พระเครื่อง

พล.ท.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม 
เจ้าพ่อปืนใหญ่ สรณะทางใจของ...ทหารปืนใหญ่

พล.ท.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม เจ้าพ่อปืนใหญ่ สรณะทางใจของ...ทหารปืนใหญ่

28 มี.ค. 2552

ศาลเจ้าพ่อปืนหนึ่ง แต่เดิมตั้งอยู่บริเวณด้านหลัง บก.ป.๑ รอ. ต่อมา พ.ศ.๒๔๘๖ พ.ท.บุลชัย โสดสถิตย์ ผบ.ป.พัน.๑ รอ.

 ในขณะนั้นได้เล็งเห็นว่าหน่วยควรจะสร้างสิ่งสักการบูชาให้กับกำลังพลและครอบครัวภายในหน่วย เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ จึงนำปืนใหญ่โบราณมาตั้ง ณ สถานที่อันควร พร้อมกับได้ทำพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย มาสถิตในปืนใหญ่โบราณเรียกว่า “เจ้าพ่อปืนใหญ่” ทำให้เป็นที่เคารพสักการะของกำลังพลและครอบครัวตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

 และเพื่อไม่ให้ชื่อไปซ้ำกับ “เจ้าพ่อปืนใหญ่” ของกองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน จึงให้เรียกว่า “เจ้าพ่อปืนหนึ่ง” ซึ่งเรียกติดต่อเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

 ส่วนที่มาของปืนใหญ่กระบอกดังกล่าวนั้น พล.ต.แผ้ว แผ้วพิษากุล ผู้บัญชาการกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ให้นายทหารประวัติศาสตร์ พล.ปตอ. ไปตรวจสอบประวัติปืนใหญ่โบราณ เพื่อหาที่มาของปืนใหญ่ใน พล.ปตอ.

 จากผลการตรวจสอบพบว่า ปืนใหญ่ใน พล.ปตอ.นั้น มีลักษณะและน้ำหนักเหมือนกับปืนใหญ่โบราณที่ขุดพบในบริเวณหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗ ทุกประการ

 ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรสันนิษฐานว่า ปืนใหญ่โบราณดังกล่าวนี้น่าจะเป็นปืนใหญ่วังหน้า ที่มีใช้ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และปลดประจำการ เป็นปืนใหญ่ล้าสมัย ในประมาณรัชกาลที่ ๕

 ปืนใหญ่โบราณนี้ หล่อด้วยเหล็กจากโรงงานหล่อปืนใหญ่ในยุโรป จากลักษณะและน้ำหนักที่เหมือนกันทุกประการ จึงพอสันนิฐานได้ว่า ปืนใหญ่โบราณใน พล.ปตอ. หรือเจ้าพ่อปืนใหญ่ “สุระประพล” เป็นปืนใหญ่รุ่นเดียวและสมัยเดียวกับปืนใหญ่โบราณที่ขุดพบในบริเวณมหาวิทยลัยธรรมศาสตร์

 พลโท ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก บอกว่า เจ้าพ่อปืนใหญ่เป็นปืนใหญ่โบราณ ในลักษณะด้านท้ายกระบอกปืนใหญ่ฝังดิน ปากกระบอกปืนหันไปทางทิศตะวันตก เงยขึ้นทำมุมกับกับพื้นดินประมาณ ๔๕ องศา ซึ่งไม่มีผู้ใดทราบประวัติความเป็นมาแน่นอน ถึงที่มาของปืนใหญ่โบราณกระบอกนี้

 ข้าราชการและครอบครัว ที่พักอาศัยอยู่ภายใน พล.ปตอ.ให้ความเคารพเลื่อมใส รวมทั้งบุคคลภายนอก และพากันมากราบไหว้บนบานอธิษฐานขอสิ่งอันพึงปรารถนาต่างๆ มากมาย โดยส่วนตัวแล้วก็จะกราบไหว้สักการะขอพรเพียงสั้นๆ ว่า ขอให้ปกปักป้องกันบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งทุกๆ ปี ทางหน่วยต้องจัดพิธีบวงสรวงเพื่อความเป็นสิริมงคล

 สำหรับประสบการณ์เฉียดตายนั้น ถ้าเป็นในทางการรบ เมื่อครั้งออกไปปราบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ที่ จ.เลย และจ.เพชรบูรณ์ โดนถูกซุ่มยิงหลายครั้งไม่เป็นไร โดยมีพระติดตัวไป ๓ องค์ ซึ่งได้จากพ่อและลุงให้ไปเป็นเครื่องป้องกันตัว แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย พระทั้ง ๓ องค์ได้หายไปแล้ว

 ส่วนอุบัติเหตุที่เรียกว่าเฉียดตายนั้น เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง โดยได้ขับรถไปประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำหลายตลบ แต่ไม่เป็นไร โดยในครั้งนั้นส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะปาฏิหาริย์พระร่วงหลังรางปืน

 ส่วนพระเครื่องที่แขวนติดตัวเป็นประจำในทุกวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่องที่อดีตผู้บังคับบัญชาให้ไว้เป็นที่ระลึกและป้องกันตัว ประกอบด้วย พระแก้วมรกต พระหลวงพ่อโสธร พระไพรีพินาศ และพระเปิดโลก

 อย่างไรก็ตาม เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ้าน และสมาชิกในครอบครัว พลโท ยุทธศิลป์ บอกว่า ทุกๆ ปีจะต้องนิมนต์พระจากวัดบวรฯ มาทำบุญเลี้ยงพระ และเจริญพุทธมนต์

 ส่วนความเชื่อเรื่องสะเดาะเคราะห์ต่อชะตานั้น ครั้งหนึ่งเคยไปร่วมพิธีบังสุกุลเป็นบังสุกุลตายกับพระครูอุดมวรเวท หรือหลวงปู่เจียม อติสโย อดีตเจ้าอาวาสวัดอินทราสุการาม (วัดหนองยาว) ต.กระเทียม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ พระเกจิชื่อดังเมืองสุรินทร์ เป็นพระที่มีศีลาจารวัตรดีงาม ไม่บกพร่องเสื่อมเสีย ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด กอปรด้วยวิทยาคม มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก ซึ่งชีวิตและหน้าที่การงานการเจริญรุ่งเรืองตามลำดับอย่างที่เห็น

 “ธรรมะแต่ละข้อล้วนมีคุณทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ใดควรหยิบธรรมข้อไหนขึ้นมาใช้ สำหรับชีวิตข้าราชการ ธรรมะในหมวดความซื่อสัตย์สุจริตต้องยึดไว้เป็นสรณะ และต้องทำให้ได้ มิเช่นนั้น เมื่อถูกย้ายไปหน่วยอื่น หรือไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง ถ้าทำผิดความผิดก็จะติดตามตัวเราไปตลอดทั้งชีวิตรับราชการ อย่างที่เขาเรียกว่า กรรมไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า ชาตินี้ก็ตามทัน” พลโทยุทธศิลป์ กล่าว

 พร้อมกันนี้ พลโทยุทธศิลป์ ยังบอกด้วยว่า ในวันอาทิตย์ที่ ๕ เมษายนนี้ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก โดยการประสานงานของพันเอกนิคม รองผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ ที่ ๗๑ จ.ลพบุรี จัดมหกรรมการประกวดอนุรักษ์พระบูชา-พระเครื่อง และเหรียญพระคณาจารย์ จำนวน ๑,๗๕๐ รายการณ ชั้น ๘ อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ถ.งามวงศ์วาน จ.นนทบุรี ซึ่งมีวัตถุประสงค์ คือ ๑.เพื่อนำรายได้สนับสนุนโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่รอยต่อ ๕ จังหวัด ๒.สนับสนุนโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ๓.เพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถ วัดบ้านกล้วย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ๔.เพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านกีฬาของหน่วย และ ๕.เพื่อสนับสนุนโครงการธรรมรักษ์นิเวศ (ช่วยผู้ป่วยโรคเอดส์) วัดพระบาทน้ำพุ

 ทั้งนี้ผู้ชนะเลิศคะแนนแต่ละรายการ จะได้รับหนังสือสุดยอดพระปิดตาเมืองสยาม จัดทำโดยทีมงานนิตยสารพระท่าพระจันทร์ จึงขอเรียนเชิญผู้สนใจส่งพระเข้าประกวดในงานครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
 

เรื่อง / ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"