
อัศวิน อิงคะกุล ในมุมของ...พลังศรัทธาและความเชื่อ
ขณะที่หลายธุรกิจโรงแรมตกอยู่ในภาวะวิกฤติ เพราะผลกระทบจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยว แต่เจ้าของโรงแรมไทย อย่างนาย อัศวิน อิงคะกุล ประธานบริหารมิราเคิล กรุ๊ป เจ้าของโรงแรมในเครือมิราเคิลกรุ๊ป กลับมีกลยุทธ์ฝ่าวิกฤติจากประสบการณ์การเป็นลูกจ้าง จนเป็นเจ้าของโรง
เจ้าของโรงแรมจำนวนไม่น้อยอาจจะให้คำนิยามแขกผู้มาใบริการว่า “ลูกค้าเหมือนพระเจ้า” แต่สำหรับนายอัศวินกลับให้ความสำคัญกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง คือ ลูกน้อง โดยเขาให้คำนิยามของลูกน้องว่า “ลูกน้องน้องเหมือนญาติมิตร มีสำคัญไม่น้อยกว่าลูกค้า” ทั้งนี้เขาจะให้ความสำคัญกับการดูแลสวัสดิภาพของพนักงานโดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพ เพราะงานบริการต้องทำด้วยใจ ต้องยิ้มแย้มและพร้อมบริการมาจากข้างใน แต่หากร่างกายเขาไม่พร้อมจะให้เขามาบริการด้วยความแจ่มใสคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นพนักงานในองค์กรกว่าพันคน ก็จะทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพของเอไอเอให้ เพื่อทำให้เขาได้รับบริการที่ดีจากโรงพยาบาลชั้นนำ นอกเหนือจากประกันสังคมที่พนักงานทุกคนต้องมี ส่งผลให้มิราเคิล กรุ๊ป สามารถรักษาพนักงานที่มีความจงรักภักดีในองค์กรไว้ได้ และมุ่งมั่นในการทำงาน
ในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สิ่งหนึ่งที่นายอัศวินทำที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนให้กับลูกน้อง คือ เขาจะนิมนต์พระ ๒๑ รูป เพื่อมาเจริญพระพุทธมนต์รับปีใหม่ โดยเริ่มเจริญพุทธมนต์ในเวลา ๒๓.๔๕ น. จากนั้นให้พระเจริญพระพุทธมนต์ตามกำลังวันเกิดให้กับพนักงานทุกคน โดยเริ่มไล่เรียงจากสวดให้พนักงานที่เกิดวันอาทิตย์ ไปเรื่อยๆ จนถึงวันเสาร์
“ผมเชื่อเรื่องของกรรม คนเราเกิดมามีความแตกต่างเพราะผลของกรรมในอดีตชาติ ย่อมมีทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดี เมื่อเราเป็นชาวพุทธและเชื่อว่าชาติหน้ามีจริง เราต้องสร้างแต่กรรมดีเพื่อไปเกิดและพบในสิ่งที่ดีในชาติภพต่อๆ ไป ในปัจจุบันนี้เราต้องสร้างแต่กรรมดีเพื่อชดเชยกรรมไม่ดีที่เคยสร้างแลทำมาในอดีต กรรมดีอย่างหนึ่งที่ผม” นี่เป็นความเชื่อของนายอัศวิน
ทั้งนี้ นายอัศวิน ได้เปรียบเปรยถึงการทำบุญไว้อย่างน่าคิดว่า ถ้าบุญเปรียบเหมือนน้ำในแก้ว แม้ไม่ได้ดื่มกินตั้งไว้เฉยๆ ย่อมมีการระเหยและหมดไป การทำบุญเปรียบเหมือนการเติมน้ำในขวดหรือในแก้วให้เต็มอยู่ตลอดเวลา หิวกระหายเมื่อใดก็สามารถหยิบยกมาดื่มกินได้ตลอดเวลา หากเราไม่หมั่นเติมน้ำก็จะหมดไป บุญก็เช่นกันถ้าเราไม่มั่นทำในที่สุดก็หมดบุญ เมื่อหมดบุญสิ้งเกิดขึ้นที่เรียกว่ากรรมก็จะตามมา”
“ใส่บาตรพระตามกำลังวัน” เป็นบุญอย่างหนึ่งที่นายอัศวินทำทุกๆ วัน มากว่า ๓๐ ปี แล้ว เช่น วันอังคารกำลังวันเท่ากับ ๘ ก็จะใส่บาตร ๘ ชุด หรือใส่บาตรพระ ๘ รูป ถ้าเป็นวันพุธกำลังวันเท่ากับ ๒๙ (พุธกลางวัน = ๑๗ พุธกลางคืน = ๑๒) ก็จะใส่บาตร ๒๙ ชุด หรือใส่บาตรพระ ๒๙ รูป ทั้งนี้พนักงานของโรงแรมจะเตรียมให้ทุกๆ เช้า โดยเขาจะตื่นตั้งแต่ตีสามครึ่งถึงตีสี่ เพื่อมาไหว้พระสวดมนต์ประมาณ ๕๔ นาที จากนั้นก็ขัยรถไปวัดพระศรีรัตนมหาธาตุบางเขน เพื่อไปรอใส่บาตร แต่ถ้าเป็นวันพฤหัสบดีกำลังวันเท่ากับ ๑๙ ก็จะใสบาตรพระ ๑๙ รูป เมื่อกลับมาถึงโรงแรมก็จะมาไหว้พระพรหม ไหว้นางกวัก เจ้าที่เจ้าทาง ก่อนที่จะขึ้นไปไหว้พระ ไหว้เทพ รวมท้งถวายเครื่องเซ่นสังเวยเทพองค์ต่างๆ ที่ห้องทำงานอีกหลายองค์ซึ่งใช้เวลาอีกประมาณ ๓๐ นาที่ ก่อนจะลงมือทำงาน
สำหรับความเชื่อเรื่องการใส่และใช้ของถูกโฉลกตามสีขอแต่ละวันนั้น หรือไม่ใช้สิ่งของที่มีสีเป็นกาลกินีในวันนั้นๆ เลย นายอัศวิน บอกว่า เชื่อมานานแล้ว โดยค่อยๆ เริ่มปรับที่ละเล็กที่ละน้อยจนปัจจุบันทำได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น วันอังคารมีสีเหลืองเป็นกาลกินีก็จะไม่ใส่เสื้อผ้ารวมทั้งเครื่องประดับใดๆ ที่เป็นสีเหลือง หรือถ้าเป็นวันพุธ ซึ่งมีสีชมพูเป็นกาลกินี ก็จะไม่ใส่เสื้อผ้ารวมทั้งเครื่องประดับใดๆ ที่เป็นสีเหลือง
อย่างกรณีวันศุกร์ซึ่งมีสีดำเป็นสีกาลกีนีนั้น นอกจากไม่ใส่เสื้อผ้าเป็นสีดำ ไม่ใช่ของดำทุกชนิดแล้ว นายอัศวิน พูดไว้อย่างติดตลกว่า “หากเปลี่ยนล้อยางซึ่งมีสีดำเป็นสีอื่นได้คงเปลี่ยนยางล้อรถไปนานแล้ว ถึงแม้วจะไม่มียางสีอื่นให้เปลี่ยน ที่แน่ๆ คือ ล้อแมกซ์ของรถคันนั้นๆ ต้องไม่เป็นสีดำอย่างแน่นอน รวมทั้งผมสีดำด้วยถ้าวันศุกร์ย้อมเปลี่ยนเป็นสีขาวได้คงย้อมไปนานแล้วเช่นกัน”
ส่วนความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยศาสตร์โบราณของจีนนั้น นายอัศวิน บอกว่า เชื่อมากชนิดที่เรียกว่าอาจจะมากกว่าคนจีนทั่วๆ ไป เชื่อด้วยซ้ำไป เช่น ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ตอนเช้าจะไหว้เจ้าชุดใหญ่ด้วยเครื่องเซ่นไหว้ทุกชนิดที่มี เชิดสิงโต และ จุดประทัด ซึ่งคนจีนส่วนใหญ่จะไหว้เฉพาะกลางวัน แต่ตนเองจะไหว้เทพเจ้าของชาวจีนที่มาตอนกลางคืนด้วย เช่น ปี ๒๕๕๓ นี้ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือเทพเจ้าพระทานพรเสด็จมาทางทิศใดเวลาไหน ก็จะตั้งเครื่องสังเวยในทิศนั้นและเวลาที่ทางเสด็จตามฤกษ์ ซึ่งความรู้เรื่องการไหว้เทพเจ้าของชาวจีนนั้นได้มาเมื่อครั้งทำงานอยู่ที่โรงแรมเอเชียพัทยาเมื่อหลายสิบปีก่อน
เมื่อถามถึงพระเครื่องที่แขวนติดตัวเป็นประจำ นายอัศวิน ล้วงพระออกมาจากเสื้อและบอกว่า ทุกวันนี้แขวนอยู่ ๓ องค์ โดยทั้งหมดเป็นพระที่เพื่อนและผู้ใหญ่มอบให้มาทั้งสิ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เคยแขวนพระในครั้งเดียวพร้อมๆ กัน มากถึง ๒๑ องค์ และใส่สร้อยคอ ๕ เส้น ทั้งนี้ทุกๆ วันจะนิมนต์ท่านขึ้นคอ หากลืมต้องย้อนกลับไปเอา ส่วนเรื่องปาฏิหาริย์นั้นเกิดขึ้นหลายครั้งแต่ครั้งหนึ่งท่านแสดงปาฏิหาริย์เรื่องให้แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันชนิดที่เรียกว่า เส้นยาแดงผ่าแปด
“เรื่องของความศรัทธาเป็นเรื่องที่อธิบายให้คนอื่นฟังให้เข้าใจได้ยาก สุดแล้วแต่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ความศรัทธาในบางสิ่งคนๆ หนึ่งอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเหลวไหลก็ได้ซึ่งเป็นเรื่องของเขา แต่โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง สามารถดลบันดาลให้ผู้เคารพศรัทธาประสบความสำเร็จในสิ่งที่ขอซึ่งไม่เกินเลยและเป็นไปได้ หลายสิ่งหลายอย่างที่ทำไปแล้วผมเชื่อว่าทำให้ชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว และธุรกิจดีขึ้นตามลำดับ”
“เรื่องของความศรัทธาเป็นเรื่องที่อธิบายให้คนอื่นฟังให้เข้าใจได้ยาก สุดแล้วแต่ใครจะเชื่อ หลายสิ่งหลายอย่างที่ทำไปแล้วผมเชื่อว่าทำให้ชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว และธุรกิจดีขึ้นตามลำดับ”
เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"