พระเครื่อง

สามเณรฤดูร้อน
ในวันที่...ปลายด้ามขวานร้อนระอุ

สามเณรฤดูร้อน ในวันที่...ปลายด้ามขวานร้อนระอุ

29 เม.ย. 2553

ภาพบรรดาเยาวชนที่เข้าร่วมห่มผ้าเหลืองเพื่อเดินเข้าสู่เบ้าหลอมตามวิถีพุทธ หรือที่เรียกกันว่า “บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน” หรือบวชเณรภาคฤดูร้อน กลายเป็นประเพณีที่แทบทุกวัดทั่วประเทศไทยได้ร่วมกันปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลานานหลายปี

  ขณะที่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ตกอยู่ในสภาพต้องเผชิญหน้าต่อสถานการณ์รุนแรงตลอด ๖ ปี การบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะปัจจัยความไม่สงบ คือ อุปสรรคที่สร้างความกังวลใจให้ผู้ปกครองอยู่ไม่น้อย ที่ต้องตัดสินใจส่งบุตรหลานเพื่อเข้าศึกษาพระธรรมในช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการลดน้อยถอยลงไปทุกที
 
 "ความปลอดภัยในชีวิต กลายเป็นความห่วงใยที่ผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยเกิดความกังวลใจ แม้กระทั่งการก้าวสู่ประตูรั้ววัดก็ยังพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย โดยเฉพาะครอบครัวที่อยู่รอบนอก ซึ่งไม่สะดวกในการเดินทางมาที่วัดเหมือนในอดีต ทำให้วันนี้จึงมีเพียงญาติโยมที่อยู่รอบวัดเท่านั้น ที่ยังมั่นใจนำลูกหลานมาเข้าร่วมพิธี โดยปีนี้มีประมาณ ๓๙ คนเท่านั้น แต่ยืนยันว่า วัดจะยังคงจัดต่อเนื่องไป ตราบเท่าที่จะทำได้ เพื่อทำนุบำรุงศาสนา” นี่คือคำบอกเล่าของ พระครูศรีจริยาภรณ์  หรือ พระมหาชรัช อุชุจาโร รองเจ้าอาวาสวัดช้างให้ จ.ปัตตานี ที่จัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนมาทุกปี ท่ามกลางสถานการณ์รุนแรงมาตลอด ๖ ปี 

  ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า ๖ ปี พระมหาชรัชได้จัดพิธีบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุการณ์ความไม่สงบส่งผลกระทบต่อกิจกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความไม่ปลอดภัย ซึ่งทำให้จำนวนผู้เข้าร่วม และบรรยากาศซบเซาลงไปอย่างถนัดตา ซึ่งสะท้อนจากคำบอกเล่า ที่ชาวบ้านจับกลุ่มคุยกัน เอาลูกมาบวชที่วัดนี้จะปลอดภัยไหม กลายเป็นคำถามที่ผู้ปกครองในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องการฟังคำตอบ เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจส่งบุตรหลานก้าวเดินออกจากบ้านเพื่อร่วมบวชเณรในช่วงปิดเทอมใหญ่

 "เนื่องจากเป้าหมายในการจัดพิธีบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน คือการสร้างกำลังทางพระพุทธศาสนาในอนาคต เพราะเชื่อว่า เยาวชนเหล่านี้เมื่อเติบใหญ่ขึ้นมาจะเป็นผู้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาที่สำคัญในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ อนาคตของพระพุทธศาสนาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ต้องฝากไว้กับคนรุ่นใหม่ ดังนั้น โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน นอกจากเป็นการนำคำสอนของพระพุทธองค์มากล่อมเกลาจิตใจเด็กแล้ว ยังเป็นการจรรโลงศาสนาระยะยาวในพื้นที่อีกด้วย” พระครูศรีจริยาภรณ์ กล่าว

 ด้าน นายธวัช แท่นทอง ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดปัตตานี บอกว่า ตัวเลขของผู้ที่จะเข้าร่วมบวชเณรฤดูร้อนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้มีความสำคัญ เมื่อเทียบกับศรัทธาและสำนึกในการทำนุบำรุงศาสนาพุทธของคนในพื้นที่ ที่ต้องการสืบทอดศาสนาให้คงอยู่ในพื้นที่ต่อไป ดังนั้นไม่ว่าแนวโน้มสถานการณ์ความไม่สงบจะออกมาในรูปแบบใดก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เราในฐานะคนพุทธในพื้นที่จะไม่ละการปฏิบัติการบวชเณรภาคฤดูร้อน เพราะนี่คือศรัทธาที่ต้องรักษาไว้

 ในขณะที่ นายมานะ ลือสวัสดิ์ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดยะลา กล่าวว่า การบวชเณรฤดูร้อน เป็นเหมือนขนบธรรมเนียมประเพณีที่ขาดไม่ได้ สำหรับลูกหลานชาวพุทธ และยิ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยแล้ว นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด ที่จะต้องร่วมกันสืบสานพิธีอันดีงาม ในวิถีพุทธให้คงอยู่ และสืบเนื่องต่อไปอย่างยาวนานที่สุดให้ได้ เพื่อปลูกจิตสำนึกลูกหลาน ร่วมกันดูแลปกป้องทำนุบำรุงศาสนาพุทธให้จรรโลงอยู่ได้ ณ ดินแดนแห่งนี้

 ส่วน นายสมบูรณ์ บุญเขต ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า การบวชเณรฤดูร้อนเป็นสิ่งที่ชาวพุทธในพื้นที่ไม่เคยละการปฏิบัติ แม้จำนวนคนจะน้อยลงเมื่อเทียบจากในอดีตที่เกือบทุกวัดจะต้องมีการบวชฤดูร้อน แต่สำหรับปัจจุบันแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัด แต่ขอให้ได้ทำเพื่อแสดงการมีส่วนร่วมในการดำรงไว้ซึ่งศาสนาพุทธบนปลายด้ามขวาน ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปตามกระแสสังคม ผนวกกับข้อจำกัดของคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ชาวบ้านมักใช้วิธีการเข้ามาร่วมกันทำกิจกรรม ณ วัดใดวัดหนึ่งแทน เพื่อความสะดวกและปลอดภัย

ความในใจสามเณร

 สามเณรชัยรัตน์ พูลสวน อายุ ๑๐ ขวบ จากบ้านช้างให้ หมู่ ๒ ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี บอกว่า ในช่วงปิดภาคเรียน สำหรับเด็ก “หลังวัด” เหมือนธรรมเนียมปฏิบัติ ที่เด็กๆ จะเข้ามาช่วยงานอยู่ในวัด กระทั่งปีนี้ จึงบอกผู้ปกครองขอเข้าร่วมบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนด้วย เพราะอยากเป็นเณร "สมัครใจบวชด้วยตัวเอง จึงไปขอพ่อกับแม่บวชเณรภาคฤดูร้อนแล้วท่านก็อนุญาต และแอบสังเกตเห็นว่า ท่านดีใจมาก จนน้ำตาท่านคลอเบ้า ซึ่งเราก็รู้สึกดีใจ ที่อย่างน้อยก็ทำให้ท่านมีความสุข แม้จะเป็นเพียงแค่การบรรพชาสามเณรก็ตาม” สามเณรชัยรัตน์ บอก

 สามเณรฐิติกานต์ เทพชัย อายุ ๑๑ ปี จากบ้านหมู่ ๕ ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี บอกว่า  ก่อนเข้าร่วมพิธีบรรพชาสามเณรอย่างเป็นทางการ ได้เข้ามาฝึกใช้ชีวิตที่วัดช้างให้ก่อนล้วงหน้า เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องดี และสามารถทำได้ไม่ยาก อีกทั้งพ่อแม่และครอบครัวสนับสนุนให้บวชอย่างเต็มที่ เนื่องจากเชื่อว่า การเข้ามาบวชและใช้ชีวิตในวัด จะนำแต่สิ่งดีๆ ให้แก่ชีวิต และที่สำคัญ น่าจะปลอดภัยมากกว่าใช้ช่วงเวลาปิดเทอมส่วนใหญ่เล่นกับเพื่อนอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย ที่จะไม่ปลอดภัย และอาจตกเป็นเหยื่อเหตุการณ์ความรุนแรงได้ง่าย

 ขณะที่ สามเณรภูรินท์ ลิมป์ไตรรัตน์ อายุ ๑๒ ปี จาก อ.เมือง จ.ยะลา กล่าวว่า ครอบครัวเลื่อมใสศรัทธาและบูชาหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ อย่างมาก จึงสนับสนุนให้มาบวชเณรที่นี่ ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ปฏิเสธ เพราะคนในพื้นที่ทุกคนล้วนทราบดีว่า การเข้ามาบวชที่วัดช้างให้แห่งนี้ล้วนมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้น

 “ครอบครัวจะเดินทางมาสักการบูชาหลวงปู่ทวดที่วัดช้างให้เป็นประจำ ดังนั้นการเข้าร่วมบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนครั้งนี้ จึงเป็นความตั้งใจอันแน่วแน่ ทั้งส่วนตัวและของครอบครัวที่อยากให้เข้ามาเป็นลูกศิษย์วัดที่เราศรัทธา” สามเณรภูรินท์ กล่าว

 "ความปลอดภัยในชีวิต กลายเป็นความเป็นห่วงที่ผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยเกิดความกังวลใจ แม้กระทั่งการก้าวสู่ประตูรั้ววัดก็ยังพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย โดยปีนี้มี ๓๙ คน เท่านั้น"

เรื่อง - ภาพ... " สุพิชฌาย์ รัตนะ / สำนักข่าวเนชั่น"