ศรัทธาสายมู

เปิดประวัติ 'ขุนพันธรักษ์ราชเดช' มือปราบไสยเวท ตอนที่1

27 ก.พ. 2566

เปิดประวัติตำรวจมือปราบ 'ขุนพันธรักษ์ราชเดช' ผู้ถูกขนานนาม จอมขมังเวท กับช่วงชีวิตวัยเด็ก และ จุดเปลี่ยนสู่เส้นทางสีกากี

เชื่ออย่างสนิทใจว่า นามของ ขุนพันธรักษ์ราชเดช น้อยคนที่จะไม่คุ้นเคย หรือ ไม่รู้จัก ด้วยเร็ววันนี้ ภาพยนตร์เรื่อง ขุนพันธ์ 3 กำลังจะออกฉาย ซึ่งเรื่องราวดัดแปลงมาจากฉากชีวิตของ นายตำรวจมือปราบ ที่ถูกเรียกว่า จอมขมังเวทย์ ผู้ที่ใช้ความสามารถ ฝีมือต่อสู้ ควบคู่กับไสยเวทอาคม ต่อกรกับเหล่าโจร และเสือร้าย ในยุคอดีต 

รูปหล่อ ขุนพันธรักษ์ราชเดช ที่บ้านเกิด ภาพจาก เพจ ขุนพันธ์ - ศูนย์พระเครื่อง พ.ราชเดช


เรื่องราวฉากชีวิตของ ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้ถูกบอกเล่าผ่านรายการ คุยคุ้ยคน  ขุนพันธ์ ตงฉินจอมขมังเวทย์ ตอน  ศึกสายเลือดเขาอ้อ ช่องยูทูป  หนุ่มคงกระพัน official ซึ่งเป็นการบอกเล่าของ นายณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช บุตรคนที่ 9 ในจำนวน 13 คนของขุนพันธ์ฯ

นายณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช บุตรคนที่ 9 ของ ขุนพันธ์ (คนกลาง) ภาพจาก เพจ ขุนพันธ์ - ศูนย์พระเครื่อง พ.ราชเดช
เรื่องราวในวัยเด็กของ ขุนพันธ์  จากคำบอกเล่าของบุตรชาย ได้ระบุว่า เริ่มเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 1 ที่โรงเรียนวัดสวนป่าน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เนื่องจากท่านมีความรู้ในวิชาเลขและหนังสืออยู่แล้วก่อนที่จะเข้าโรงเรียน ดังนั้นเมื่อเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 1 ได้ 1 วัน ทางโรงเรียนก็เลื่อนชั้นให้เรียนในชั้นประถมปีที่ 2 และวันรุ่งขึ้นก็เลื่อนชั้นให้เรียนชั้นประถมปีที่ 3 เป็นอันว่าท่านเข้าโรงเรียนได้เพียง 3 วัน ได้เลื่อนชั้นถึง 2 ครั้ง
 

ส่วนในหนังสือ คนใต้หนังเหนียว พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้เขียนถึงประวัติของท่านไว้ว่า พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือชื่อเดิมว่า บุตร พันธรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 ที่บ้านอ้ายเขียว หมู่ที่ 5 ตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายอ้วน นางทองจันทร์ พันธรักษ์ โดยร่วมบิดาเดียวกัน 6 คน และร่วมมารดาเดียวกัน 7 คน ขั้นต้นนั้น ได้เรียนกับบิดา ในการเรียนตั้งแต่ นะโม และก.ข. ไปจนจบ 

ร้อยตำรวจตรีบุตร พันธรักษ์ ภาพจาก วิกิพีเดีย
ด้วยความที่มีแววความฉลาด พระภิกษุเจริญ ซึ่งเป็นเครือญาติ จึงรับไปเป็นศิษย์และเรียนหนังสือต่อจนเข้าเรียนในโรงเรียนวัดสวนป่าน ในปี 2457เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ( วัดท่าโพธิ์) ในระดับชั้นมัธยมศึกษา ระดับ ม.1 และ ม.2 จากนั้นได้เกิดเจ็บป่วยด้วยโรคคุดทะราด จนต้องอยู่เรียนเพื่อรักษาตัว เมื่อหายดีแล้ว พระปลัดพลับ  บุณยเกียรติ ญาติของท่าน จึงให้ไปเรียนต่อยังกรุงเทพฯ ในปี 2459 และอาศัยอยู่กับ พระธรรมวิโรจน์ เจ้าอาวาส วัดราชผาติการามวรวิหาร หรือ วัดส้มเกลี้ยง(สามเสน)ในขณะนั้น และเรียนต่อในระดับ ม.2 ที่ โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร 


ในช่วงเวลานี้ ขุนพันธ์ หรือ เด็กชายบุตร ได้มีความสนใจในวิชาการต่อสู้ มีการระบุว่า ได้เรียนมวยฝรั่ง หรือ บ๊อกซิ่ง ยิมนาสติก ยูโด มวยไทย ตะบอง ดาบไทย และ ไม้สั้น จากนั้นจึงย้ายตามพระอาจารย์มาอยู่ที่วัดราชาธิวาส 
 

นายณสรรค์ ได้บอกเล่าเรื่องราวในช่วงที่อยู่ วัดราชาธิวาส ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตครั้งสำคัญอย่างน่าสนใจว่า ช่วงที่ ท่านขุนพันธ์มาอยู่ว้ดราชาฯ ท่านอยู่ระดับชั้น ม.6 และสอบได้ ม.7 ซึ่งในสมัยนั้น คนที่ได้ที่หนึ่ง และ ที่สอง ของประเทศ เวลานั้น จะมีทุนการศึกษาของรัฐบาลให้เรียนแพทย์

ซึ่งท่านเจ้าอาวาส หมายมั่นตั้งเข็มให้ ขุนพันธ์ เรียนแพทย์ ตัวท่านก็รับปากพระอาจารย์ และจากที่มีข้อมูลถึงความสามารถในด้านกีฬาการต่อสู้ ขุนพันธ์ เคยลงแข่งขันได้เหรียญรางวัลจำนวนไม่น้อย ในยุนั้น เหรียญรางวัลทำจากโลหะมีค่า เหรียญทองก็ทำจากทองคำ เหรียญเงินก็สร้างจากเงินแท้

ซึ่ง ขุนพันธ์ ได้เก็บไว้ในกุฏิที่พักอาศัย และในการสอบชิงทุนการศึกษา ขุนพันธ์ สอบได้ที่ 2 ของประเทศ แต่ในระหว่างนั้น เหรียญรางวัลที่เก็บไว้หายไป เพราะถูกขโมย ทำให้ความคิด ขุนพันธ์ เปลี่ยนไป ไม่เรียนเกี่ยวกับแพทย์ หลังจากกลับบ้านเกิดเพื่อไปเกณฑ์ทหารแล้วจับได้ใบดำ ขุนพันธ์ จึงเบนเข็มไปยังโรงเรียนนายร้อยห้วยจระเข้ นครปฐม เพื่อสอบเข้าเรียนนายร้อยตำรวจ เมื่อปี 2468


เมื่อเข้าเรียน ขุนพันธ์ ได้เป็นครูสอนมวยไทย พร้อมกับเป็นว่าที่นายสิบตรี และสอบได้เป็นนักเรียนทำการ ปี 2472 หลังจบการศึกษา ได้รับความสั่งให้ไปรับราชการที่กองบังคับการมณฑลนครศรีธรรมราช - สงขลา ในตำแหน่งนายร้อยทำการ เงินเดือน 60 บาท จากนั้น 6 เดือน 1เม.ย. 2473 ได้เลื่อนยศเป็นว่าที่นายร้อยตำรวจตรี เงินเดือน 80 บาท อีกหนึ่งเดือนให้หลัง ทางการมีคำสั่ง ให้ขุนพันธ์ ย้ายไปรับราชการ ที่เมืองพัทลุง และได้เลื่อนยศเป็น ร้อยตำรวจตรีบุตร พันธรักษ์ ในปี 2474 

โปรดติดตามตอนต่อไป....