รวมวัดจัดงานมงคล สวดมนต์ข้ามปี รับปีใหม่ 2566 ที่น่าสนใจ

วันปีใหม่ เป็นเวลาของการเปลี่ยนผ่านและเริ่มต้นศักราชใหม่ ผู้คนจำนวนไม่น้อยนิยมถือเคล็ดว่าวันปีใหม่เป็นวันที่ต้องเริ่มต้นด้วยสิ่งดี ๆ ทำให้คืนข้ามปีมีการจัดงานรื่นเริง เพื่อให้การเข้าสู่ปีใหม่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ขณะที่บางส่วนเน้นการเสริมสิริมงคลในช่วงเวลาข้ามปีด้วยการสวดมนต์ข้ามปีแทน ส่งผลให้การสวดมนต์ข้ามคืนปีใหม่ได้รับความนิยมมากขึ้นทุกปี โดยมีวัดทุกขนาดเข้าร่วมการสวดมนต์ข้ามปี  จึงได้ขอรวบรวม วัดจัดสวดมนต์ข้ามปี ในพื้นที่ หรือ สถานที่ที่มีตำนานความเชื่อ และเป็นสิริมงคลกับการเจริญพระพุทธมนต์ในคืนส่งท้ายปีเก่าต้นรับปีใหม่

วัดหงส์รัตนาราม 

วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร สร้างในสมัย กรุงศรีอยุธยา ยุคนั้นเป็นวัดราษฎร์ เรียกว่า วัดเจ๊สัวหง หรือ แจ๊สัวหง หรือ เจ้าสัวหง หรือ วัดขรัวหง เพราะตั้งตามชื่อของเศรษฐีชาวจีนผู้สร้าง คือ นายหง วัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหาร วัดหลวงชั้นโท คณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ความสำคัญของวัดนี้ มีบ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ไว้สำหรับให้ทหารใช้อาบก่อนไปทำศึก และมีพระบรมราชานุสรณ์พระองค์ให้สักการะบูชาอีกด้วย 
 

วัดสระเกศ 

วัดสระเกศ เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนาน เมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี และเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติใน พ.ศ. 2325 บนภูเขาทอง มีพระบรมสารีริกธาตุ และหมุดสะดือประเทศ จุดศูนย์กลางของประเทศไทย มีความเชื่อว่า หากใครที่จะค้าขายดีที่ดินควรมาไว้ ส่วนคนอื่นๆก็มาขอความเป็นสิริมงคลที่จุดศูนย์กลางได้เช่นกัน 

วัดบวรนิเวศวิหาร

พระอารามหลวงชบั้นเอก เป็นที่ประทับของพระสังฆราชมาหลายพระองค์ สถาปนาขึ้นโดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ 3 พระประธานในพระอารามนี้มีความแตกต่างจากวัดอื่น ๆ โดยทั่วไป คือ มีพระประธาน 2 องค์ และล้วนมีความสำคัญเนื่องจากเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่โบราณ ได้แก่ พระพุทธชินสีห์ ซึ่งอัญเชิญมาจากวิหารทิศเหนือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก โดยอัญเชิญมาทั้งองค์ราวปี พ.ศ. 2373 และพระสุวรรณเขต หรือ "พระโต" หรือ หลวงพ่อเพชร พระประธานองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานไว้เบื้องหลังพระพุทธชินสีห์ เป็นพระประธานองค์แรกของอุโบสถวัดนี้ ซึ่งสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จังหวัดเพชรบุรี
 

วัดสุทัศนเทพวราราม

นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า วัดสุทัศน์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเขตพระนครชั้นใน และอยู่มีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ เสาชิงช้า อยู่บริเวณหน้าวัด และพระอารามแห่งนี้ เป็นจุดศูนย์กลางของกรุงเทพฯ หรือ สะดือเมือง ภายในวัดมีพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ เช่น หลวงพ่อกลักฝิ่น ซึ่งเชื่อกันว่า สามารถมาขอพรเริ่มต้นสิ่งใหม่ความเป็นมงคลได้  พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ เป็นพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ ปางมารวิชัย วัสดุโลหะ หน้าตักกว้าง 3 วา 17 นิ้ว สูง 4 วา 18 นิ้ว ปัจจุบัน ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าสร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางว้าใหญ่ (หรือบางหว้าใหญ่) ในสมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสร้างพระราชวังใกล้วัดบางว้าใหญ่ โปรดเกล้าฯ ให้ยกเป็นพระอารามหลวงและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช ในสมัยรัตนโกสินทร์ และได้ขุดพบระฆังลูกหนึ่ง ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้นำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงสร้างระฆังชดเชยให้วัดบางว้าใหญ่ 5 ลูก จากนั้นได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดระฆังโฆสิตาราม” เชื่อกันว่า หากได้มาไหว้พระขอพรวัดนี้ จะมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างระฆังที่กังวานไกล