่านพุทธทาส ถ้าใครได้อ่านก็จะพบว่า ท่านสอนให้ดำรงตนอยู่ได้ด้วยความไม่ประมาท ตรงนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของการอ่านหนังสือธรรมะของท่าน แต่ทุกวันนี้จะเห็นว่ามนุษย์อยู่ในสังคมด้วยความประมาท เพราะมีกิเลสเข้ามาครอบงำ มีความอยากต่างๆ มากเกินความจำเป็น ดังนั้นเราจะลดสิ่งเหล่านี้ได้ก็ต้องใช้ธรรมะเข้ามาขัดเกลา สร้างสมดุลให้เกิดขึ้นในชีวิต
ชีวิตในสังคมที่วุ่นวายมีการแข่งขันเพื่อให้ได้มาในเรื่องของลาภยศสรรเสริญ คงยังมีอยู่ในทุกระดับชั้นของสังคมมนุษย์ คนรวยล้นฟ้าก็อยากจะรวยมากยิ่งขึ้น คนจนก็อยากรวย อยากมีเงิน ตรงนี้เป็นความอยากที่ยากจะถูกจำกัดเอาไว้แค่ความคิด อยากให้คนในสังคมได้อ่านหนังสือแล้วจะรู้คุณค่าของความเป็นมาเป็นมนุษย์
"คนเราเกิดมาเพื่อ ๓ ก คือ เกิดมาเพื่อกิน เกิดมาเพื่อกาม เกิดมาเพื่อเกียรติ ถ้าลดและตัดกิเลส ๓ ก นี้ได้ นอกจากชีวิตจะมีความสุขแล้ว ประเทศชาติจะพัฒนาไปมากกว่าที่เป็นอยู่ หนังสือธรรมะเหล่านี้ยังสอนให้เชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม ใครทำดีอะไรไว้ก็จะได้สิ่งดีๆ ตอบแทน ส่วนที่คนเราทำสิ่งไม่ดีอะไรไว้ วันหนึ่งก็จะได้สิ่งไม่ดีนั้นตอบแทน เป็นวัฏจักรที่เวียนว่ายอยู่อย่างนี้" นี่คือหลักธรรมของ ที่รมต.องอาจ ได้รับจากหนังสือธรรมะเกิดมาทำไม ของท่านพุทธทาส
พร้อมกันนี้ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังบอกด้วยว่า เกิดมาเป็นคนไทยคงปฏิเสธกันไม่ได้ถึงคำอธิษฐานหรือขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปาฏิหาริย์เป็นเรื่องที่ยากจะพิสูจน์ อะไรที่พิสูจน์ไม่ได้เราก็ต้องหาคำตอบ แล้วก็มองกันว่าเป็นเรื่องของปาฏิหาริย์ ขณะเดียวกันชีวิตที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีอุบัติเหตุที่ร้ายแรงอะไร พระเครื่องจึงเปรียบเสมือนเป็นสิ่งมงคลเพื่อความสุขทางด้านจิตใจ พระท่านก็เหมือนตัวแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสัญลักษณ์ของศาสนาพุทธ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เมื่อถามถึงเหตุปาฏิหาริย์ รมต.องอาจ เล่าให้ฟังว่า ก่อนเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๘ได้ไปร่วมงานบุญของพี่น้องมุสลิมริมคลองบางกอกใหญ่ ปรากฏว่าก่อนเสร็จพิธีชานบ้านที่อยู่ริมคลองพังลงในน้ำ ตัวเองและชาวบ้านที่หล่นลงไปต่างตะเกียกตะกายเพื่อเอาตัวรอด ในใจก็อธิษฐานจิตว่า “ขอให้คุณพระช่วย” เรื่องแบบนี้หรือเรื่องปาฏิหาริย์ ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ว่าเกิดจากสิ่งใด ฉะนั้น เราจะบอกไม่เชื่อก็ไม่ได้ แม้เชื่อก็ไม่สามารถไปหาคำตอบได้ชัดเจนว่า เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร เพราะเหตุใด
"ผมทำงานด้วยจิตใจที่ค่อนข้างว่าง ไม่คิดให้จิตใจมีโลภ โกรธ หลง หรือชิงชัง ตรงนี้ก็ทำให้จิตใจไม่เศร้าหมอง ไม่เป็นทุกข์ เราก็จะมีจิตใจที่เบิกบาน แม้ว่างานที่ทำจะดูเครียดก็ตาม มีคนคอยถามผมอยู่เรื่อยว่า แก้เครียดได้อย่างไร ผมก็จะบอกว่า แก้ด้วยหลักธรรม ไม่โลภ ไม่หลง โดยเฉพาะศีล ๕ ใครถือได้ครบชีวิตย่อมดีขึ้นแน่นอน เท่าที่ได้สัมผัสกับ ส.ส.ส่วนใหญ่เป็นคนดีมีศีลธรรม แต่ ส.ส. ส่วนมากขาดเรื่องคุณธรรม" รมต.องอาจ กล่าวทิ้งท้าย
เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู