
ชั่วโมงเซียน-"ยันต์ตลก"ยันต์...พระพุทธเจ้า๕พระองค์
การลงยันต์หรือการเขียนยันต์นั้น จะใช้อักขระขอม ซึ่งเขียนเป็นตัวย่อของพระคาถาแต่ละบท เพราะหากเขียนพระคาถาลงไปในยันต์ทั้งหมดเนื้อที่คงไม่พอ จึงใช้อักขระย่อ
ข้อควรระวังในการลากเส้นยันต์นั้น ควรลากทีเดียวให้ตลอด ไม่ใช่ลากแล้วหยุด หากลากแล้วหยุดถือว่ายันต์นั้นใช้ไม่ได้ ต้องใช้คาถาหรือสูตรในการต่อเส้นยันต์นั้นใหม่ ยันต์นั้นจึงจะใช้ได้ และการลงอักขระให้ระวังอย่าลงอักขระทับเส้นยันต์ เพราะจะทำให้ยันต์นั้นใช้ไม่ได้ ท่านเรียกว่า "เป็นยันต์ตาบอด"
มีคนจำนวนไม่น้อย เข้าใจว่า อักขระเลขยันต์เป็นความเชื่อที่งมงาย แต่ความจริงแล้ว ยันต์ล้วนเป็นอักษรย่อจากคาถาต่างๆ จากพระสูตร หรือคำสอนของพระพุทธเจ้า มาเป็นบันทึกไว้อีกทีหนึ่ง เป็นกุศโลบายในการดึงคนให้เข้าสู่ธรรมะเบื้องสูง อย่างยันต์หัวใจเศรษฐี ที่เขียนว่า "อุ อา กะ สะ" เป็นอักษรย่อจากคาถาต่างๆ จากพระสูตร หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า
อุ ย่อมาจากคำว่า อุฏฐานสัมปทา แปลว่า ให้ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียร
อา ย่อมาจากคำว่า อารักขสัมปทา แปลว่า ให้ถึงพร้อมด้วยการรักษาคุ้มครองทรัพย์สินเงินทองที่หามาได้
กะ ย่อมาจากคำว่า กัลยาณมิตตตา แปลว่า การมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคนชั่ว
สะ ย่อมาจากคำว่า สมชีวิตา แปลว่า การเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หามาได้
ซึ่งถ้าหากไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมทั้ง ๔ ประการ นี้ก็ไม่มีทางรวยได้ ครูบาอาจารย์ในสมัยโบราณท่านจะสอนเพื่อให้คนได้เข้าถึงธรรมะ
ในกรณีที่เขียนยันต์ ไม่ว่าจะเป็นคาถาบทใด หากเขียนร้อยให้เป็นตัวเดียวกัน ภาษาคนเขียนยันต์ เรียกว่า "การเขียนยันต์ตลก" และมีอุปเท่ห์ในการเขียนด้วยว่า หากต้องการให้ยันต์นั้นๆ มีพุทธคุณด้านมหาอุด จะเขียนเป็นยันต์ปิด โดยเขียนปิดหัวปิดหาง สุดแท้ใครจะมีรูปแบบการเขียนในลักษณะใด
และในบรรดาอักขระเลขยันต์ทั้งหมด หากพูดถึงคาถาที่พระเกจิอาจารย์นิยมดัดแปลง หรือประดิษฐ์เป็นรูปแบบต่างๆ มากที่สุด คือ "คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์" หรือเรียกว่า "แม่ธาตุใหญ่"
สำหรับเหตุผลที่ "คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์" เป็นยันต์ยอดนิยม เพราะคติความเชื่อที่ว่า "มีพุทธคุณเหนือยันต์ทั้งปวง" รวมทั้งความเชื่อสืบต่อกันว่า "ผู้ใดที่ท่องหรือบริกรรมพระคาถาบทนี้ ด้วยจิตอันสงบและมั่นคงแล้ว จะมีพุทธคุณคุ้มครองครอบจักรวาล"
หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ "มีพุทธคุณครบทุกด้าน เช่น เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไร"
นอกจากนี้แล้ว ยังมีคาถาอีกบทหนึ่งที่นิยมเขียนเป็นยันต์ตลก คือ หัวใจพระฉิมพลีที่ว่า นะ ชา ลิ ติ หรือ นะ ชา ลี ติ นั้น คือถอดมาจากคาถาธรณีปริตร ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานแก่พระอานนท์ คาถาเริ่มจากนิยมใช้ในทาง ให้เกิดโชคลาภ เมตตามหานิยม ค้าง่ายขายคล่อง และป้องกันภัยกันผี
อุปเท่ห์การลงยันต์ หรือการเขียนยันต์ หากยันต์นั้นมีคาถาหรือสูตรกำกับไว้ ผู้เขียนจะต้องภาวนาคาถานั้นไปด้วย พร้อมกับการลงยันต์
ฉะนั้นจึงต้องใช้สมาธิสูง ส่วนเส้นที่ขีดลากไปมานอกยันต์นั้น หมายถึง "สายรกของพระพุทธเจ้า" ส่วนการเขียนวงกลมล้อมรอบตัวยันต์ตัวหนึ่งตัวใดนั้น พระเกจิอาจารย์ต้องการเน้นพุทธคุณเด่นด้านมหาอุด จากการรวบรวมข้อมูลการเจิมของพระเกจิต่างๆ ที่มีลูกศิษย์ลูกหา มักจะให้เจิมบ้าน รถ รวมทั้งป้ายร้านค้า แต่ละรูปจะมีวิธีการเจิม จำนวนจุด รวมทั้งอักขระเลขยันต์ในการเจิมไม่เกิน ๑๐ ตัว ทั้งนี้ จะมีการเขียนร้อยกันให้มีลักษณะสวยงาม หรือที่เรียกว่า การเขียนยันต์ตลก นั่นเอง
อุปเท่ห์การลงยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์
เรื่องของการเจิมรถ เจิมบ้านใหม่ รวมทั้งเจิมบริษัทห้างร้านต่างๆ นั้น พระสงฆ์โดยเฉพาะพระผู้ที่เป็นเจ้าอาวาสควรศึกษาไว้บ้าง เพราะอย่างไรเสียญาติโยมที่ซื้อรถคันใหม่ต้องนำรถมาให้ท่านเจิม ไม่วันใดก็วันหนึ่ง โดยระหว่างเขียนตัวย่อนามพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์บริกรรมดังนี้
นะ เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้ากุกกุสันโธ องค์แรกในภัทรกัปนี้ เขียนแทน ธาตุน้ำ ซึ่งเรียกว่า อาโปธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๑๒ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า “นะ กาโรโหติสัมพโว พระกุกกุสันโธ จงมาบังเกิดเป็นตัว นะ”
โม เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้าโคนาคม องค์ต่อมา ใช้เขียนแทน ธาตุดิน ซึ่งเรียกว่า ปฐวีธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๒๑ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า “โม กาโรโหติสัมพโว พระโคนาคม จงมาบังเกิดเป็นตัว โม”
พุท เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้ากัสสปะ องค์ถัดมา ใช้เขียนแทนธาตุไฟ ซึ่งเรียกว่า เดโชธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๖ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า “พุท กาโรโหติสัมพโร กัสสปะเถระ จงมาบังเกิดเป็นตัวพุท”
ธา เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้าพระสมณโคดม (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ใช้เขียนแทน ธาตุลม ซึ่งเรียกว่า วาโยธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๗ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า “ธากาโรโหติสัมพโว พระสมณโคดม (บางครั้งใช้พระศรีศากยะมุณี ในอดีตจะใช้ว่า พระศิริศากยมุณี) จงมาบังเกิดเป็นตัว ธา”
ยะ เป็นพระนามย่อของ พระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรย (พระพุทธเจ้าองค์ถัดไป หลัง พ.ศ.๕๐๐๐) ใช้เขียนแทน อากาศธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๑๐ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือ บริกรรมว่า “ยะ กาโรโหติสัมพโว พระศรีอริยเมตไตรย (บางครั้งใช้ พระศรีอริยะเมตเตยโย) จงมาบังเกิดเป็นตัว ยะ”
อ.โสภณ