ศรัทธาสายมู

ตำนาน เรื่องเล่า ประวัติชีวิต 'หลวงปู่ศุข เกสโร' เรื่องของการจารตะกรุด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลวงปู่ศุข เกสโร ตอนที่ 2 เรื่องราว ตำนาน ในชีวิตแห่งบรมครู ช่วงชีวิตการพบเจอ เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพร จากคำบอกเล่าของ หลวงพ่อพุฒ วัดเขาไม้แดง ชลบุรี และข้อเท็จจริงการจารตะกรุดใต้น้ำ

ตำนานเรื่องราวเรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ในชีวิตของ หลวงปู่ศุข เกสโร นั้น ยังมีการบอกเล่าขานต่อกันว่า เมื่อบวชแล้วก็ได้ศึกษา พระธรรมวินัยจนบังเกิดศรัทธาดื่มด่ำ ในรสพระธรรม รอบรู้ในพระไตรปิฎก และเชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน ด้วยเหตุที่ท่าน เป็นผู้แต่ฉานในภาษา และอักขระเลขยันต์มาก่อน จึงทำให้ท่านก้าวสู่โลกของไสยเวท และคาถาอาคมได้โดยง่ายมี พระอาจารย์เชยซึ่ง แก่กล้าทางพุทธาคม เป็นอาจารย์สอน วิปัสสนากรรมฐาน และการทำสมาธิจิตเพ่งกสิณจนแตกฉาน

ตำนาน เรื่องเล่า ประวัติชีวิต 'หลวงปู่ศุข เกสโร' เรื่องของการจารตะกรุด
การเพ่งกสิณและทำสมาธิจิต ของหลวงปู่ศุขเป็นพื้นฐาน ในการศึกษา พระเวทอาคมต่างๆ ซึ่งท่านมีจิตใจที่แน่วแน่ มุ่งปฏิบัติอย่างจริงจัง จนเกิดพลังจิตที่กล้าแข็งเป็นอย่างยิ่ง กสิณที่ฝึกประกอบด้วย อาโปกสิณ เตโชกสิณ วาโยกสิณ ปฐวีกสิณ อันเป็นธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ จนสามารถแยกธาตุได้ด้วยความชำนาญ


 นอกจากนี้หลวงปู่ศุขยังเป็น พระที่ใฝ่ธุดงค์เป็นนิจ และจากการที่ท่านธุดงค์รอนแรมไปในป่า เป็นเวลานานๆ ก็ทำให้ท่านได้พบ กับพระอาจารย์อีกหลายท่าน ที่หลวงปู่ศุขฝากตัวเป็นศิษย์ เล่าเรียนเวทมนต์คาถาเพิ่มเติม จนกล่าวกันว่าหลวงปู่ศุข คือจ้าวแห่งอาคมตัวจริง และเมื่อกลับสู่บ้านเกิดแล้ว ท่านก็ได้ครองวัดปากคลองมะขามเฒ่าสืบมา


ความยิ่งใหญ่ในด้านพุทธาคม ของหลวงปู่ศุขทำให้ท่านมี ลูกศิษย์ลูกหา เข้ามาฝากตัวด้วยจำนวนมาก ตั้งแต่ระดับชาวบ้านขึ้น ไปถึงชั้นเจ้านายเชื้อพระวงศ์ก็มี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่จะละเว้นไม่กล่าวถึง เป็นไปไม่ได้ก็คือ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาแห่งกองทัพเรือไทย

เสด็จในกรมหลวงชุมพร ได้มาจอดเรือพระที่นั่ง แวะที่ท่าน้ำวัดปากคลองมะขามเฒ่า และได้พบกับหลวงปู่ศุข จึงได้ทดลองวิชา และถวายตัวเป็นศิษย์ ตามประวัติเล่าว่า ในช่วงเดือน 5 ของทุกปี จะทรงเสด็จประพาสตากอากาศ ไปทางเหนือ มีเรือกลไฟฟ้าลากจูงเรือพระที่นั่ง วันหนึ่งไปจอดเทียบท่า วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระองค์ก็ได้เจอหลวงปู่ศุข ซึ่งกำลังทดลองวิชาด้วยการเสก หัวปลีให้เป็นกระต่าย วิ่งเพ่นพ่านและผู้ที่ตัดหัวปลีถวายในครั้งนั้น คือ หลวงพ่อพุฒ วัดเขาไม้แดง ชลบุรี  ก็ทรงเลื่อมใสศรัทธา และเสด็จไปกราบนมัสการ เมื่อพูดคุยกันแล้วก็ยิ่ง ประหลาดอัศจรรย์ใจ จึงขอศึกษาวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุข

อาจารย์เสี่ย มนัส สิวาภิรมย์รัตน์ ศิษย์ในสายวิชาอาคมวัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่เรียนมาจาก หลวงพ่อพุฒ วัดเขาไม้แดง ได้ถ่ายทอดเรื่องราวประวัติบรมครู สมัยที่อยู่รับใช้หลวงปู่ศุข ว่า คนมาหาท่านแน่นวัด อย่างกับมีงานวัด หน้าวัดมีแต่เรือจอดเต็มไปหมด เวลาคนเจ็บไข้ได้ป่วย ก็มาหาท่าน ใช้ทั้งยาสมุนไพรและอาคม ในการรักษา และหลวงพ่อพุฒ ท่านยังได้มีโอกาสเข้าเฝ้าใกล้ชิด เสด็จเตี่ย โดยเวลาท่านมายังวัด จะทรงหยอกล้อ ใช้พระหัถต์ลูบหัวเล่น กับเณรโด่ง ชื่อในวัยเยาว์ของหลวงพ่อพุฒ 


หนึ่งในวิชาที่ผู้คนกล่าวถึงและพูดถึงจนเป็นตำนาน คือ การจารตะกรุดใต้น้ำ ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนที่ว่า ท่านลงไปจารใต้น้ำโดยจีวรไม่เปียก แต่หลวงพ่อพุฒ เล่าให้อาจารย์เสี่ย ฟังไว้ว่า ความจริงคือเปียก หลวงปู่ศุขท่านยังว่า ใครลงน้ำไม่เปียก เพียงแต่การทำตะกรุดดังกล่าวมีเคล็ดในการทำเพื่อให้บังเกิดพลังในด้านมหาอุตม์ 

ในเรื่องของการเรียนวิชาหรือลูกศิษย์ที่สืบสายวิชาแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า นอกเหนือจากเสด็จเตี่ย และเกจิรูปสำคัญ หรือในศิษย์ที่ทันเรียนวิชากับหลวงปู่ศุข คือ หลวงปู่หน่าย อินทสีโล วัดบ้านแจ้ง ต.หันสังข์ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ต้นตำหรับวิชาพญาจิ้งจก เป็นหนึ่งในศิษย์รุ่นสุดท้าย ที่ทันได้เล่าเรียนและปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ศุข  


หลวงปู่หน่ายได้เคยเล่าให้ศิษย์ของท่านฟัง ถึงเรื่องราวการสอนวิชาอาคมของหลวงปู่ศุข โดยท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า เมื่อครั้งเป็นพระหนุ่มใหม่ ได้ไป ขอศึกษาวิชาพระเวทย์ เลขยันต์โบราณ จาก หลวงปู่ศุขได้พบเห็นคนมากมาย มาขอเรียนวิชา จากท่าน ซึ่งมีทั้งพระ โยม ใน จำนวนคน ที่มานั้น 10คน จะเรียนได้สัก 1 หรือ 2 คนก็นับว่า มากแล้ว

 

เพราะหลวงปู่ศุข ท่านมีวิธีทดสอบจิตผู้มาเรียนที่น่าเกรงกลัวมาก กล่าวคือ จะให้ศิษย์นำไม้ไผ่ลำต้นใหญ่ พอที่คนจะปีนได้มาปักลง กับลานดิน ทำหลักให้แน่นหนามั่นคง ไผ่ลำนี้จะสูงมากและตอนบนสุดจะตัดเป็นปล้องไว้คล้ายกระบอกข้าวหลาม ศิษย์คนหนึ่งจะปีนขึ้นไปบรรจุน้ำมันในกระบอกด้านบนจนเต็มแล้วค่อยลงมา  ตอนนี้แหละ ที่หลวงปู่ศุขจะให้คนที่มาขอเรียนท่องคาถาสี่ตัว  คือ นะ มะ พะ ทะ ซึ่งก็คือหัวใจของธาตุทั้ง 4จากนั้นก็จะให้ปีนขึ้นไปให้ถึงยอดเสา เมื่อกลับลงมาได้แล้วจึงจะถ่ายทอดวิชาชั้นสูงต่อไปให้

 

เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะยาก เมื่อผู้มาเรียนตั้งหน้าปีนขึ้นไป แรก ๆ ก็ไม่มีอะไร ต่อเมื่อขึ้นถึงกลางลำแล้วความมั่นคงของต้นไผ่ก็น้อยลง ไผ่ทั้งต้นก็เริ่มโอนเอน และสะเทือน แล้วน้ำมันที่บรรจุไว้ก็จะกระฉอกออกมา พอคนปีนขึ้นไปสัมผัสกับน้ำมันก็จะลื่นลงข้างล่าง ถึงตรงนี้แหละที่น่ากลัว เพราะหลวงปู่ศุข ท่านจะยืนถือหอกใบพายอยู่ด้านล่าง พอคนปีนไหลลงมาถึงท่านก็จะเอาหอกแทงก้น ให้กลับขึ้นไป หล่นก็จะหล่น เจ็บก้นกลัวจะทะลุก็กลัว  ทำให้คนที่กำลังปีนอยู่เกิดความวุ่นวายใจทันที  พยายามปีนขึ้นไปก็ร่วงลงมา ลงมาแล้วก็ถูกแทงอีก อาการที่เรียกว่า กลืนไม่เข้าคายไม่ออก


ผู้มาเรียนนั่นแหละต้อง เอาตัวเองเป็นที่พึ่ง ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องว่า คาถาสี่คำคือ นะ มะ พะ ทะ รัวๆเป็นไฟ กำหนดจิตให้แนบแน่น อยู่กับคำบริกรรม กดจิตนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้ว เรื่องข้างนอกต้องปล่อยทิ้งทีเดียว แล้วคว้าจิตไว้เป็นเอก ทำจิตให้เป็นหนึ่งเดียว  ตอนนี้เองที่เมื่อจิตเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกับคำบริกรรมแล้ว พระคาถาทั้งสี่ที่ถือได้ว่าเป็นแม่ธาตุใหญ่ก็สำแดงปาฏิหาริย์ เพราะเป็นต้นธาตุอยู่แล้ว ก็บันดาลให้ธาตุดิน คือเนื้อหนังมังสาที่บอบบางฉีกขาดง่าย เกิดเหนียวราวกับยางรถสิบล้อ คมหอกที่หลวงปู่ศุข ทิ่มแทงก็ไม่ทำให้ได้รับความเจ็บปวดสาหัส และคมหอกนั้นก็ไม่สามารถทะลุหนังบาง ๆ ที่ถูกคุ้มด้วยพระเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ผนวกกับจิตที่มั่นคง
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ