พระพุทธรูปประทานพรหลวงพ่อแพวัดพิกุลทอง | คมชัดลึก

 เมื่ออายุได้ ๑๑ ปี บิดามารดาบุญธรรม ได้นำท่านไปอยู่วัด กับสำนักอาจารย์ป้อม เพื่อศึกษาภาษาไทยและภาษาขอม รวมทั้งเรียนหนังสือมูลบทบรรพกิจ พระมาลัยสูตร และพระธรรมเจ็ดคัมภีร์ พออายุได้ ๑๔ ปี บิดามารดาบุญธรรมได้ส่งท่านไปศึกษาต่อที่สำนักอาจารย์สม ภิกษุชาวเขมร วัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ ต่อมาท่านยังได้ไปเรียนบาลีไวยากรณ์ ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ อีกด้วย

 เมื่อศึกษาหาความรู้จนมีอายุได้ ๑๖ ปี ก็กลับบ้านเกิด เพื่อบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ เมษายน ๒๔๖๓ ณ วัดพิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี หลังจากนั้นท่านได้เดินทางกลับไปอยู่วัดชนะสงคราม ตามเดิม เพื่อศึกษาบาลีไวยากรณ์ ต่อ จนสอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร

 ขณะเดียวกัน ท่านได้ศึกษาและปฏิบัติสมถกัมมัฎฐาน วิปัสสนากัมมัฎฐาน ในสำนักของพระครูภาวนา วัดพระเชตุพน จนมีความรู้ความชำนาญเป็นอย่างดี

 เมื่ออายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ ท่านได้อุปสมบท ณ วัดพิกุลทอง โดยมี พระมงคลทิพย์มุนี เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส กทม. เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสิทธิเดช วัดชนะสงคราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ท่านเจ้าอธิการอ่อน วัดจำปาทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "เขมังกะโร" แปลว่า ผู้ทำความเกษม

 ภายหลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้เดินทางกลับสู่วัดชนะสงคราม เพื่อศึกษาทางด้านพระปริยัติธรรมให้ได้ในระดับสูงที่สุด

 ต่อมา พ.ศ.๒๔๗๔ พระอาจารย์หยด พวงมสิต เจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง ได้ลาสิกขา ชาวบ้านจึงได้นิมนต์ให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสแทน ขณะนั้นท่านมีอายุ ๒๖ ปี

 หลังจากนั้น ท่านได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ อีกมากมาย รวมทั้งได้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเรื่อยๆ จนได้รับพระราชทาน สมณศักดิ์สูงสุด เป็นกรณีพิเศษ เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๓๙ ในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ ๕๐ ปี (พระราชพิธีกาญจนาภิเษก) เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมมุนี

 หลวงพ่อแพ มรณภาพเมื่อวันพุธที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒  สิริรวมอายุ ๙๔ ปี พรรษา ๗๓

 ตลอดเวลาที่ท่านได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง ท่านได้บำเพ็ญประโยชน์ทั้งภายในวัด และสาธารณประโยชน์ทั่วไปอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดของท่านเอง หรือวัดในปกครองของท่าน รวมทั้งการสร้างโรงพยาบาล โรงเรียน ฯลฯ อีกหลายแห่ง

 ในด้านของการสร้างและปลุกเสกพระเครื่องรางของขลัง หลวงพ่อแพนับได้ว่า เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอีกท่านหนึ่งในทางนี้ โดยมีลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ รวมทั้งประเทศใกล้เคียง อย่างมากมาย

 พระเครื่องที่โด่งดังที่สุดของท่าน คือ พระสมเด็จแพพัน เนื้อผง ปี ๒๕๑๐ เช่าหากันที่ ๑ แสนบาทขึ้นไป ขณะที่พระสมเด็จ เนื้อทองผสม รุ่นแรก ปี ๒๔๙๔ เช่าหากันที่ ๒-๓ หมื่นบาท รวมทั้งพระรุ่นอื่นๆ ก็มีราคาเช่าหาสูงกว่าตอนออกใหม่ๆ หลายเท่าตัว เพราะพระแต่ละรุ่นล้วนมีประสบการณ์ในทุกด้านมาโดยตลอด

 สำหรับพระบูชาที่ได้รับความสนใจสูงสุด คือ พระพุทธรูปปางประทานพร รัตนโกสินทร์ ขนาดหน้าตักกว้าง ๑๒ นิ้ว ปี ๒๕๑๘ ราคาเช่าหาอยู่ที่ ๑-๒ แสนบาท รวมทั้งพระที่สร้างในพิธีเดียวกัน คือ พระสังกัจจายน์ หน้าตัก ๗ นิ้ว ราคาเช่าหาอยู่ที่ ๑ แสนบาท และ รูปเหมือนหลวงพ่อแพ หน้าตัก ๗ นิ้ว ราคาเช่าหาอยู่ที่ ๕-๖ หมื่นบาท

 พระบูชารุ่นนี้ สร้างขึ้นในช่วงที่หลวงพ่อแพ ดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูศรีพรหมโสภิต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาปัจจัยสมทบทุนสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ปางประทานพร หน้าตัก ๙ วา ๙ นิ้ว หล่อคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งได้วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๑๗ และกำลังก่อสร้างอยู่ไม่แล้วเสร็จ (ในขณะนั้น) คณะศิษย์จึงได้จัดสร้างพระบูชารุ่นนี้ขึ้น ประกอบด้วย

 ๑.พระพุทธรูปปางประทานพร รัตนโกสินทร์ หน้าตัก ๑๒ นิ้ว เนื้อโลหะสีจำปา สร้างจำนวน ๒,๕๑๙ องค์ บูชาองค์ละ ๔,๙๐๐ บาท
 ๒.พระสังกัจจายน์ หน้าตัก ๗ นิ้ว เนื้อโลหะสีจำปา สร้างตามจำนวนสั่งจอง บูชาองค์ละ ๙๐๐ บาท
 ๓.พระบูชารูปเหมือนหลวงพ่อแพ หน้าตัก ๗ นิ้ว เนื้อโลหะสีจำปา สร้างตามจำนวนสั่งจอง บูชาองค์ละ ๙๐๐ บาท
 พิธีพุทธาภิเษกและเททอง ณ วัดพิกุลทอง วันพุธที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘

 สมัยนั้น พระบูชา รุ่นนี้ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างกว้างขวาง เพราะแต่ละองค์มีพุทธศิลป์ที่งดงามประณีตวิจิตรบรรจงมาก ทั้งนี้เป็นการออกแบบและปั้นพิมพ์โดย นายช่างสมชัย หัตถกิจโกศล ผู้มีความต้องการที่อยากจะฝากผลงานประติมากรรมชั้นเยี่ยมเอาไว้ในบวรพระพุทธศาสนาสืบไป

 มาถึงทุกวันนี้ พระบูชารุ่นนี้ ได้กลายเป็นของมีค่าที่หายาก บรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อแพ และนักสะสมพระเครื่องพระบูชาทั่วๆ ไป ต่างแสวงหากันอย่างกว้างขวาง แม้ว่าจะมีราคาสูงถึงหลักหมื่นหลักแสนก็ตาม

0 แล่ม จันท์พิศาโล 0