ศรัทธาสายมู

วาระชาตกาล 111 ปี เปิดประวัติ อาจารย์เที่ยง น่วมมานา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดประวัติตำนานแห่งบรมครูสักยันต์ยุคสงคราม วาระชาตกาล 111 ปี อาจารย์เที่ยง น่วมมานา แห่งสำนักบ้านมีดี ย่านบางกอกน้อย

2เม.ย. ของทุกปี เป็นวันสำคัญของผู้ที่มีความเคารพศรัทธา แห่งสำนักสักยันต์ บ้านมีดี ที่คนทุกระดับ นายตำรวจ ทหาร ข้าราชการ ให้ความเคารพนับถือ หนึ่งในบรมครูสักยันต์ที่มีชื่อเสียง นั่นคือ อาจารย์เที่ยง น่วมมานา 


อาจารย์เที่ยง น่วมมานา เกิดวันที่ 2 เม.ย. 2455 บิดาชื่อปู่โม่ มารดาชื่อคุณยายแมว อยู่ย่านชุมชนวัดราชบพิธ เติบโตแถวบ้านขมิ้ว (ชุมชนเก่าแก่ใกล้ ร.พ ศิริราช) มีชีวิตผูกพันกับวัดตั้งแต่เด็ก จึงได้รับกาศึกษเล่าเรียน หนังสือไทยและขอม จนแตกฉานอ่านออกเขียนได้เป็นอย่างดี

อาจารย์เที่ยง น่วมมานา
นอกจากนั้น ท่านยังมีความรู้ ความชำนาญ วิชาช่างไม้เป็นอย่างมาก ปลูกบ้านสร้างบ้านด้วยตัวเองได้ ทั้งยังมีความเชี่ยวชาญด้านวิชาป้องกันตัว ด้วยความที่อาจารย์เที่ยง ผูกพันกับวัดมาตั้งแต่เด็ก จึงซึมซับและสนใจใน มนตราพระเวทย์ วิชาอาคม ด้วยเหตุสำคัญอันเกิดจาก ญาติผู้ใหญ่ ที่ชื่อ ปู่ปิ๋ว อดีต สัปเหร่อหลวงวังเทเวศร์มีวิชาอาคม เรียกภูติผีวิญญาณปิศาจ ทำน้ำมันพราย สะกดภูติผีวิญญาณ ของที่ท่านใช้ส่วนใหญ่จะเป็นของคนตาย เช่น เสื้อผ้าเตียง เก้าอี้ เมื่อตอนเด็ก ปู่ปิ๋วเคยพาอาจารย์เที่ยงผู้ผ้าขาวม้ามัดไว้กับตัวท่าน

แล้วเรียกผีออกจากหลุม แล้วผีนั้นก็ออกมาจากหลุม กลายร่างสูงใหญ่โตเท่ายอดตาล แล้วท่านก็ค่อยๆสะกดผีจนตัวค่อยๆเล็กลงเท่าเดิมแล้วจึงเอาน้ำมันพรายได้จอกนึง เมื่อเสร็จพิธี ผีก็ลงหลุมตามเดิม ปู่ปิ๋วลองให้อาจารย์เที่ยงลองยกจอกดู ซึ่งน้ำมันพรายจอกเดียวยกแทบจะไม่ขึ้น จากนั้นปู่ปิ๋วก็สาดน้ำมันพรายทิ้งไป ปู๋ปิ๋วต้องการแสดงให้รู้ว่าไสยศาสตร์มีจริง

 

นอกจากนี้ท่านยังมีความเชี่ยวชาญ ด้านอักขระเลขยันต์ในตำราพิชัยสงคราม สำเร็จวิชาทำตะกรุดมหารูดตำราพิชัยสงคราม ถึง3อาจารย์ ทั้ง ทอง นาค เงิน ตอนเด็กอาจารย์เที่ยงขอเรียนวิชา แต่ปู่ปิ๋วบอกว่ายังไม่ถึงเวลา เมื่อโตขึ้นท่านจึงไปขอร่ำเรียนวิชาจนหมดสิ้น วิชาส่วนใหญ่ปู่ปิ๋วจะสืบทอดมาจากวังเทเวศร์ ปู่ปิ๋วเมื่อเสียชีวิต เก็บไว้7ปีจึงจะนำไปเผา แต่จุดไฟกี่ครั้งก็ไม่ติด อาจารย์เที่ยงจึงทำพิธีตามที่ปู่ปิ๋วสอนแล้วบอกกล่าวขออนุญาติปู่ปิ๋ว หลังจากนั้นจึงเผาศพได้ปกติ

อาจารย์เที่ยง น่วมมานา
อาจารย์เที่ยง ท่านเป็นคนชอบเสะแสวงหาความรู้ร่ำเรียนวิชาอาคม ตั้งแต่วัยรุ่น เดินทางร่ำเรียนวิชาไปเรื่อยๆ  เคยออกจากบ้านนานสุดครั้งหนึ่งหลายปีจนคนคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว อาจารย์เที่ยง ได้ศึกษาวิชาอาคม จากพระเกจิอาจารย์และฆราวาสมากมายเกือบร้อยรายชื่อที่มีการจดบันทึกไว้ ในยุคสมัยก่อนนั้น มีเกจิอาจารย์มากมาย ที่เก่งๆทางด้านวิชาอาคม ให้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ ก่อนจะฝากตัวกับใคร ท่านจะสังเกตุพฤติกรรมของอาจารย์แต่ละท่านก่อน ว่าเก่งจริงมั้ย มีคุณธรรมมั้ย การจะไปเรียนวิชานั้นในสมัยก่อนถือว่าคัดคนมาเป็นลูกศิษย์ เคร่งมาก บางอาจารย์ ต้องไปทำไร่ไถนาอยู่ นาน กว่าจะยอมใจอ่อนสอนคาถาอาคมให้

ในสมัยก่อน วัยรุ่นยุคนั้นต้องมีศิลปะป้องกันตัวตามความนิยมของลูกผู้ชาย อาจารย์เที่ยง ท่านจึงพยายามเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์เก่งๆ ในช่วงราวปี พ.ศ 2468(อายุราว13-16ปี) จนมาพบกับครูอยู่ เรือลอย ท่านเป็นทหารมหาดเล็ก องครักษ์ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทั้งยังเป็นคนสนิทติดตามไปทุกหนแห่ง มีความชำนาญด้านศิลปะป้องกันตัว มวยไทย วิชาต่อสู้ กระบี่ กระบอง และเป็นผู้สำเร็จ วิชาคาถาขนมเปี๊ยะ อันเข้มขลัง ทรงอานุภาพพุทธคุณด้าน คงกระพัน เป็นอย่างมาก ชนิดที่ว่าลองของกันได้เลย พอภายหลัง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สิ้น

อาจารย์เที่ยง น่วมมานา

ครูอยู่ ท่านก็ออกจากราชการมาใช้ชีวิตอยู่บนเรือ เหตุที่ท่านอยู่บนเรือ เพราะท่านเป็นคนร้อนวิชา แม้แต่ลูกศิษย์ท่านเอง ก็ไม่รอดที่จะโดนลองวิชาอยู่บ่อยๆ แต่ครูอยู่ท่านมีความเมตตาอาจารย์เที่ยงจึงสอนทุกอย่างให้อาจารย์เลี่ยง
ต่อมาในช่วงอายุ17ปีอาจารย์เที่ยงได้มาพบกับ กับครูชิดศิษย์ สังวราชุ่ม วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ผู้สำเร็จด้วยจิต สำเร็จเจโตปริยญาณ หยั่งรู้ล่วงหน้า หยั่งรู้ใจคน ย่นระยะทาง เดินไม่เปียกฝน สามารถกำหนดจิตให้แสดงฤทธิ์ได้  ( อาจารย์ท่านนี้คือ อาจารย์องค์สำคัญประจำสำนักบ้านมีดี) ท่านมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านอาจารย์เที่ยงและวัดสุวรรณนาราม อาขารย์เที่ยงก็ได้ดูแลจนสิ้นลมหายใจสุดท้าย

 

ในกาลต่อมา ท่านได้มาพบกับ ครูแฉ่ง อดีตแม่ทัพ และ ผู้สืบทอดพุทธาคมมนตราพระเวทย์ ของ พระราชวังบวรสถานมงคล ( วังหน้า พระยาเสือ )
ในภายหลัง ยกเลิก วังหน้า ครูแฉ่งจึงกลับมาอยู่ตามวิถีชีวิตต้นเอง สำเร็จวิชา ยันต์นะ หัวใจ108 และ ยันต์เฑาะพิศดารต่างๆ ยันต์พระนารายณ์ทรงครุฑ ยันต์พระลักษณ์ทรงหนุมาน ยันต์บัวแก้ว วังหน้า ซึ่งเป็นยันต์เก่าแก่โบราณ ในแต่ละกลีบบัวจะมีความหมายอันเป็นมหามงคลที่มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก  ใช้ได้รอบด้าน มีอานุภาพทรงคุณวิเศษ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด โชคลาภ คงกระพันฟันแทงไม่เข้า  ( ใช้สักให้แม่ทัพนายกองทะลวงฟัน)เพราะการสักยันต์นี้ที ต้องขึ้นเครื่องบรวงสรวงชุดใหญ่ ยันต์บัวแก้ว วังหน้า นี้แหละ ที่เป็นยันต์ที่สร้างชื่อเสียงให้
สำนักบ้านมีดี นับว่าเป็นที่สุดแห่งของยันต์ ( ยันต์เอก ของสำนัก) ที่สำนักบ้านมีดีได้สืบทอดไว้  ยันต์โบราณ เหล่านี้สืบทอดมาตั้งแต่ต้นกรุงศรีอยุธยา  โอการเสกน้ำมันกิน  โองการเสกน้ำมันทาตัว วิชาอาคมจากตำราพิชัยสงครามเหล่านี้ เป็นวิชาโบราณ ที่ถูกถูกสืบทอดและเป็นสมบัติของ วังหน้า แต่อาจารย์เที่ยงก็ได้ร่ำเรียนมาจนสำเร็จครบ 

ในกาลเวลาต่อมา ราวปี 2478 ท่านได้มาพบกับ อาจารย์ลี พระแสง เป็นนายฮ้อยใหญ่ภาคอีสาน ผู้เรืองเวทย์วิทยาคม จึงได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์และพบรักกับ ย่าบุญมี พระแสง มาอาศัยอยู่ที่ย่านมีนบุรี แต่ในยุคนั้นย่านไม่มีใคร จะมีชื่อเสียงเกรียงไกรมากไปกว่า หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา ท่านเป็นเกจิผู้เรืองเวทย์วิทยาคม ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก อาจารย์เที่ยงจึงไปขอฝากตัวเป็นศิษย์ เรียนวิชา

หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา ท่านเป็นที่เคารพ ศรัทธา ของชาวมุสลิมเป็นอย่างมาก มีวิชาอาคมมากมายหลายแขนง อาจารย์เที่ยงก็ได้ไปร่ำเรียนวิชาจากท่านมามากมาย โดยเฉพาะยันต์เกราะเพชร ของท่านนั้น เลื่องชื่อรือชาเป็นอย่างมาก และท่านก็เมตตมถ่ายทอดวิชาให้แก่อาจารย์เที่ยง

 ในกาลต่อมา ได้มาขอฝากตัวเรียนวิชากับ ครูด้วงวัดเกาะเจ้าของวิชาสักหมูทองแดง ครูด้วงท่านนี้ท่านเป็นครูสักยันต์ ตัวพ่อเที่ยงเองครูด้วยก็ได้สักหมูทองแดงให้หนึ่งตัว ครูด้วงนั้นหนังดีแต่เป็นคนที่ขอบดื่มเหล้า ท่านชอบดื่มเหล้าจนเมามาย จนวันหนึ่งโดนคนหมั่นไส้ตีจนสลบแล้วจับใส่กระสอบเย็บปากแล้วโยนทิ้งคลองหน้าวัดเกาะพวกที่ทำร้ายคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายแน่แล้ว แต่เมื่อเวลาเช้าผ่านมาก็เจอตัวครูด้วงนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ศาลาหน้าวัดเหมือนเดิม
ในช่วงที่อาจารย์เที่ยงรับราชการเวลานั้นเมื่อว่างๆก็ใช้เวลาว่างทบทวนวิชาที่ได้เล่าเรียนมา จนเมื่อปลดประจำการแล้ว ด้วยความตั้งใจที่ต้องการเรียนพระเวทวิทยาคมให้แตกฉาน

ในเวลาต่อมา ราวต้นปี พ.ศ.2477 คุณพ่อเที่ยงมีอายุได้ 21 ปี ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคม กับ คณาจารย์ทั้งพระและอาจารย์ฆราวาสในเขตพระนครและธนบุรีจนพอสมควรแล้ว ในขณะรับราชการเป็นตำรวจเกณฑ์นั้นคุณพ่อเที่ยงได้ยินว่า ในเขตต่างจังหวัดต่างๆรอบนอกพระนครนั้น ยังมีคณาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษทรงความรู้ ในเขตต่างจังหวัดนอกพระนครอีกมาก ท่านจึงอยากเดินทางออกไปแสวงหาครูบาอาจารย์เพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาความรู้เพิ่มเติมให้วิชาอาคมแก่กล้ามากยิ่งขึ้น

 

อาจารย์เที่ยงเดินทางไปทั่วภูมิภาคของประเทศไทย เหนือใต้ ออก ตก จนถึงตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เขมร พม่า ไปชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี ผ่านด่านเจดีย์สามองค์เข้าไปจนถึงปิล๊อก บ้องตี้ มะละแม่ง เขตพม่า ได้พบอาจารย์หม่อง ได้พบอาจารย์มันดเล ขอเรียนวิชาหมูทองแดง คุณพ่อเที่ยงได้ร่ำเรียนวิชาอาคมจากอาจารย์หม่องและอาจารย์มันดเลมาจนหมดสิ้น และเดินทางกลับเข้ากาญจนบุรีในป่ากาญจนบุรีนี้ได้พบกับอาจารย์เฒ่าเสือขบ ท่านพ่อเที่ยงเล่าว่าเฒ่าเสือขบท่านนี่ ตอนที่ไปพบมีอายุมากแล้วแต่ดูแข็งแรงมีผมยาวอาศัยอยู่กับภรรยาหนึ่งคน มีวิชาเสือสมิง มีวิชาสามารถแปลงกายออกเป็นเสือไปล่าเอาสัตว์ป่ามาเป็นอาหาร เฒ่าเสือขบจะทำน้ำมนต์ให้เมียเอาไว้ เมื่อแปลงเป็นเสือสมิงไปหาอาหารกลับมาแล้วก็จะให้
เมียก็จะเอาน้ำมนต์ที่เฒ่าเสือขบทำเอาไว้ราดลงบนตัวเสือรางเสือก็จะกลับกายเป็นเฒ่าเสือขบดั่งเดิม อาจารย์เฒ่าเสือขบนี้เนื้อหนังคงศาสตราเก่งทางวิชาอาบน้ำว่านยา คุณพ่อเที่ยงเคยขอทำพิธีอาบว่านยา อาจารย์เฒ่าเสือขบถามว่าบวชมาหรือยัง คุณพ่อเที่ยงตอบว่ายังไม่ได้บวช อาจารย์เฒ่าเสือขบบอกว่าผู้ที่จะเข้าพิธีอาบน้ำว่านยาต้องเป็นผู้ที่บวชแล้วเท่านั้น คุณพ่อเที่ยงก็เลยไม่ได้อาบน้ำว่านยา (การอาบว่านยามีหลักว่าต้องบอกก่อนล่วงหน้า 1 ปี เพื่อจะได้เตรียมตัวยา ในพิธีอาบว่านยาจะเตรียมมีดโกน กรรไกร ไว้ใช้ตัดหนวดตัดผม หากชุดที่เตรียมไว้หายไปใช้มีดโกนกรรไกรอื่นก็โกนหนวดตัดผมไม่เข้า) เมื่อทำพิธีอาบน้ำว่านยาไม่ได้
ปัจจุบันนี้มีผู้สืบทอดวิชาอาคมจาก อาจารย์เที่ยง น่วมมานา คือ อาจารย์บุญธรรม น่วมมานา ( อ.ป่อง ) เป็นผู้ดูแลสืบทอดเป็นเจ้าสำนักคนปัจจุบัน ซึ่งก็ นับว่าเป็น สุดยอดปรมาจารย์สักยันต์ ในยุคนี้ ที่มีลูกศิษย์มากที่สุดในประเทศ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ