
หลวงพ่อเณร พระผู้สร้าง วัด โรงเรียน โรงหมอ และเทพ
พระราชพิพัฒน์โกศล เจ้าอาวาสวัดศรีสุดารามราชวรวิหาร บางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. แม้จะเป็นท่านเจ้าคุณแล้ว แต่ลูกศิษย์ก็ยังเรียก "หลวงพ่อเณร" โดยในปีนี้มีอายุย่างเข้าสูงอายุวัฒนมงคลครบ ๖๐ ปี ซึ่งตลอดชีวิตที่บวชมา ท่านเป็นพระที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่พุทธศาสนาม
ส่วนแนวคิดในการก่อสร้างวัด โรงเรียน โรงหมอ และเทพ นั้นหลวงพ่อเณร บอกว่า การสร้างวัดเป็นการบูชาคุณของพระพุทธ พระธรรม และเป็นที่อยู่ของพระสงฆ์ กล่าวคือ โบสถ์เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งเป็นองค์แทนของพระพุทธเจ้า การสร้างศาลาการเปรียญเพื่อเป็นที่แสดงธรรมของพระพุทธเจ้า ส่วนกุฏิพระเพื่อเป็นที่อยู่ที่พักของพระสงฆ์สามเณร ซึ่งเป็นสาวกของพระพุทธองค์ ผู้ที่จะนำพาพระธรรมสู่พุทธศาสนิกชน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสืบทอดพระพุทธศาสนา
ในขณะที่การสร้างโรงเรียน ถือเป็นการให้การศึกษาสงเคราะห์ ซึ่งมีคำโบราณของพระรูปหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า พระเราแย่งข้าวลูกชาวบ้านมาฉัน แทนที่จะหุงข้าวให้ลูกกินเพียงคนเดียว แต่ด้วยจิตสำนึกของความที่เป็นชาวพุทธ ก็ต้องนำข้าวส่วนหนึ่งมาใส่บาตรถวายพระ เพื่อสืบทอดพระศาสนา เมื่อพระมีบารมีสามารถเรียกศรัทธาชาวบ้านได้ ก็ต้องสร้างสาธารณประโยชน์คืนกลับสู่ชาวบ้าน และการให้ที่ถือว่าเป็นทานสูงสุดอย่างหนึ่งคือ ให้การศึกษา เมื่อลูกชาวบ้านมีการศึกษาสามารถประกอบสัมมาอาชีพได้ เมื่อเติบโตมีกำลังก็กลับมาช่วยเหลือวัดคืนสู่พระพุทธศาสนา
ส่วนการสร้างโรงพยาบาลนั้น หลวงพ่อเณรบอกว่า การสร้างโรงพยาบาลเป็นมหาทานอย่างหนึ่ง เพราะทุกคนต้องเป็นไปตามโลก คือ มีเกิด แก่ เจ็บป่วย ตาย เป็นเรื่องธรรดา ซึ่งก่อนตายนั้นก็ต้องเจ็บป่วย ซึ่งต้องพึ่งหมอพึ่งโรงพยาบาล หากมีสถานที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยให้ญาติโยมได้รับการรักษาคนให้หายเจ็บไข้ได้ป่วย เท่ากับว่าเป็นการรักษาชีวิตของคน
“พระทุกรูปมีภูมิความรู้ มีบารมี แต่หากอยู่ที่ว่าพระแต่ละรูปนั้นจะใช้ความรู้และบารมีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา รวมทั้งสร้างสาธารณประโยชน์คืนสู่สังคมได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่า คำสอนของหลวงพ่อปัญญาเป็นมรรคเป็นผลมากขึ้น ทั้งพระที่เป็นลูกศิษย์สายวัดชลประทานโดยตรง พระที่ได้ยินคำเทศน์คำสอนของหลวงพ่อปัญญาก็นำไปใช้ไปปฏิบัติ ดังเห็นว่า บทบาทของพระนอกจากเป็นผู้รักษาและเผยแผ่พระธรรมแล้ว พระยังทำหน้าที่ด้านสังคมสงเคราะห์ และสร้างสาธารณประโยชน์ที่มีผลงานเด่นชัดจำนวนมาก” นี่เป็นคำสอนของพระพรหมมังคลาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ อดีตเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ที่หลวงพ่อเณรบอกว่า นำมายึดถือและปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา
เมื่อถามถึงวิธีการเรียกศรัทธาและหาปัจจัยจากญาติโยม หลวงพ่อเณรพูดไว้อย่างน่าคิดว่า ปัจจัยที่สร้างวัด สร้างโรงเรียน รวมทั้งสร้างโรงหมอ มิใช่เป็นของอาตมา หากเกิดจากศรัทธาของญาติโยมโดยมีอาตมาเป็นแกนนำศรัทธา นอกจากปัจจัยสี่ที่พระแทบไม่ต้องหา เพราะญาติโยมใส่บาตรให้ทุกวันแล้ว ปัจจัยที่ญาติโยมถวายก็กลับไปสู่ญาติโยมในลักษณะของการสร้างสาธารณประโยชน์ เมื่อญาติโยมเห็นว่า พระตั้งใจจริง ไม่ว่าจะสร้างอะไรก็ย่อมมีญาติโยมสนับสนุนช่วยเหลือเสมอ
การสร้างศรัทธาจากญาติโยม สิ่งที่พระต้องยึดเป็นหลักปฏิบัติมีอยู่ ๓ ประการ คือ ๑.การครองตน คือ มีความประพฤติ และปฏิบัติตน ประกอบไปด้วยคุณธรรม ควรแก่การยกย่อง สร้างตัวเองให้เป็น
๒.การครองคน คือ มีความสามารถในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น สามารถจูงใจให้เกิดการยอมรับ และให้ความร่วมมือ
และ ๓.การครองงาน คือ การมีความสามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ และงานที่ได้รับมอบหมายอย่างดี อะไรควรทำก่อนหลัง
นอกจากนี้แล้ว หลวงพ่อเณรยังบอกด้วยว่า การสนทนากับญาติโยม ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมิใช่น้อย โดยต้องยึดหลัก ๔ ประการที่ว่า ๑.ต้องตั้งใจสนทนา ช่วยได้หรือไม่ได้ ต้องรับฟังไว้ก่อน ๒.เจรจาไพเราะ เพราะคำพูดเปรียบเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ ๓.ปะเหมาะเอื้อเฟื้อ และ ๔.ช่วยเหลือตามควร ตามที่ช่วยได้ ไม่ใช่ตั้งท่าปฏิเสธ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พูดคุยอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม วันจันทร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓ นี้ คณะศิษย์ได้ร่วมกันจัดงานฉลองอายุวัฒนมงคลครบ ๖๐ ปี เวลา ๐๘.๐๐ น. ประกอบพิธีไหว้ครู เวลา ๑๑.๐๐ น.ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ และเวลา ๑๓.๐๐ คณะศิษย์ร่วมกันสรงน้ำหลวงพ่อเณร
ส่วนบุญใหญ่ในงานฉลองอายุวัฒนมงคลนั้น หลวงพ่อเณรมีโครงการบูรณศาสนสถานรวมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์วัดศรีสุดารามใหม่ทั้งหมด ซึ่งว่างเว้นจากการบูรณะมากว่า ๒๐ ปี พุทธศานสนิกชนร่วมบุญกับหลวงพ่อเณรได้ที่วัดศรีสุดาราม โทร.๐-๒๔๓๓-๒๒๒๙
สร้างเทพเพื่อสร้างขวัญ
"อุทยานพระพิฆเนศ" ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก เป็นที่ประดิษฐานของพระพิฆเณปางคณบดี ทำจากเนื้อปูนปั้น ผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์จาก ๗๖ จังหวัดทั่วประเทศ ขนาดหน้าตักกว้าง ๙ เมตร สูง ๑๕ เมตร ตามข้อมูลที่ได้มา ถือเป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ รวมทั้งยังมีอาคารพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมองค์พระพิฆเนศจำนวน ๑๐๘ ปาง ที่ครบสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย
นอกจากนี้ ที่พักผู้ปฏิบัติธรรมทรงไทยประยุกต์ สไตล์รีสอร์ท มีประมาณ ๒๐ หลัง สำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมเป็นครอบครัว โดยได้จัดเตรียมของใช้ให้สะดวกสบาย ลักษณะเดียวกับรีสอร์ท เช่น ติดเครื่องปรับอากาศ มีตู้เย็น ทีวี จานดาวเทียม เครื่องทำน้ำร้อน กาต้มน้ำ และห้องน้ำในตัว ฯลฯ
รวมทั้งยังมีศาลาที่พักรวม สำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมเป็นหมู่คณะ ครั้งละประมาณ ๑๐๐ คน ศาลาฝึกอบรมผู้ปฏิบัติธรรม มีสระว่ายน้ำ ซึ่งมีการวางแบบที่เป็นระเบียบ สะอาดสะอ้าน อาจจะเรียกว่า "ศูนย์ปฏิบัติธรรมสไตล์รีสอร์ท" ก็ไม่ผิดนัก
หลวงพ่อเณรบอกว่า การสร้างอุทยานพระพิฆเนศ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ผู้คนที่ศรัทธามากราบไหว้ขอพร ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ทุกคนล้วนมีความท้อแท้ในชีวิตและการงาน แม้ทุกอย่างจะแก้ไขด้วยหลักธรรมของพระพุทธเจ้า แต่เราไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า การขอพรจากเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถสร้างขวัญและกำลังใจได้ไม่น้อยเช่นกัน เมื่อคนมีขวัญมีกำลังใจ หากจะลงมือและตั้งใจทำอะไรสักอย่างย่อมประสบความสำเร็จเสมอ
“พระทุกรูปมีภูมิความรู้ มีบารมี แต่หากอยู่ที่ว่าพระแต่ละรูปนั้นจะใช้ความรู้และบารมีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา รวมทั้งสร้างสาธารณประโยชน์คืนสู่สังคมได้มากน้อยเพียงใด”
0 เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู 0