ศรัทธาสายมู

ประวัติ ขุนพันธร้กษ์ราชเดช ตำรวจมือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 2

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เรื่องราวเกร็ดชีวิต ขุนพันธรักษ์ราชเดช นายตำรวจมือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 2 ที่มาที่ไป การเรียนวิชาอาคม และ การสู้กับเสือคนสำคัญ

“ในตระกูลของผม บรรพบุรุษสั่งกันไว้ว่า ถ้าจะเรียนวิชาอาคม ให้ไปเรียนที่สำนักเขาอ้อ “ นายณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช บุตรชายของ ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้เล่าไว้ในรายการ คุยคุ้ยคน ตอน ขุนพันธ์ ตงฉินจอมขมังเวทย์ ถึงจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้วิชาอาคมส่วนหนึ่ง ของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ย้อนเวลากลับไปในเกร็ดชีวิต หลังจากที่เลื่อนจากนายร้อยทำการ ขึ้นเป็น ร้อยตำรวจตรีบุตร์ แล้ว พร้อมกับมารับราชการที่พัทลุง จึงได้มีโอกาสเรียนวิชาต่าง ๆ จากตักศิลาเขาอ้อ ในเวลานั้น พัทลุงมีเสือใหญ่ ที่โด่งดัง ที่ทำให้ ขุนพันธ์ ต้องเรียนวิชาเพื่อเข้าจับ นั่นคือ เสือกลับ คำทอง 

เสือกลับ คำทอง


ตามที่ นายณสรรค์ เล่าจากความทรงจำ เสือกลับเป็นศิษย์สำนักเขาอ้อ ได้เรียนวิชากับ อาจารย์ทอง ส่วนขุนพันธ์ ท่านเรียนวิชาจาก พ่อท่านเอียด เท่ากับเป็นศิษย์ร่วมสำนักผู้พี่นั่นเอง 


ด้วยกิตติศัพท์ความเข้มขลังในวิชาอาคมของเสือกลับ คำทอง รวมทั้งการเป็นโจรแหกคุก แต่ไม่เคยฆ่าใคร มีค่าหัวในเวลานั้น 600 บาท ทำให้ ขุนพันธ์ในเวลานั้น ต้องการที่จะจับกุมตัวให้ได้ โดยอาจารย์ของขุนพันธ์บอกว่า ถ้าถึงตัว ก็จับได้ นั่นเป็นหนึ่งในหลักฐานแสดงถึงความเก่งกาจของ มหาโจรเสือกลับ 

ขุนพันธ์ (ขวา) อาจารย์เอียด สัมยเป็นฆราวาส (ซ้าย) พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ (กลาง)
 

การจับกุมเสือกลับ ขุนพันธ์ นำกำลังจำนวนหนึ่ง ซุ่มอยู่บริเวณบ้านตั้งแต่เที่ยงคืน จับรุ่งเช้า ขุนพันธ์เห็นเสือกลับ ล้างหน้า แต่ไม่มีใครเห็นนอกจากตัวท่าน เพราะเสือกลับมีวิชากำบังตัว นอกจากคนมีวิชาด้วยกันถึงจะมองเห็น ตำนานการจับกุมครั้งนั้น แม้จะเข้าล็อกตัวเสือกลับได้ แต่ก็สลัดขุนพันธ์หลุด และหนีหายไป ส่วนขุนพันธ์ก็ใช้อาถรรพ์วิชา ที่เรียกว่า วิชาคัดพระ หรือคาถาคัดของ เสกบ้านพักหลังนั้นไว้ หากคนมีวิชาเหยียบขึ้นไปของก็จะเสื่อมลง  ทำให้เสือกลับ ไม่ยอมพบ ขุนพันธ์ ในสมัยเกษียณอายุราชการแล้ว เพราะฝังใจในเหตุการณ์บุกจับครั้งนั้น 


ในเรื่องการเรียนวิชาอาคมของ ขุนพันธ์ ส่วนหนึ่งจากปากคำของ นายณสรรค์ บอกเล่าเรื่องของพ่อว่า รอยสักที่สีข้างของท่าน ได้รับการสักจากลายมือของ หลวงป่ศุข เกสโร แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ซึ่ง คุณณสรรค์ บอกว่า คุณพ่อเล่าว่า เจ็บอย่างมาก ถีบดินจมลงไปอย่างลึก หมดเหล้าเป็นขวดๆ กว่าจะเสร็จ 
 

หนังสือ ท่านขุนคนสุดท้ายของสยาม ของ อ.เจริญ ตันมหาพราน นักเขียน ผู้เชี่ยวชาญ ประวัติบุคคล และด้านความเชื่อ ได้เคยสัมภาษณ์ขุนพันธ์หลายครั้ง ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า ครูของขุนพันธ์มีตั้งแต่ ข อทานน เด็ก ถึงคนบ้า เช่น เด็กที่สอนสูตรยาสมุนไพรรักษาฟันค่าครู 6 สลึง

 

 รวมถึงในรายการคุยคุ้ยคน อ.เจริญ บอกเล่าด้วยว่า สมัยขุนพันธ์ อยู่วัดราชผาติการาม มีคนบ้ามาอาศัยภายในวัด นอนหน้าประตูโบสถ์ ท่านก็เอาข้าวไปให้คนบ้าคนนั้นเป็นประจำ  ซึ่งท่านได้กล่าวว่า คนนี้ร้อนวิชา จะทำบุญกับใครอย่าไปมองว่าเป็นคนบ้าคอบอ มีอยู่วันหนึ่ง คนบ้าคนนั้น บอกว่าจะไปจากวัดแล้ว และได้ขอบใจขุนพันธ์ที่เอาข้าวมาให้กินทุกวัน ไม่มีอะไรตอบแทนความดี จึงได้ให้สมุดจดตำราเล่มหนึ่งไว้ให้ และบอกว่า รุ้หรือไม่เขานั้น แม่นาค พระโขนงเคยผจญมาแล้ว 


อ.เจริญ เล่าต่อไปว่า ตอนแรกที่ขุนพัน์ได้ตำรานั้นมา ก็ไม่ได้เชื่อ จนเวลาต่อมาที่รับราชการและต้องติดตามคนร้าย ขุนพันธ์ได้ทอสอบเอาคาถาเหล่านั้นมาใช้ หนึ่งในคาถาที่เขียนในตำรา คือ คาถาเรียกผีมาจับโจร จากคาถาในตำราคนบ้า นำมาสู่เรื่องราวในชีวิต การเรียกผี ที่ตายไปแล้ว มานั่งหัวเรือ หรือการบุกจับโจรหลายต่อหลายครั้ง รวมทั้ง ขุนพันธ์ ยังสักยันต์พาลีกับอาจารย์ใย แห่งสำนักคลองสามเสน และพระอาจารย์ยัง วัดปทุมคงคา 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป....
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ