
ภิกษุณีนันทญาณี สตรีผู้สร้าง..."อารามแห่งความดับทุกข์
สำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๘
โดยมี คณะคุณวรรณา กาญจนภิญโญวงศ์ ถวายที่ดินกว่า ๖ ไร่ อ.นาทนิตย์ และ คุณสามารถ สุทธางคกูล ถวายเพิ่มอีกกว่า ๒ ไร่ ส่วนอีกฝั่งถนนหนึ่ง มีเนื้อที่กว่า ๑๐ ไร่ มีเจ้าภาพหลายคนร่วมกันถวาย
ดังนั้น รวมที่ดิน ๒ ฝั่งถนนทั้งหมด ๑๙ ไร่ ทั้งนี้ได้รับความเมตตาจาก พระภาวนาวิสุทธาจารย์ (หลวงพ่อทองใบ ปภสฺสโร) วัดอภิญญาเทสิตธรรม (วัดนาหลวง) อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ตั้งชื่อให้ว่า “สำนักปฏิบัติธรรมนิโธาราม” อันมีความหมายเป็นมงคลว่า “อารามแห่งความดับทุกข์” โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการก่อตั้งสำนักฯ ๒ ประการ คือ ๑.เพื่ออนุเคราะห์แก่สตรีที่ตั้งใจมาดำเนินชีวิตบนวิถีแห่งศีล สมาธิ ปัญญา ตามรอยพระพุทธเจ้า โดยมี ท่านแม่ชี นันทญาณี เป็นผู้อบรมสั่งสอนตามพระพุทธพจน์ และ ๒. เพื่อรองรับผู้ปฏิบัติธรรมจากหน่วยงานราชการ เอกชน และผู้สนใจใฝ่ธรรมทั่วไป ที่ได้ติดต่อขอเข้ารับการอบรมธรรมะทั้งในรูปแบบค่ายอบรม และเข้ามาปฏิบัติธรรมเป็นการส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีญาติโยมจำนวนมากได้เข้ามาปรารภกับ ท่านภิกษุณีนันทญาณี (อดีต แม่ชีรุ้งเดือน สุวรรณ) ถึงสภาพปัญหาของสังคมว่า ในปัจจุบันมีคนที่มีความทุกข์ทางใจในการดำเนินชีวิตมากขึ้น และก็ได้ขอร้องให้ท่านแม่ชีรุ้งเดือน พร้อมด้วยคณะแม่ชี ๕ รูป ผู้ที่ได้ศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นเวลาสิบกว่าปี ให้ช่วยนำพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้ามาช่วยแนะนำพร้อมทั้งเผยแผ่พร่ำสอนให้ชาวบ้าน ได้มีหลักธรรมในการดำเนินชีวิต ให้เกิดประโยชน์และความสุขแก่ทั้งครอบครัวตนเองและบุคคลอื่น
ต่อมา พ.ศ. ๒๕๔๖ ศ.เกียรติคุณ ดร.ไมตรี สุทธจิตต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้บริจาคที่ดินบริเวณทางเข้าเขื่อนแม่กวง อ.ดอยสะเก็ด จำนวน ๑๖ ไร่ แก่มูลนิธินิโรธาราม เพื่อใช้ประโยชน์เป็นพุทธสถาน จึงได้มีการก่อตั้ง สำนักปฏิบัติธรรมสุทธจิตต์ (นิโรธาราม สาขา ๒) ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้มีโอกาสเข้ามาปฏิบัติธรรม ประกอบกิจกรรมการกุศลต่างๆ ให้เกิดความสงบและสติปัญญาทางจิตใจ รวมถึง เพื่อรองรับการขยายตัวของนักบวชสตรีนิโรธาราม
ปัจจุบัน สำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และสำนักปฏิบัติธรรมสุทธจิตต์ (นิโรธาราม ๒) อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ อยู่ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธินิโรธาราม โดยมีท่านภิกษุณีนันทญาณี เป็นประธานมูลนิธิ และเป็นผู้อบรมสั่งสอนปกครองนักบวชทั้ง ๒ สำนัก
สำหรับประวัติความเป็นมาของ ท่านภิกษุณีนันทญาณี มีนามเดิมว่า รุ้งเดือน สุวรรณ กำเนิดที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันอายุ ๕๔ ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นรุ่นที่ ๑ และจบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ปัจจุบัน ท่านดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธินิโรธาราม และเป็นหัวหน้าสำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ท่านเป็นครูบาอาจารย์สั่งสอนธรรมะและเผยแผ่ธรรมะ โดยนำพระพุทธพจน์จากพระไตรปิฎกมาอธิบายทำให้เข้าใจง่าย และบอกสอนแก่บรรดาศิษย์ทั้งในและนอกสำนักจากทั่วสารทิศ นับเป็นเวลากว่า ๓๐ ปี
ในอดีต น.ส.รุ้งเดือน เริ่มสนใจศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า นับตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ ๒ โดยศึกษาเรื่องอริยสัจ ๔ และปฏิจจสมุปบาท จากหนังสือธรรมะของ ท่านพุทธทาสภิกขุ
ครั้งนั้นเองท่านพบว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า...ตอบคำถามชีวิตตนได้ว่า...เกิดมาทำไม ท่านพบว่า...คำสอนของพระองค์ยังชี้แนวทางสู่ความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง นับแต่นั้นมา ท่านจึงเริ่มเดินตามรอยพระพุทธเจ้า โดยเริ่มเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตนเอง จากที่เคยแต่งตัวสวยงาม ดูหนังฟังเพลงตามประสาวัยรุ่น ที่หมุนตามกระแสในสังคมขณะนั้น หันมาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย มุ่งพัฒนาเรื่องจิตใจมากกว่าจะสนใจเรื่องรูปกายภายนอก
กระทั่งเมื่อขึ้นปี ๓ จึงตัดสินใจพักจากการเป็นนักศึกษาในรั้วของมหาวิทยาลัย ไปเป็นนักศึกษาในร่มพระธรรมที่สำนักปฏิบัติธรรมของท่านอุบาสิกา ที่เขาสวนหลวง จ.ราชบุรี เป็นเวลา ๑ ปี เพราะต้องการพิสูจน์ชีวิตพรหมจรรย์ด้วยการฝึกฝนอย่างจริงจัง
ประสบการณ์ครั้งนั้น ทำให้ท่านยิ่งมีความมั่นใจในแนวทางของพระพุทธเจ้า ท่านจึงได้กลับมาเรียนต่อศึกษาจนจบ และออกมาทำงานรับใช้พระพุทธศาสนาอย่างเข้มแข็งเป็นเวลา ๒ ปี
และตัดสินใจเข้าสู่ชีวิตพรหมจรรย์อย่างแท้จริง ด้วยการบวชเป็นแม่ชีใน พ.ศ. ๒๕๒๓ เมื่ออายุได้ ๒๕ ปี และเลิกใช้เงินในบัดนั้น ด้วยคิดว่า แม้จะทำงานรับใช้ศาสนาและดูเหมือนเป็นคนดีในสายตาของคนทั่วไป แต่ตนรู้อยู่ภายในว่า โลภ โกรธ หลงยังมีอยู่ จึงตัดสินใจบวชเพื่อแสวงหาความสิ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง
แม่ชีรุ้งเดือน บรรพชาเป็นสามเณรี เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๙ และการอุปสมบทเป็นภิกษุณี เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๑ ที่ประเทศศรีลังกา ก็ต้องอาศัยความเมตตากรุณาจากพระภิกษุสงฆ์ไทย ที่ท่านให้การรับรองความประพฤติ อีกทั้งอาศัยการยอมรับ และความไว้วางใจของพระภิกษุสงฆ์ และพระภิกษุณีสงฆ์ศรีลังกา ในการทำพิธีให้ กระทั่งเมื่อกลับมาอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในประเทศไทย ก็ยังต้องอาศัยบารมีธรรมของคณะพระเถรานุเถระ อันได้แก่ พระเทพสิทธาจารย์ วิ. (หลวงปู่ทอง) ท่านเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งฝ่ายมหานิกาย และฝ่ายธรรมยุต รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ท่านเจ้าคณะอำเภอ ทั้ง อ.ดอยสะเก็ด และอ.จอมทอง ท่านเจ้าคณะตำบลดอยแก้ว และตำบลลวงเหนือ รวมถึง พระภิกษุสงฆ์ไทยอีกหลายรูป ที่ได้ให้ความเมตตาอนุเคราะห์ คณะภิกษุณีและคณะนักบวชสตรี สำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม ได้อยู่ประพฤติพรหมจรรย์อย่างร่มเย็นเป็นสุข อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ได้มีส่วนช่วยเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าในรูปแบบต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน มีหน่วยงานและสถาบันต่างๆ มาขอรับการอบรมที่สำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม โดยการแสดงธรรมของท่านสามเณรีนันทญาณี เป็นจำนวนมากติดต่อกันหลายปี
อาทิ เป็นสถานที่รองรับให้ผู้หญิงได้เข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาตามแนวทางพระไตรปิฎก และใช้เป็นสถานที่ในการอบรมค่ายคุณธรรม จริยธรรม โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐบาลและเอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษาต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นต้น
มาขอจัดค่ายคุณธรรม จริยธรรม ตั้งแต่พ.ศ.๒๕๓๘ จนถึงปัจจุบัน รวม ๗๐ กว่ารุ่น ทั้งได้รับการเชิญไปเป็นอาจารย์พิเศษถวายความรู้แก่คณะพระภิกษุสงฆ์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาราชวิทยาลัย (มจร.) รวมถึง หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย โรงเรียนต่างๆ เป็นต้น ด้วยศรัทธาในทางดำเนินชีวิตอันประเสริฐของพระพุทธเจ้า
เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"