พระเครื่อง

ประวัติ หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด เกจิอาจารย์ ผู้ถือเตโชกสิณเป็นสรณะ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทำความรู้จัก สำหรับ สายมู กับ ประวัติ หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด หรือ วัดหลวงพ่อโอภาสี เกจิอาจารย์ ผู้มีเรื่องราวความเชื่อด้านปาฏิหาริย์ ผู้ถือเตโชกสิณเป็นสรณะ

นับตั้งกองไฟที่จุดขึ้นที่วัดบวรนิเวศวิหาร เรื่อยมาจนก่อตั้งอาศรมบางมด ที่ต่อมาพัฒนาเป็นวัด ตั้งแต่ พ.ศ.2484 ไฟจากการเผาของเพื่อบูชาเพลิงเป็นพุทธบูชาที่วัดหลวงพ่อโอภาสี ไม่เคยดับสักวันเดียว ทุกๆ วันจะมีผู้คนที่มีความศรัทธาซื้อน้ำมันก๊าดไปถวายหลายร้อยลิตร โดยมีความเชื่อว่า “เปลวเพลิงจากไปจะช่วยกิเลสในใจตนให้เบาบางลงบ้าง”


หลวงพ่อโอภาสี คือ เถราจารย์ ที่ก่อตั้งอาศรมบางมดขึ้น เพื่อเป็นสถานที่วิเวกและปฏิบัติในวิถีของท่าน ซึ่งมองในลักษณะนั้น คือการ เจริญเตโชกสิณ 
หลวงพ่อโอภาสี เป็นเกจิอาจารย์ ที่มีเรื่องราวและตำนานปาฏิหาริย์มากมาย ที่เป็นเรื่องเล่าขานไม่รู้จบ และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เคารพศรัทธา 

หลวงพ่อโอภาสี


หลวงพ่อโอภาสี เดิมชื่อ ชวน มะลิพันธ์ ถือกำเนิดที่ บ้านตรอกไฟฟ้า อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้เล่าเรียนอักขระสมัยในสำนักวัดใต้ นครศรีธรรมราช แต่เนื่องจากวัดใต้ไม่มีสำนักเรียนในในสำนักวัดโพธิ์ สามเณรชวนจึงได้ถือกำเนิด ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์นี้เอง ในสำนักเรียนพระปริยัติในวัดโพธิ์สามเณรชวนเล่าเรียนปริยัติด้วยความขยันขัน แข็ง และฉลาดเฉลียวเป็นที่พอใจของเจ้าสำนักบาลีเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับออกปากว่าสิ้นประโยคนักธรรมในวัดแล้วจะส่งมาเรียนในกรุงเทพฯ ให้ถึงที่สุด สามเณรชวนได้รับการนำมาถวายตัวเป็นศิษย์ในองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญานวงศ์ซึ่งได้รับไว้ในพระอุปการะ และทรงทำการอุปสมบทให้เป็นภิกษุในพัทธสีมาวัดบวร


โดยทรงนั่งเป็นพระอุปัชฌาย์ พระภิกษุชวนเล่าเรียนพระปริยัติจนสอบได้เปรียญ 7 ประโยค เข้ารับพระราชทานพัดจากพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรียกกันติดปากคนทั่วไปว่า มหาชวนเปรียญเอก หลังจากได้พบกับหลวงพ่อกบแล้ว พระมหาชวนก็เก็บตัวนั่งวิปัสสนาตลอดวัน ออกบิณฑบาต และฉันเช้าเพียงครั้งเดียว จะเปิดกุฏิก็ตอนบ่าย เปิดมาก็เอาสิ่งของต่างๆ มาเผา ตอนแรกก็น้อยๆ ก่อน คนจีนแถวบางลำพูเห็นเข้าก็เรียกท่านว่า "เซียน" จึงพากันมาถวายของให้เผาเป็นการใหญ่

หลวงพ่อโอภาสี
จากการที่ท่านได้กลับมาอยู่วัดบวรฯ อีกครั้งหนึ่ง และได้ทำพิธีบูชาเพลิง ทำให้ไม่สะดวกในการประกอบพิธี เพราะเริ่มมีลูกศิษย์ที่นับถือต่างเดินทางมาหาท่านที่วัดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนได้พบเห็นปาฏิหาริย์ต่างๆ ที่หลวงพ่อได้ช่วยเหลือในหลายๆ เรื่อง ท่านเห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในวัดหลวงแห่งนี้ต่อไป จึงได้เดินทางธุดงค์ไปอยู่ที่ย่านบางมด ก็ยังลูกศิษย์ติดตามไปทำบุญกับท่านมากมายเหมือนเดิม


 สมัยปี 2485 ย่านบางมด ฝั่งธนบุรี พื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยสวนส้มอันขึ้นชื่อ ที่เรียกกันว่า "ส้มบางมด" ได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินธุดงค์มาปักกลด ด้วยปฏิปทาอันน่าศรัทธาเลื่อมใสชาวบ้านจึงพากันไปกราบไหว้เป็นประจำ จนเศรษฐีเจ้าของที่ดินได้ยกที่ดินให้สร้างเป็น อาศรมบางมด และได้นิมนต์ให้ท่านอยู่เป็นการถาวร

ขณะเดียวกัน ชาวบ้านในพื้นที่ก็ให้ความเคารพนับถือหลวงพ่อมาก จึงได้สร้างสำนักสงฆ์อาศรมบางมด ขึ้นถวายท่านให้อยู่อย่างถาวรสืบไป ทำให้สำนักสงฆ์แห่งนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ จนถึงทุกวันนี้ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น วัดหลวงพ่อโอภาสี ด้วยมีผู้นับถือเดินทางมาหาขอให้ท่านช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อได้เมตตาสงเคราะห์ให้ตามที่เห็นสมควร ผู้คนที่มาขอให้หลวงพ่อช่วยเป็นที่พึ่ง มีทั้งชาวบ้านชาวสวน รวมถึงคหบดี เจ้าสัวจากย่านเยาวราช สำเพ็ง บางลำพู ฯลฯ แม้แต่เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ เช่น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ได้ไปกราบไหว้ท่าน พร้อมทั้งร่วมทำบุญสร้างวัดกับท่านเป็นประจำ
 
สำหรับเรื่องการบูชาเพลิงนั้น นับเป็นเรื่องที่สร้างความสงสัย และเป็นปาฏิหาริย์ที่มีผู้ประสบกับตัวเองเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะถวายสิ่งของมีค่าใดๆ ให้ท่าน หลังจากนั้นไม่นานการงานการค้าจะเจริญด้วยดี เงินทองจะเพิ่มพูนขึ้นจนน่าแปลกใจ แต่ถ้าผู้ใดเกิดเสียดายของ เวลาที่เห็นท่านโยนเข้ากองไฟ เมื่อกลับมาถึงบ้าน จะเห็นสิ่งของหรือเงินที่ถวายแล้วท่านเผาไฟกลับมาอยู่ภายในบ้านได้เองอย่างมหัศจรรย์ เรื่องนี้เป็นที่ร่ำลือต่อๆ กันมา ในแต่ละวันจะมีผู้คนจำนวนมาก ไปกราบไหว้และร่วมทำบุญกับหลวงพ่อตลอดเวลา
 
  ความมหัศจรรย์ที่เกี่ยวกับหลวงพ่อโอภาสี ที่มีผู้พูดถึงกันเสมอๆ คือ การเดินทางไปปรากฏตัวในที่ต่างๆ ของหลวงพ่อ ในวันเวลาเดียวกัน มีผู้พบเห็นท่านในหลายจังหวัดพร้อมๆ กัน ทั้งๆ ที่สมัยก่อนการเดินทางไปแต่ละจังหวัดต้องใช้เวลานาน บางแห่งใช้เวลาเป็นวันก็มี เรื่องราวปาฏิหาริย์เช่นนี้มีผู้กล่าวถึงเป็นประจำ
 
หลวงพ่อโอภาสี มรณภาพเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2498 ปัจจุบันวัดหลวงพ่อโอภาสียังมีประชาชนมากราบไหว้สรีระของท่านอยู่เสมอๆ เพื่อขอพรให้หลวงพ่อช่วยเหลือในเรื่องการค้าการขาย ซึ่งมักจะประสบความสำเร็จสมหวังเสมอ นับได้ว่าแม้ท่านจะมรณภาพไปแล้ว ก็ยังเป็นที่พึ่งของลูกศิษย์ตลอดเวลา
 
  ด้านวัตถุมงคล หลวงพ่อโอภาสี ได้สร้างแจกตั้งแต่สมัยที่มาอยู่ย่านบางมดใหม่ๆ เพราะเป็นช่วงที่ประเทศไทยเข้าร่วมรบในสงครามพอดี ในยุคแรกท่านจะทำผ้ายันต์ ผ้าประเจียด เหรียญสตางค์รู แจกให้ลูกศิษย์ มีผู้นำไปใช้แล้วเกิดประสบการณ์ต่างๆ เช่น คงกระพัน ถูกยิงถูกฟันไม่เข้า แคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆ จนมีผู้คนมาขอของท่านมากขึ้น ท่านจึงได้สร้าง พระปิดตาเนื้อตะกั่ว และ พระพิมพ์เนื้อผงผสมดิน ซึ่งล้วนได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
  
  สำหรับวัตถุมงคลประเภทเหรียญที่หลวงพ่อปลุกเสก และเป็นที่แสวงหากันมาก จนมีราคาเช่าหาสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ
 
   1.เหรียญรุ่นแรก สร้างเป็นที่ระลึกเมื่อ พ.ศ.2495 เป็นเหรียญรูปทรงกลม ด้านหน้ารูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นยันต์สวัสดิกะ อันเป็นยันต์ประจำตัวของท่าน รอบๆ ขอบด้านหลัง มีคาถาที่หลวงพ่อมักให้ศิษย์ท่องจำเอาไว้เสมอ เพราะมีพุทธคุณดีในหลายๆ ด้าน คือ คาถา “อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง” นับเป็นคาถาที่ศิษย์หลวงพ่อโอภาสีทุกคนท่องจำจนขึ้นใจ เหรียญรุ่นนี้มีจำนวนการสร้างไม่แน่ชัด สร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงอย่างเดียว  ด้านหน้ามีแม่พิมพ์เดียว ด้านหลังมี 3 แม่พิมพ์ เหมือนๆ กัน ต่างกันที่ขนาดยันต์ตรงกลาง และตัวหนังสือเท่านั้น
2.เหรียญรุ่น 2 สร้าง พ.ศ.2496 เป็นเหรียญที่สร้างจำนวนน้อย และมักพบในย่านบางมดเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชาวสวนรุ่นเก่า นิยมใส่เหรียญนี้กันมาก โดยกล่าวตรงกันว่า ดีทางป้องกันเขี้ยวจากงูพิษ มีผู้ถูกงูพิษกัดแต่ไม่เข้า เรื่องนี้เล่าลือกันมาก เท่าที่เคยพบ เหรียญรุ่นนี้มีเนื้อทองแดง และเนื้อเงิน (มีน้อยมาก) ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นยันต์ มีพญานาคคู่ และตัว “อ” รัศมี ย่อมาจากชื่อของหลวงพ่อ
 
3.เหรียญรุ่น 3 สร้าง พ.ศ.2497 มี 2 รูปแบบ ที่รู้จักและพบกันบ่อยๆ เป็นเหรียญด้านหน้าหลวงพ่อหันข้าง ด้านหลังเป็นรูปศาลา ตรงกลางเป็นพญาครุฑ ด้านล่างบอกปี พ.ศ.ที่สร้าง มีทั้งแบบด้านหลังที่เรียกว่า พิมพ์มีราวบันได และ พิมพ์ไม่มีราวบันได วิธีสังเกตให้ดูที่เส้นตั้งตรงที่ลูกรงบันไดทางเดินขึ้นศาลา เหรียญรุ่นนี้หลวงพ่อนำไปแจกที่บ้านเกิดของท่านด้วย คือ จ.นครศรีธรรมราช จำนวนมาก พบเห็นเฉพาะเนื้อทองแดง เพียงอย่างเดียว มีทั้งแบบรมดำและไม่รมดำ
 
4.เหรียญรุ่นสุดท้าย เป็นเหรียญรูปพญาครุฑแบกเสมา สร้าง พ.ศ.2498เหรียญรุ่นนี้สร้างจำนวนมาก ชาวบ้านในพื้นที่บางมดนิยมกันมาก เพราะหลวงพ่อได้กำชับให้เอาไว้ติดตัว พร้อมกับบอกเป็นนัยๆ ว่าเป็นรุ่นสุดท้ายของท่าน หลังจากนั้นไม่นานหลวงพ่อก็มรณภาพ เหรียญรุ่นนี้พบเห็นเฉพาะเนื้อทองแดงรมดำและไม่ได้รมดำ นอกจากนี้ยังมีเนื้อเงิน แต่มีจำนวนสร้างน้อยหายากมาก
 ตลอดเวลาที่ท่านพำนักอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ลูกศิษย์จะเห็นว่า หลวงพ่อนับถือเลื่อมใสองค์พญาครุฑ และล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 เป็นอย่างยิ่ง
 
   เหรียญหลวงพ่อโอภาสี ทุกรุ่น นับเป็นวัตถุมงคลที่มีพุทธคุณสูง น่าบูชาติดตัวเป็นอย่างยิ่ง เช่นเหรียญรุ่นแรก จัดเป็นเหรียญยอดนิยมอันดับต้นๆ ของวงการพระ มีราคาสูง เหรียญของท่านบูชาแล้วจะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมกันมาก ร่ำลือว่าดียิ่งนักในเรื่องค้าขายรุ่งเรือง รวมถึงเรื่องแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี มีเรื่องราวให้ได้ยินมาเนิ่นนาน นับเป็นเหรียญพระเครื่องชั้นยอดที่น่าศรัทธาเชื่อถือ บูชาติดตัวได้อย่างมั่นใจในอานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ