
ชั่วโมงเซียน-ยันต์...ตะกรุดพญาเสือ
ใน พ.ศ.๒๕๕๓ นี้ มีวันที่ขึ้นชื่อว่า วันแข็งเหมาะแก่ปลุกเสกวัตถุมงคล ทั้งเมตตา และคงกระพัน ซึ่งมีอยู่ ๒ วัน คือ วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓ เป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีขาล ส่วนอีกวันหนึ่งเป็นวันแข็งไม่แพ้กัน
ครบเครื่องเรื่องความขลัง ด้านฤกษ์ยาม คือ “ปีเสือเดือนสิงห์กระทิงวัน” ซึ่งตรงกับวัน "วันพฤหัสบดีที่๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙" ที่จะถึงนี้ เหตุที่วันนี้พิเศษกว่าวันอื่นๆ ที่เรียกว่า “กระทิงวัน” คือ วันใดวันหนึ่งที่มีเลขตรงกัน ๓ ครั้งขึ้นไป ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าทั้ง ๒ วันนี้ วัดที่เป็นต้นตำรับแห่งวัตถุมงคลประเภทเสือจะจัดพิธีในวันดังกล่าว
สำหรับอักขระเลขยันต์ที่จะยกมาอธิบายเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของปีเสือของอีกสำนักหนึ่ง คือ ตะกรุดพญาเสือ นารายณ์พลิกแผ่นดินของ “พ่อท่านเขียว กิตฺติคุโณ” เกจิชื่อดังแห่งวัดอรัญวาสิการาม หรือวัดห้วยเงาะ ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ทั้งนี้หากคลี่ตะกรุดพญาเสือ นารายณ์พลิกแผ่นดิน จะพบว่า เป็นตะกรุดที่จารอักขระเลขยันต์ด้วยมือ โดยมีการจารยันต์ไว้ทั้ง ๒ ด้าน คือ
ด้านที่ม้วนเอาไว้ด้านใน มียันต์ที่เรียกว่า “นารายณ์พลิกแผ่นดิน” หรือ “นารายณ์ม้วนแผ่นดิน” ที่ว่า “คะ พุ ปัน ทู ธัม วะ คะ” โดยจารไว้ด้านขอบของแผ่นยัน ตามคติความเชื่อแต่โบราณเชื่อว่า พระยันต์นี้ป้องกันได้สารพัด และนึกคิดสิ่งใดก็สมใจปรารถนา มีคุณดุจฝอยท่วมช้าง หรือมีพุทธคุณครอบจักรวาลนั่นเอง
“ยันต์นารายณ์พลิกแผ่นดิน” จะเป็นยันต์คนละตัวกับ “ยันต์นารายณ์แปลงรูป” ที่ว่า “อะ วิ สุ นุส สะ นุส ติ” โดยมีคติความเชื่อว่า หากใครบริกรรมคาถานารายณ์แปลงรูปด้วยจิตที่มั่นคงจะทำให้คนไม่สามารถจำหน้าได้ ซึ่งมีเรื่องเล่าที่เป็นเรื่องจริงว่า
ในงานพระราชทานพระครูรัตนรังสี หรือหลวงปู่พุ่มแห่งวัดบางโคล่นอก ยานนาวา กทม. เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๙ ในวันงาน เทพบุตรเสือไท จอมโจรผู้ดีแห่งยุคนั้น ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่พุ่มได้มาร่วมงานเผาศพด้วย โดยในวันดังกล่าวตำรวจทราบข่าวว่าเทพบุตรเสือไทจะมาร่วมงานด้วย ทั้งนี้ได้วางกำลังปิดเมรุเผาศพเพื่อจะจับเทพบุตรเสือไท แต่เมื่อเทพบุตรเสือไทก้าวลงจาเมรุกลับไม่มีตำรวจคนใดจำหน้าได้เลย ซึ่งก่อนจะขึ้นเมรุเทพบุตรเสือไทได้ชนกับคุณสวัสดิ์ กุญชรจันทร์ (อดีตครูใหญ่โรงเรียนวัดช่องนนทรี) จากนั้นก็ไม่ปรากฏว่าตำรวจจับเทพบุตรเสือไทได้ เป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้
ยันต์ที่มีอุณาโลมครอบทุกวัตวัน อ่านว่า “ติ อิ นะ อิ ติ” (นะ ที่เป็น ๑ ใน นะ ๑๐๘ ทั้งนี้จะเรียก นะ ตัวนี้ว่า นะมหานิยม) ซึ่งเป็นการย่อคาถาอิติปิโสรัตนมาลา ๑๐๘ ถือเป็นที่สุดของพระคาถาก็ว่าได้ คาถาบทนี้ เป็นพระคาถาที่สืบทอดกันมาแต่โบราณครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา พระคาถาแฝงไว้ด้วยธรรมะและคติธรรมต่างๆ พระคาถานี้ถือว่าเป็นยอดทางเมตตาหาที่สุดมิได้ด้วยเป็นพุทธคุณบทเมตตาในพระคาถาอิติปิโสรัตนมาลา เหล่าพระคณาจารย์ทั้งหลายหากจะหวังผลในทางเมตตามหานิยมต้องใช้กำกับเสมอ พระคาถานี้มีชื่อว่า “ดอกไม้สวรรค์” อุปเท่ห์นอกจากใช้เสกเครื่องหอมเสื้อผ้า ดอกไม้เพื่อผลทางเมตตามหานิยม
ยันต์ที่อยู่ตรงกลางแผ่นโลหะ คือ หัวใจพระไตรปิฎก ที่ว่า “มะ อะ อุ” การเขียนยันต์ในลักษณะนี้เรียกว่า “ยันต์ตลก” ส่วนยันต์ที่อยู่ด้านซ้าย คือ ยันต์นะมี ด้านขวา คือ ยันต์นะทรหด ในขณะที่ยันต์ที่อยู่ ๒ แถวล่าง คือ ยันต์ธาตุ ๔ ที่ว่า นะ มะ พะ ทะ และด้านล่างสุด คือ คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ ที่ว่า “นะ โม พุท ธา ยะ”
ส่วนด้านอีกด้านหนึ่งเป็นยันต์ นะ พญาเสือโคร่ง ในการเขียนยันต์ นะ พญาเสือโคร่ง จะบริกรรมคาถาพญาเสือ ที่ว่า “พยัคโฆ พยัคฆา สูญญา ลัพภะติ อิ ติ ฮิ่ม ฮั่ม ฮึ่ม ฮึ่ม ฮั่ม ฮั่ม ฮะ ทุ สะ มะ นิ (หัวใจปะถะมัง) ทุ สะ นิ มะ (หัวใจอริยสัจ ๔) ทุ สะ นะ โส (หัวใจพระธรรมบท)” แต่ถ้าเป็นคาถาปลุกเสกเสือสายเขาอ้อ จ.พัทลุง จะบริกรรมว่า “พยัคฆะ โลหลัง ราชะสิงโห โลกัสสมิง สังคัตตะ มานิอิ” แต่ถ้าเป็นคาถาพญาเสือ ของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ซึ่งเป็นผู้รวบรวมตำราอักขระเลขยันต์ที่มีชื่อเสียงและเป็นแม่แบบของการเขียนยันต์ จะใช้คาถาพญาเสือที่ว่า “โอมนะมะพะยัคคะ พุทธโคนาคม ไทยยะวา ไทยยะวา ปะไลยยะวา ปะไลยยะวา ภูภิภาภา พาชะเน เพชะนา มุกขังปะวะรัง กะทายะ อะทายะ”
นอกจากอักขระเลขยันต์ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ความพิเศษของตะกรุดรุ่นนี้ได้จัดสร้างตามตำราโบราณ คือก่อนจะม้วนแผ่นตะกั่วเป็นตะกรุด ต้องใส่ว่านมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ประกอบไปด้วย ๑.ผงเขารัวตัน ๒.ผงกะลาตาเดียว ๓.ผงไม้ไผ่ตัน ๔.ผงไม่แก่นเมื้อย ๕.หินระเบิด ปาตุปามะ (มาเลเซีย) ๖.ผงว่านเก่า วัดห้วยเงาะ ๗.ผงเหล็กผานไถ ๘.ผงงาช้างกำจัด ๙.ผงกะลาปังหา แดง-ขาว-ดำ ๑๐.น้ำผึ้งเดือนห้า ๑๑.น้ำมนต์หลวงพ่อทวด มาตีปามะ (มาเลเซีย) ๑๒.จีวรพ่อท่านเขียว ๑๓.เทียนชัย และ๑๔.หนังเสือ มวลสารทั้งหมดใส่ไว้ในแผ่นตะกั่ว จากนั้นก็ม้วนทำเป็นตะกรุดเสร็จแล้วก็ถักเชือดลงรักเป็นอันว่าขั้นตอนการสร้างตะกรุดพญาเสือ นารายณ์พลิกแผ่นดิน ได้สำเร็จเสร็จสิ้นในขั้นตอนการจัดสร้าง
ร่วมบุญสร้างสำนักสงฆ์ป่าแม่ลาน
อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี แยกจาก อ.โคกโพธิ์ ตั้งเป็นกิ่งอำเภอ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๓๒ ตั้งเป็นอำเภอ เมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๓๘ มีประชาชนนับถือศาสนาที่สำคัญ ๒ ศาสนา คือ นับถือศาสนาอิสลาม ประมาณ ๕๔% และนับถือศาสนาพุทธ ประมาณ ๔๖% มีวัด จำนวน ๓ วัด คือ ๑.วัดป่าสวย ๒.วัดบุพนิมิต และ๓.วัดควนน้อย นอกจากนี้ยังมีสำนักสงฆ์ ๒ แห่ง คือ สำนักสงฆ์แม่ลาน และสำนักสงฆ์ละโพ๊ะ
ในการจัดสร้างตะกรุดพญาเสือ นารายณ์พลิกแผ่นดิน, ชูชกรับทรัพย์ปลัดขิกรับทรัพย์ และผ้ายันต์ชูชกรับทรัพย์ หลวงปู่เขียว กิตฺติคุโณ ประธานอุปถัมภ์การจัดสร้าง และดำเนินการจัดสร้างโดยพระสมเกียรติ สุเมโธ พระเลขาฯ พ่อท่านเขียว กิตฺติคุโณ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมสมทบทุนสร้างวิหารทวดเสือ ณ สำนักสงฆ์แม่ลาน ซึ่งเป็นสำนักสงฆ์ที่พ่อท่านเขียวเคยจำพรรษาอยู่และพ่อท่านเขียวจะมาปฏิบัติธรรมทุกๆ ปี ต.แม่ลาน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ก่อนนำมาให้พ่อท่านเขียวทำพิธีปลุกเสกในวิหารหลวงพ่อศรีแก้ว ก่อนออกให้สาธุชน
พุทธศาสนิกชนร่วมบุญสร้างวิหารทวดเสือ และสำนักสงฆ์ป่าแม่ลาน ร่วมทำบุญบูชาได้ที่ พระสมเกียรติ สุเมโธ (หลวงบ่าว) วัดห้วยเงาะ โทร.๐-๓๗๔๑-๕๖๒๒, ๐๘-๖๙๕๖-๘๙๐๔ และ ๐๘-๑๗๕๓-๑๘๖๗
อ.โสภณ