พระเครื่อง

ชั่วโมงเซียน -ยันต์เหรียญพระพุทธชินราชวัดใหญ่ จ.พิษณุโลก รุ่น "เสาร์ห้า"

ชั่วโมงเซียน -ยันต์เหรียญพระพุทธชินราชวัดใหญ่ จ.พิษณุโลก รุ่น "เสาร์ห้า"

03 พ.ค. 2553

การจัดสร้างหลวงพ่อพระพุทธชินราชทั้งขนาดบูชาและขนาดห้อยคอ ของ “วัดใหญ่” หรือ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร” จ.พิษณุโลก ในแต่ละปีนั้น จะสร้างออกมาเพียง ๑ รุ่น โดยในปี ๒๕๕๓ พระธรรมเสนานุวัตร (บำรุง ฐานุตฺตโร มากก้อน ป.ธ. ๗) รองเจ้าคณะภาค ๕

 และเจ้าอาวาสได้จัดสร้างเหรียญพระพุทธชินราช-พระเหลือ และพระพุทธชินราช อินโดจีน รุ่นเสาร์ห้า (เหลือกินเหลือใช้) ปี ๕๓ เพื่อนำไปสร้างมหาวิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช และบูรณปฏิสังขรณ์โบราณวัตถุภายในวัด ทั้งนี้ ได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกในวิหารพระพุทธชินราช เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๓.๐๙ น.ซึ่งเป็นฤกษ์เสาร์ ๕ ตามตำรา

 อย่างไรก็ตาม การจัดสร้างเหรียญพระพุทธชินราช-พระเหลือก่อนหน้านี้มีการจัดสร้าง ๒ ครั้ง คือ รุ่น เหลือกินเหลือใช้ พ.ศ.๒๕๓๙ และ รุ่น ๑๐๐ ปี ร.๕ เสด็จฯ พ.ศ.๒๔๔๔-๒๕๔๔  ณ วิหารพระเหลือ

 โดยเป็นการจำลองพระเหลือ ซึ่งพระยาลิไทรับสั่งให้ช่างนำเศษทองสัมฤทธิ์ที่เหลือจากการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา มารวมกันหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดเล็ก เรียกว่า พระเหลือ

 โดยคนในท้องถิ่นเชื่อว่า หากได้นมัสการก็จะเป็นมงคลโดยเฉพาะนักธุรกิจ พ่อค้า ในขณะที่คนอยู่ในแวดวงการเงิน มีคติความเชื่อว่า "พระนามของพระเหลือ มีความหมายพ้องกับ "เหลือกิน เหลือใช้ ถ้าผู้ใดได้กราบไหว้พระเหลือ ผู้นั้นจะมั่งมีเงินทอง เหลือกินเหลือใช้ ไม่อดไม่อยาก อุดมสมบูรณ์ มีโชคมีลาภ"

 สำหรับผู้ที่สนใจอักขระเลขยันต์รุ่นนี้ แม้ว่ายันต์ที่ใช้มีเพียงไม่กี่ตัวก็ตาม แต่พุทธคุณครอบจักรวาล

 ขณะเดียวกัน ทั้งคำอธิบายนั้นมีมากมายน่าศึกษายิ่งนัก เหรียญพระพุทธชินราช-เหรียญสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีคาถาที่สำคัญ ประกอบด้วย

 เหรียญด้าน สมเด็จพระนเรศวรมหาราช คาถาพระพรชัย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า คาถาหัวใจภาหุง หรือชัยมงคลคาถาที่ว่า “พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ” ซึ่งย่อมาจากพระคาถาพาหุงมหากา

  ตำนานเกี่ยวกับพระคาถาพาหุงมหากา จากคำสอนของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี  ท่านเล่าว่า ได้พบกับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอยุธยาในนิมิต และได้ทราบว่าคาถาพาหุงมหากานี้ เป็นบทสวดที่สมเด็จพระพนรัตน์ ได้จารึกถวายต่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไว้สวดเป็นประจำ ระหว่างอยู่ในพระบรมมหาราชวัง หรือระหว่างออกศึกสงคราม เพื่อให้มีชัยต่อพระมหาอุปราชแห่งพม่า และกอบกู้กรุงศรีอยุธยาจากกรุงหงสาวดีได้สำเร็จ

 ในขณะที่พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เพื่อให้กองทัพไทยสวดก่อนออกรบร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๑ โดยทรงนำพระคาถาพาหุงบทแรก มาดัดแปลงตอนท้ายจากเดิม 'ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ' เป็น 'ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะสิทธิ นิจจัง'

 นอกจากนี้ ยังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จารึกพระคาถาบทนี้ลงในธงชัยเฉลิมพล สำหรับกองทหารอาสาในสงครามครั้งนี้ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังอีกด้วย

 คำแปลคาถาพาหุงมหากาทั้ง ๘ บท และมีความมุ่งหมายแตกต่างกัน คือ บทที่ ๑ สำหรับเอาชนะศัตรูหมู่มาก เช่น ในการสู้รบ บทที่ ๒ สำหรับเอาชนะใจคนที่กระด้างกระเดื่อง เป็นปฏิปักษ์ บทที่ ๓ สำหรับเอาชนะสัตว์ร้าย หรือคู่ต่อสู้  บทที่ ๔ สำหรับเอาชนะโจร บทที่ ๕ สำหรับเอาชนะการแกล้งใส่ร้ายกล่าวโทษ หรือคดีความ บทที่ ๖ สำหรับเอาชนะการโต้ตอบ บทที่ ๗ สำหรับเอาชนะเล่ห์เหลี่ยมกุศโลบาย  และ บทที่ ๘ สำหรับเอาชนะทิฏฐิมานะของคน

 อย่างไรก็ตาม มีคติความเชื่อว่า ผู้ใดสวดมนต์ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากา เป็นประจำทุกวัน วันละ ๑๐๘ ครั้ง จะประสบแต่ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ตลอดกาลเป็นนิจแลฯแล้ว มีแต่ชัยชนะทุกประการ เรียนหนังสือก็เกิดปัญญา มีแต่ความเก่งกล้าสามารถ ผู้ใดสวดทุกเช้า ค่ำ คิดสิ่งใดที่ดีเป็นมงคล จะสมความปรารถนาทุกประการ

 ๒. คาถาหัวใจยอดศีล (ยันต์ด้านพระหัตถ์ซ้าย-ขวา) ที่ว่า “พุท ธะ สัง มิ” ซึ่งย่อมาจาก “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ” แปลว่า “ขอถึงซึ่ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง”

 อุปเท่ห์วิธีใช้ไว้มากมาย เป็นยอดพระคาถาทางเมตตา ทางอยู่ยงคงกระพันก็ใช้ได้ ตลอดจนจะใช้เป็นล่องหนกำบังตัวก็ได้

 ในขณะที่หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านเคยบอกว่า เป็นพระคาถาที่มีอานุภาพมาก ใช้ได้สารพัด ครอบจักรวาล ผู้ใดมีศีล ไปไหนไม่มีการตายโหงอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยังใช้บริกรรมก่อนจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ หรือขอของจากใคร จะสมความตั้งใจเสมอ

 ส่วน "เลข ๙" ที่อยู่ใต้พระพุทธชินราช ใช้แทนพระคาถามงคล ๙ หรือ คาถานวหรคุณ  ซึ่งเป็นพุทธคุณ ๙ ประการของพระพุทธเจ้า ที่ว่า “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ” พระพุทธคุณ ๙ ประการของพระพุทธเจ้า ย่อเหลือพระคุณละ ๑ ตัว ดังนี้

 ๑. อะ ย่อมาจาก “อรหัง” หมายถึง เป็นพระอรหันต์ ไกลจากกิเลส ๒.สัง ย่อมาจาก “สัมมา สัมพุทโธ” หมายถึง ตรัสรู้ความจริงด้วยพระองค์เอง โดยถูกต้อง ๓. วิ  ย่อมาจาก “วิชชา จรณะสัมปันโน” หมายถึง ทรงสมบูรณ์ด้วยวิชาสมบัติและจริยาสมบัติ ๔. สุ ย่อมาจาก “สุคโต” หมายถึง เสด็จไปดี

 ๕. โล ย่อมาจาก “โลกวิทู” หมายถึง ทรงรู้เท่าทันโลกทั้ง ๓ ๖.ปุ ย่อมาจาก “อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ” หมายถึง ทรงเป็นสารถี ฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้ ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน ๗.สะ ย่อมาจาก “สัตถา เทวมนุสสานัง” หมายถึง ทรงเป็นครูสอนทั้งเทวดาและมนุษย์  ๘. พุ ย่อมาจาก “พุทโธ”หมายถึง ทรงเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใส และ ๙. ภะ ย่อมาจาก “ภควา” หมายถึง ผู้ประพฤติดีแล้ว

 อย่างไรก็ตาม “ภควา” ยังเป็นคาถาบทหนึ่งเรียกว่า “คาถาหัวใจพระเจ้าดำเนิน” ใช้บริกรรมระหว่างทางเอาความแคล้วคลาดปลอดภัย แต่หากต้องการบริกรรมให้เต็มสูตร จะบริกรรมว่า “อะระหัง สุคโต ภควา” รวมเรียกว่า พระนวโลกุตรธรรม ซึ่งหมายถึง ธรรมชั้นสูง นั่นเอง

เหรียญพระพุทธชินราช-พระเหลือ

 ยันต์บนเหรียญพระพุทธชินราช-พระเหลือ คือ คาถาพระพรชัย และคาถาที่อยู่ด้านข้างของพระกรรณ (หู) คือ คาถาหัวใจยอดศีล ส่วนยันต์ที่อยู่ใต้อกเลา และพานพระศรี คือ ตัว นะ มหานิยม ส่วนยันต์ที่อยู่ใต้ฐานพระพุทธชินราช คือ “อุ ทิ ลิ สุ”

 ในขณะที่เลข ๕ ที่อยู่ด้านข้างนั้นใช้แทน พระคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ ที่ว่า "นะโมพุทธายะ” และสามารถบริกรรมถอยหลัง “ยะธาพุทโมนะ"  เป็นพระคาถาเก่าแก่มาแต่โบราณกาล เป็นพระคาถาศักดิ์สิทธิ์มาก มีพุทธคุณดีทุกด้าน

 คาถานี้เป็นการย่อพระนามของพระพุทธเจ้า ของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ในภัทรกัปนี้ ได้แก่ ๑.นะ  ย่อมาจากพระนาม พระพุทธเจ้ากุกกะสันโธ ๒. โม ย่อมาจากพระนาม พระพุทธเจ้าโกนาคม ๓. พุท ย่อมาจาก พระนาม พระพุทธเจ้ากัสสปะ ๔. ธา ย่อมาจาก  พระนาม พระพุทธเจ้าพระสมณโคดม และ ๕. ยะ ย่อมาจาก พระนาม พระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรยในอนาคตกาลข้างหน้า หรือหลัง พ.ศ.๕๐๐๐

 อ.โสภณ