พระเครื่อง

'ผมเชื่อว่าพุทธคุณขององค์พระมีจริง'เอ พระราหู ประสบมาด้วยตัวเอง

'ผมเชื่อว่าพุทธคุณขององค์พระมีจริง'เอ พระราหู ประสบมาด้วยตัวเอง

09 พ.ค. 2553

เอ พระราหู (ภัทรพล ตระกูลมหาชัย) เป็นชาว จ.สมุทรปราการ โดยกำเนิด บ้านอยู่ใกล้กับวัดด่านสำโรง ชื่อของ หลวงปู่แย้ม พระเกจิอาจารย์เจ้าของพระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก อดีตเจ้าอาวาสวัดนี้ จึงได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เด็กๆ

 ต่อมาเมื่อโตขึ้น เอได้ไปเรียนต่อที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ แถวบางปู วันหนึ่ง มีเพื่อนมาชวนไปเที่ยววัดอโศการาม ซึ่งต้องเดินทางผ่านทุกวัน เลยเข้าไปกราบไหว้พระในวัดเป็นประจำ จนคุ้นเคยกับพระเณรมาก บางวันก็ได้รับแจก พระพ่อท่านลี ผู้สร้างวัดนี้ เป็นพระที่สร้างในสมัยท่านยังอยู่ ได้มาหลายองค์ เพราะไปบ่อยมาก แต่ละองค์ล้วนมีพุทธศิลป์ที่สวยงาม จึงเป็นแรงบันดาลให้เกิดความสนใจในเรื่องของพระเครื่องขึ้นมา เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ชอบในเรื่องของศิลปะอยู่ก่อนแล้ว

 นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ที่ชวนให้เกิดความศรัทธาพระเครื่องขึ้นมาอีกด้วย คือ มีเพื่อนซื้อรถมอเตอร์ไซค์มาคันหนึ่ง ปรับแต่งเครื่องใหม่ เพิ่มความแรงมากขึ้น จึงขอเขาเอาไปลองขับ บนถนนสุขุมวิท เส้นทางไปวิทยาลัย เกิดมีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับพุ่งออกมาจากซอย จึงหักหลบ ไม่อย่างนั้นชนกันแน่ ด้วยความเร็วสูงของรถ ทำให้เสียหลักพุ่งลงข้างถนน เพื่อนที่ซ้อนท้ายกระเด็นออกไปทางหนึ่ง ตัวของเอกระเด็นไปอีกทางหนึ่ง จากสภาพที่เกิดขึ้น น่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส  เพราะสมัยนั้นยังไม่ได้บังคับใส่หมวกกันน็อก แต่ปรากฏว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวของเอและเพื่อน ไม่มีบาดแผลอะไรเลย รอดตายอย่างปาฏิหาริย์

 ในวันนั้น เอ แขวน เหรียญหลวงพ่อทวด อยู่เพียงเหรียญเดียว เป็นของคุณอาให้มา (ภายหลังจึงรู้ว่าเป็นเหรียญรุ่น ๒ บล็อกสายฝน) ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเก็บรักษาอยู่

 เอบอกว่า ตอนเกิดเหตุมีความรู้สึกว่า เหมือนมีอะไรมารองรับขณะร่างกระแทกกับพื้นดิน จากประสบการณ์ครั้งนั้น ทำให้เอเชื่อว่า พุทธคุณในองค์พระมีจริง จึงเริ่มศึกษาหาความรู้ในเรื่องของพระเครื่อง โดยเฉพาะเหรียญหลวงพ่อทวด และเหรียญพระเกจิอาจารย์ต่างๆ

 ขณะเดียวกัน คุณอาซึ่งเป็นทหาร ได้รับแจกพระพุทธชินราช รุ่นอินโดจีน ๒๔๘๕ เมื่อครั้งออกไปร่วมรบในสงครามอินโดจีน ก็ได้แคล้วคลาดปลอดภัยกลับมา คุณอาได้เล่าเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระที่ติดตัวไป (รวมทั้งเหรียญหลวงพ่อทวด รุ่น ๒ ) ทำให้เอได้ซึมซับเรื่องพระพุทธชินราช รุ่นอินโดจีน อีกองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นพระที่น่าใช้มาก เพราะพิธีการสร้างยิ่งใหญ่ มีพระเกจิอาจารย์เก่งๆ ในสมัยนั้นร่วมนั่งปรกปลุกเสกจำนวนมาก

 ส่วนคุณพ่อก็มี พระหลวงพ่อโอภาสี เพราะเป็นลูกศิษย์ของท่าน คุณพ่อได้นั่งเรือไปกราบไหว้หลวงพ่อโอภาสีที่สวนบางมดบ่อยๆ ได้รับเหรียญรุ่นราวบันได เหรียญครุฑ และเหรียญอื่นๆ อีกหลายเหรียญ ก็เอามาเก็บบูชาไว้ที่บ้าน (ตอนหลังมอบให้เอหมด)

 เอ เล่าว่า "เมื่อผมเรียนจบเทคนิคแล้ว ได้งานทำที่โรงงานเฟอร์นิเจอร์ที่พระประแดง บ่อยครั้งที่เห็นคนขับรถของโรงงานจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องพระ เมื่อมีเวลาว่าง ก็เอาพระมาอวดกันบ้าง ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันบ้าง ผมได้เข้าไปดูเขาเล่นพระกันบ่อยๆ วันหนึ่ง ผมเอาเหรียญหลวงพ่อโอภาสีที่คุณพ่อให้มา ไปให้เขาดู เขาขอแลกกับเหรียญรุ่นใหม่หลายเหรียญ ผมไม่รู้เรื่องราคา จึงแลกกับเขาไป  ผ่านไปหลายเดือน ผมเพิ่งมารู้ภายหลังว่า ถูกเขาหลอก จึงไปขอแลกเขาคืน ปรากฏว่าเขาลาออกจากงานไปแล้ว ผมรู้สึกเสียดายของมาก ตั้งแต่นั้นมา จึงซื้อหนังสือพระมาอ่าน พร้อมกับเข้าสนามพระใกล้บ้าน คือ บนห้างอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง ผมขึ้นไปบ่อยๆ จนคุ้นเคยกับแผงพระหลายคน  และพอจะรู้ว่าคนไหนเล่นพระดี ก็ซื้อพระจากเขา องค์แรกคือ พระหลวงพ่อทวด หลังตัวหนังสือ พิมพ์เล็ก ปี ๒๕๐๕ ราคาพันกว่าบาท สมัยนั้นของปลอมมีน้อย พระปลอมส่วนมากปลอมอย่างง่ายๆ พอจะแยกออก ผมได้อาศัยพระหลวงพ่อทวดองค์นี้มาศึกษา ขณะเดียวกัน ก็ซื้อพระอื่นๆ ด้วย เรียกว่าชอบพระองค์ไหน ที่มีราคาไม่แพงมาก ก็จะซื้อเอาไว้ เพื่อศึกษาหาข้อมูลจากองค์พระ  บางครั้งเอาไปอวดเขาบนสนามพระ มีคนสนใจมาขอซื้อต่อ ก็เลยขายเขาไป ในราคาที่สูงกว่าตอนซื้อ ก็ได้กำไรพอสมควร ทำให้รู้สึกภูมิใจที่สามารถขายได้มีกำไร ผมจึงทำอย่างนี้อยู่ระยะหนึ่ง จนชักติดใจในรายได้ ต่อมาได้พบกับพี่คนหนึ่ง เป็นชาวสิงห์บุรี เขาชวนให้เล่นพระหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง เพราะช่วงนั้นกำลังมาแรง ผมก็เลยซื้อขายพระหลวงพ่อแพ อาศัยที่พี่คนนี้เขาแม่นมาก  และแนะนำให้ทุกอย่าง ทำให้ผมสามารถดูพระหลวงพ่อแพได้ทุกรุ่น ที่วงการนิยมกัน จนถึงกับได้จัดทำหนังสือหลวงพ่อแพ เล่มปกแข็งสีเหลือง โดยร่วมทุนกับพี่คนนั้น ปรากฏว่าหนังสือขายดีจนหมด ไม่มีเหลือ ทำให้ผมมีกำลังใจมาก"

 หนังสือหลวงพ่อแพ เล่มนี้ทำให้ชื่อ เอ พระราหู เป็นที่รู้จักของวงการพระเครื่องกว้างขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้รับเกียรติให้เป็นกรรมการตัดสินพระชุดหลวงพ่อแพ ไม่ว่าจะเป็นงานประกวดพระที่ไหนก็ตาม

 เมื่อก้าวเข้ามาสู่วงการพระอย่างเต็มตัวเช่นนี้แล้ว เอก็เลยลาออกจากงานที่เคยทำอยู่ เพราะเห็นลู่ทางแล้วว่า อาชีพซื้อขายพระน่าจะดีกว่า เป็นอาชีพอิสระ มีรายได้เป็นที่น่าพอใจ สิ่งสำคัญ คือ ต้องมีความซื่อสัตย์จริงใจ และมีคุณธรรมกับลูกค้า ความศรัทธาเชื่อถือก็จะเกิดตามมา เมื่อถึงจุดนี้แล้ว ก็ย่อมจะมีความเจริญก้าวหน้า และอยู่รอดตลอดไปด้วยดี

 ปี ๒๕๔๐ เมืองไทยเกิดวิกฤติการณ์ฟองสบู่แตก มีคนตกงานกันมาก จนเกิดมีปรากฏการณ์ "เปิดท้าย (รถ) ขายของ" ไปทั่วทุกแห่งหน

 ปีนี้เองที่ เอ ได้ขึ้นไปเช่าตู้พระบนห้างอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง เอาพระที่สะสมไว้วางแผงขาย ไม่ว่าจะเป็นพระหลวงพ่อทวด หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อพรหม ท่านเจ้าคุณนรฯ หลวงปู่ทิม ฯลฯ ทำอยู่ได้ปีเดียวก็ย้ายไปเปิดร้านที่ห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ อีก ๑ ปี พอดีที่ห้างซีคอน สแควร์ ถนนศรีนครินทร์ เปิดศูนย์พระขึ้นด้วย เห็นว่าใกล้บ้านกว่า เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ จนถึงทุกวันนี้

 เนื่องจากที่ซีคอนเป็นห้างใหญ่ มีลูกค้าเยอะมาก การซื้อขายจึงเป็นไปด้วยความคึกคัก มีทั้งคนเอาพระมาขายอยู่เสมอ เนื่องจากปัญหาฟองสบู่แตก ขณะที่คนไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง ก็มาซื้อพระมากขึ้นด้วย เพราะช่วงนั้น มีแต่ของไม่แพง หากขายแพงมากไม่มีคนซื้อ

 การได้ซื้อพระเข้ามาบ่อยๆ ทำให้เอมีโอกาสได้ศึกษาหน้าพระกว้างขึ้น โดยอาศัยดูจากพระแท้ที่มีอยู่ เมื่อจดจำได้หมดแล้วก็ขายพระองค์นั้นออกไป เพื่อเป็นทุนซื้อพระองค์ใหม่เข้ามา ทำอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ได้ทั้งความรู้ และเงินทุนหมุนเวียนอยู่เสมอ

 เมื่อมีเงินมากขึ้น ก็สามารถซื้อพระที่แพงขึ้นกว่าเดิม พระเก่ากว่าเดิม และขยายออกไปยังพระประเภทอื่นๆ ได้มากขึ้นด้วย

 "โดยส่วนตัวผมชอบพระกริ่ง ซึ่งเป็นการย่อส่วนมาจากพระพุทธรูป ซึ่งมีพุทธศิลป์ที่สวยงาม สามารถดูได้รอบด้าน แต่พระพุทธรูปบูชาองค์ใหญ่ ต้องใช้เนื้อที่เก็บรักษามาก อีกทั้งจะพกพาไปไหนมาไหนไม่ได้ ผมจึงเห็นว่า พระกริ่งก็เหมือนกับพระพุทธรูปบูชา ที่เราสามารถศึกษาศิลปะได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งพระกริ่งรุ่นเก่าๆ มีกรรมวิธีการสร้างที่มีพิธีรีตองมากมายทุกขั้นตอน หากศึกษาให้ลึกๆ จะมีความซาบซึ้งทั้งในแง่ของพุทธศิลป์ และอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระกริ่งวัดบวร วัดสุทัศนฯ ท่านเจ้ามา หลวงปู่บุญ ฯลฯ รวมทั้งพระรูปเหมือนของพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า ที่เททองหล่อแบบโบราณ เมื่อนำมาศึกษาอย่างละเอียดแล้ว จะรู้สึกว่า มีอะไรที่น่าสนใจในองค์พระเยอะมาก" เอ บอกกล่าวถึงความคิดเห็นส่วนตัว

 เมื่อพูดถึงแนวทางการสะสมพระ โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งหันมาสนใจว่า "ก่อนอื่นต้องรู้ว่า สนใจพระประเภทไหนเป็นพิเศษ ก็ให้ศึกษาพระประเภทนั้นก่อน โดยเลือกซื้อองค์ที่ไม่แพง จากคนที่คิดว่าน่าเชื่อถือ แล้วเอามาศึกษาให้ละเอียดทุกซอกมุม จากนั้นจึงค่อยหาซื้อพระประเภทเดียวกัน ที่มีราคาแพงขึ้นไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็ต้องอ่านหนังสือพระ ตำราพระ  รวมทั้งในอินเทอร์เน็ต ซึ่งทุกวันนี้มีเรื่องของพระเครื่องเยอะมาก แต่ก็ต้องรู้จักเลือก เพราะหนังสือพระบางเล่มก็มีการนำพระปลอมมาลงเหมือนกัน  การชี้จุดตำหนิพระของหนังสือ อาจจะใช้ได้ในช่วงระยะหนึ่งเท่านั้น นานๆ ไป ก็ใช้ไม่ได้ เพราะคนทำพระปลอม เขาก็อ่านหนังสือพระเหมือนกัน แล้วนำข้อบกพร่องที่มีอยู่ในชิ้นงานของเขา ไปปรับปรุงให้ดีขึ้น ทุกวันนี้ คนทำพระปลอมมีการพัฒนาฝีมืออยู่เสมอ เราจึงต้องดูจุดอื่นๆ ที่ไม่มีอยู่ในตำราพระประกอบด้วย เพื่อเป็นจุดสังเกตของตัวเราเอง อย่างไรก็ตาม หากท่านที่เพิ่งสนใจสะสมพระ มีปัญหาอะไรที่ผมพอจะช่วยเหลือได้ ถ้าผมรู้ก็ยินดีที่จะให้คำปรึกษาเสมอ ปัญหาไหนที่ผมไม่รู้ ก็จะบอกตามตรงว่าไม่รู้  เพราะผมไม่ได้เก่งกล้าสามารถไปหมดทุกอย่าง"

 ทุกวันนี้ สังคมเมืองไทยมีคนรุ่นใหม่หันมาสนใจสะสมพระเครื่องกันมากขึ้น นับเป็นเรื่องที่ดีงาม พระเครื่องที่คนรุ่นใหม่สนใจกันมาก ก็คือ เหรียญพระเกจิอาจารย์ รุ่นกลางเก่ากลางใหม่ ซึ่งยังมีราคาไม่แพงนัก  เพราะเป็นของสะสมที่ดูง่าย มีคนดูเป็นกันเยอะ และมีข้อยุติ แท้หรือเก๊ก็มีความแตกต่างชนิดที่สามารถบอกกล่าวแนะนำกันได้ นอกจากนี้ การเก็บรักษาก็ง่ายด้วย

 อย่างไรก็ตาม เอ บอกด้วยว่า การสะสมพระเครื่องไม่ว่าของเก่าของใหม่ พระกรุ พระเกจิอาจารย์ ขอแนะนำว่า ให้พยายามเก็บของสวย และดูง่าย เอาไว้ก่อน เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่ง หากอยากจะขายออกไปก็จะได้ราคาดีกว่าของไม่สวยของดูยาก และหากจะเช่าหาพระเครื่องใดๆ ก็ตาม ขอให้เช่าจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือ และมีการรับประกันให้ด้วย หากเป็นของปลอม หรือพระมีปัญหา ต้องรับคืนได้เสมอ 

 เอ พระราหู มีร้านพระอยู่บนชั้น ๒ ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถนนศรีนครินทร์ โทร.๐๘-๔๙๑๑-๗๗๘๘

0 ตาล ตันหยง 0