
แขวนลูกกัลปพฤกษ์ บุญ...เพื่อภพอื่น และชาติต่อๆ ไป
ชาวมอญชาติหนึ่งในบรรดาชาติแรกๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รับนับถือพุทธศาสนานิกายหินยาน โดยได้รับอิทธิพลของศาสนาพุทธ ผ่านทางอินเดียในราวพุทธศตวรรษที่ ๒ ซึ่งเชื่อว่า มาจากการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช
ทั้งนี้ ในชุมชนมอญจะมีวัดซึ่งเป็นวัดมอญใช้ภาษาสวดและบทเทศน์เป็นภาษามอญ ไม่ว่าจะไปอยู่แห่งไหน ก็ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ของตนไว้อย่างเคร่งครัด ทำให้ชุมชนของตนมีเอกลักษณ์ปรากฏแพร่หลายไปในหมู่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถดำรงรักษาคุณลักษณะแห่งบรรพบุรุษซึ่งตนสืบเชื้อสายมาได้จนถึงทุกวันนี้
ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา คนไทยเชื้อสายมอญยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีการทำบุญ เช่นเดียวกับคนไทย แต่ยังมีขนบธรรมเนียมประเพณีการทำบุญของคนไทยเชื้อสายมอญที่แตกต่างจากคนไทยหลายอย่าง
โดยเฉพาะ "บุญแขวนลูกกัลปพฤกษ์" เป็นบุญที่จัดขึ้นในวันพระสุดท้ายเดือน ๙ ของทุกๆ ปี โดยในปีนี้จัดไปแล้วเมื่อวันพุธที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๓ ตรงกับแรม ๑๔ ค่ำเดือน ๙ โดยในบุญดังกล่าวนั้น ทางวัดจะตัดกิ่งไม้ขนาดใหญ่มายึดติดกับเสาศาลาวัด จากนั้นชาวบ้านก็จะนำผลไม้ทุกชนิดมาผูกแขวนที่ต้นไม้ ซึ่งภายหลังนี้มีการนำข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งเงินมาผูกแขวนที่ต้นไม้ ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับต้นผ้าป่า
พระอธิการวิเชียร กตปุญโญ เจ้าอาวาสวัดสโมสร ต.ไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นพระและวัดมอญที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีมอญไว้อย่างเหนียวแน่น บอกว่า บุญแขวนลูกกัลปพฤกษ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า แขวนลูกมะพฤกษ์นั้น ในอดีตวัดในชุมชนมอญกระทุ่มมืดทำกันทุกวัด แต่ปัจจุบันเท่าที่ทราบมีเหลืออยู่ ๓ วัด คือ วัดยอดพระพิมล อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี วัดเกษตราราม อ.บางเลน จ.นครปฐม และที่วัดสโมสร
ทั้งนี้ คนมอญเชื่อว่า เป็นบุญที่ทำเพื่อภพอื่นและชาติหน้า โดยเชื่อว่า ผลไม้นานาชนิด รวมทั้งข้าวของเรื่องใช้ที่แขวนไว้กับกัลปพฤกษ์จะติดตามตัวในภพอื่นและชาติหน้า
นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นไปตามคติความเชื่อในคัมภีร์ไตรภูมิกถา (ไตรภูมิพระร่วง) ที่กล่าวถึงต้นกัลปพฤกษ์ว่า เป็นต้นไม้สารพัดนึก เป็นต้นไม้อยู่บนสวรรค์ ส่วนในโลกมนุษย์ ต้นกัลปพฤกษ์จะมาบังเกิดเมื่อพระศรีอาริยเมตไตรยมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป
โดยต้นกัลปพฤกษ์จะขึ้นอยู่ที่ประตูเมืองทั้ง ๔ ด้าน ใครต้องการสิ่งของอะไรก็ไปอธิษฐานขอเอาจากต้นกัลปพฤกษ์ดังกล่าวนั้นได้ทุกคน ซึ่งมีคำบรรยายถึงต้นกัลปพฤกษ์ตอนหนึ่งว่า
"แลในแผ่นดิน อุ ตตกุรุทวีปนั้น มีต้นกัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง โดยสูงได้ ๑๐๐ โยชน์ โดยกว้างได้ ๑๐๐ โยชน์ โดยรอบบริเวณมณฑลได้ ๓๐๐ โยชน์แล ต้นกัลปพฤกษ์นั้นผู้ใดจะปรารถนาหาทุนทรัพย์ สรรพเหตุใดๆ ก็ดี ย่อมได้สำเร็จในต้นไม้นั้นทุกประการแล...”
"ตามคติโบราณเชื่อกันว่า ต้นกัลปพฤกษ์มีอยู่ในแดนสวรรค์ หากผู้ใดปรารถนาสิ่งใด ก็อาจจะไปนึกเอาจากต้นไม้นี้ได้ คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นกัลปพฤกษ์ไว้ประจำบ้าน จะช่วยทำให้เกิดความประสบผลสำเร็จในชีวิต เพราะต้นกัลปพฤกษ์ เป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความชัยชนะ และความอิสระแห่งผล นอกจากนี้ ยังเชื่ออีกว่า ต้นกัลปพฤกษ์เป็นต้นไม้ของเทพเจ้า เป็นต้นไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม้ทิพย์มีคุณวิเศษ ตามตำนานพระพุทธเจ้าในสมัยโบราณ ดังนั้นต้นกัลปพฤกษ์จึงเป็นไม้มงคลนาม" พระอธิการวิเชียร กล่าว
ตักบาตรน้ำผึ้ง-ตักบาตรน้ำมัน
สำหรับประเพณีที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนานั้น พระอธิการวิเชียร บอกว่า เมื่อถึงวันพระ ตรงกับขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ของทุกปี นอกจากชาวมอญจะมีการทำบุญตักบาตรอาหารคาวหวานแด่พระสงฆ์ที่วัดตามปกติแล้ว ยังมีประเพณีการตักบาตรน้ำผึ้ง ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตกาลอีกด้วย คือ วัดใดที่มีพระจำนวนเท่าใด ก็จะจัดภาชนะ รองรับน้ำผึ้งจำนวนเท่านั้น กับรวมถึงพระพุทธเจ้าด้วยอีก ๑ ที่ โดยได้รับการปลูกฝังกันมาว่า การนำน้ำผึ้งไปถวายแด่พระสงฆ์นั้น มีอานิสงส์มาก เพราะน้ำผึ้งจัดเป็นคิลานเภสัชที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุฉันเป็นยาได้ในเวลาวิกาล เพื่อบำรุงร่างกายรักษาโรค
ในวันตักบาตรน้ำผึ้ง จะมีการเตรียมบาตรเอาไว้เหมือนกับปกติ แต่จะมีบาตรอีกอัน หรือภาชนะอื่นๆ ที่สามารถใส่น้ำผึ้งได้มาวางเคียงกันด้วย โดยบาตรน้ำผึ้งนั้นจะแยกออกจากอย่างอื่น ไม่รวมกับข้าวหรือว่ากับชนิดใดๆ หลังจากนั้น เมื่อเวลาชาวบ้านจะนำน้ำผึ้งที่เตรียมมา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะจัดใส่ภาชนะมากัน หรือในปัจจุบันอาจจะนำใส่ขวดปากแคบ แล้วตักน้ำผึ้งใส่ลงไปในบาตรแต่ละบาตร หรือว่ารินใส่บาตรทีละบาตร จนครบตามจำนวน
ลักษณะของการตักบาตรน้ำผึ้งนั้น ก็เหมือนกับการตักบาตรโดยการใส่ข้าวหรืออาหารอื่นๆ เพียงแต่ว่า เปลี่ยนจากข้าวและอาหารชนิดอื่นเป็นน้ำผึ้งนั่นเอง
ประเพณีดังกล่าว มีสืบทอดกันมาช้านาน ซึ่งชาวมอญได้ปฏิบัติต่อๆ กันมาเป็นประเพณีหนึ่งของชาวบ้านที่แสดงความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
และที่สำคัญ คือ ความศรัทธาในพระสีวลี พระอรหันต์ผู้มีลาภมากนั่นเอง การที่ชาวมอญได้ถวายน้ำผึ้งแด่พระภิกษุสงฆ์ตามแบบอย่างที่พระสีวลีเคยทำในชาติก่อนที่จะเป็นพระอรหันต์ในปัจฉิมชาติ ที่ได้เป็นเอตทัคคะทางด้านการมีลาภมาก ก็เป็นเพราะว่า ชาวมอญเชื่อว่า การถวายน้ำผึ้งจะเป็นทางที่ทำให้ผู้ที่ถวายมีโชคมีลาภ เหมือนกับพระสีวลี แม้นหากไม่สมหวังในชาตินี้ ในชาติหน้าก็คงจะได้อย่างแน่นอน
ส่วนในช่วงเทศกาลออกพรรษา นอกจากประเพณีตักบาตรเทโวแล้ว พระอธิการวิเชียร ยังบอกด้วยว่า ชาวไทยเชื้อสายมอญยังมีประเพณีตักบาตรน้ำมัน หรือการเติมน้ำมันตะเกียง โดยจัดขึ้น ๓ วัน ในช่วงออกพรรษา โดยมีคติความเชื่อว่า การตักบาตรน้ำมัน เปรียบดั่งการเติมกุศลกรรม คือ บุญ เพื่อรักษาเปลวไฟ ให้สว่าง ไม่ดับ ก่อนกาลเวลาอันควร ควรเติม บุญกุศล ไว้ให้มาก เติมทุกวัน แม้วันหนึ่ง กายจะดับ แต่บุญนี้ก็ยังคงอยู่ ไม่ไปไหน เมือสู่ภพภูมิใหม่ เมื่อเปลี่ยนไส้ตะเกียงใหม่ เราก็มีเสบียง คือน้ำมันที่ได้เติมไว้เหลือเฟือ พอที่จะมีแรงที่จะต้องว่ายเวียนในสังสารวัฏ ต่อไป จนกว่าเราจะหาทางออกไปได้ คือ นิพพาน
"ในโลกมนุษย์ ต้นกัลปพฤกษ์จะมาบังเกิดเมื่อพระศรีอาริยเมตไตรยมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า องค์ต่อไป โดยต้นกัลปพฤกษ์จะขึ้นอยู่ที่ประตูเมืองทั้ง ๔ ด้าน ใครต้องการสิ่งของอะไรก็ไปอธิษฐานขอเอาจากต้นกัลปพฤกษ์ดังกล่าวนั้นได้ทุกคน"
0 เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู 0