พระเครื่อง

ชั่วโมงเซียน-พระเครื่อง...สกุลท่ามะปราง

ชั่วโมงเซียน-พระเครื่อง...สกุลท่ามะปราง

16 มี.ค. 2552

ตามพงศาวดารเหนือ กล่าวว่า หลังจากพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก สร้างเมืองพิษณุโลกแล้ว ตรัสให้สร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุขึ้น (วัดใหญ่) มีพระธาตุรูปปรางค์สูง ๘ วา สร้างวิหาร ๔ ทิศ มีระเบียง ๒ รอบ แล้วโปรดให้ช่างเมืองเชลียง (สวรรคโลก) เชียงแสน และหริภุญไชย

ร่วมมือกันทำพิธีเททองหล่อพระ เมือวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีเถาะ พ.ศ.๑๔๓๘ ในครั้งนั้นทองติดเป็นรูปองค์พระบริบูรณ์เพียง ๒ องค์ คือ พระพุทธชินสีห์ และพระศาสดา ส่วนองค์หลักทองไม่ติด
 พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก จึงได้ทรงทำพิธีตั้งอธิษฐานจิตใหม่ และจัดพิธีเททองหล่ออีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ เดือน ๖ ปีมะเส็ง พ.ศ.๑๕๐๐ ในระหว่างทำพิธีเททองหล่อนั้น ปรากฏว่ามีชีปะขาวผู้หนึ่งมาช่วยเททองด้วย ความนี้สำเร็จเป็นองค์พระบริบูรณ์ จากนั้นชีปะขาวก็เดินขึ้นไปทางเหนือถึงหมู่บ้านหนึ่งก็หายตัวไปตามหาไม่พบ จึงเรียกหมู่บ้านนั้นว่า “บ้านชีปะขาวหาย” มาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สำเร็จงดงามตามตำนานนั้น คือ “พระพุทธชินราช” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองพิษณุโลกนั่นเอง
 ด้วยความงดงามและความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธชินราช อันเป็นที่นับถือทั้งพระมหากษัตริย์จวบจนปุถุชนคนทั่วไปมาทุกยุคทุกสมัย มีการสร้างเป็นพระพิมพ์ขนาดเล็กเพื่อพกติดตัว รวมทั้งบรรจุกรุตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ทำให้พบรูปแบบพระพุทธชินราชในลักษณะของพระพิมพ์ต่างๆ หลากหลายรูปแบบ เช่น พระชินราชใบเสมา พระชินราชซุ้มเส้นคู่ พระชินราชกรุเขาสมอแครง เป็นต้น
 แต่ยังมีพระพิมพ์อีกสกุลหนึ่งที่โด่งดังคู่กับพระนางพญามาตั้งแต่สมัยโบราณกาล อีกทั้งยังเป็นการจำลองพุทธลักษณะของพระพุทธชินราชมาไว้ในรูปแบบของพระเครื่องอีกด้วยนั้น คือ “พระท่ามะปราง” นั่นเอง
 วัดท่ามะปราง (วัดท่ามะปรางค์) จ.พิษณุโลก เป็นต้นแบบและที่มาของสกุลพระเครื่องท่ามะปราง โดยจะพบพระเครื่องสกุลนี้ที่วัดท่ามะปรางเป็นแห่งแรก ทั้งเนื้อดินและเนื้อชินเงิน ทั้งนี้พุทธลักษณะขององค์พระท่ามะปรางจะถ่ายทอดถอดแบบมาจากองค์พระพุทธชินราชโดยตรง พระเกศเป็นปิ่นยาวเล็กน้อยพองาม เม็ดพระศกแสดงเป็นตาสี่เหลี่ยม พระพักตร์เป็นรูปไข่ ใบหูยาวประบ่า ลำแขนอวบล่ำ ซอกแขนแคบ พระนาภี (สะดือ) เป็นแอ่งบุ๋มเล็กๆ ประทับนั่งในท่ามารวิชัย พระหัตถ์ขวาวางแนบหัวเข่าด้านขวา เรียกการนั่งแบบนี้ว่า “นั่งแบบเข่าใน” (หัวเข่าอยู่ในอุ้งพระหัตถ์) ซึ่งเป็นแบบทั่วๆ ไปของพระสกุลท่ามะปราง
 พระจากกรุวัดท่ามะปรางนี้ ในเนื้อชินจะพบเป็นแบบเนื้อชินผิวสีดำสนิมตีนกา ส่วนในเนื้อดินพบเป็นแบบเนื้อละเอียดหลังเรียบๆ จากคำบอกเล่า การขุดพบพระกรุนี้พบมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ โดยได้มีการแจกจ่ายให้ทหารไปปราบเงี้ยวทางภาคเหนือ ในครั้งนั้นเกิดปะทะกันอย่างดุเดือด ทหารไทยที่ห้อยพระท่ามะปรางชุดนี้ ถูกกระสุนปืนยิงล้มคว่ำ ล้มหงาย แต่ไม่เป็นไร สามารถลุกขึ้นมายิงต่อสู้กับพวกเงี้ยวได้อีก จนทหารเงี้ยวเห็นเป็นเรื่องอัศจรรย์ ถึงกับหนีทัพแตกไป ถึงกับมีชื่ออีกพระชุดนี้ว่า “พระท่ามะปราง กรุเงี้ยวทิ้งปืน”
 พระท่ามะปราง กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นพระร่วมกรุกับพระชินราชใบเสมา สถานที่พบพระส่วนใหญ่บรรจุไว้ในพระปรางค์ด้านหลังวิหารพระพุทธชินราช ซึ่งมีรูปทรงคล้ายกับพระท่ามะปรางกรุวัดท่ามะปรางมาก แต่จะปรากฏรายละเอียดขององค์พระชัดเจนมากกว่า และมักพบพระที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ งดงาม เพราะองค์พระนั้นถูกบรรจุอยู่ในกรุที่แข็งแรงมิดชิดมากกว่าพระกรุวัดใหญ่ ถ้าเป็นเนื้อดินมักจะพบแบบเผาแก่ไฟ เป็นเนื้อสีแดงเข้ม เนื้อแกร่ง และแข็ง เป็นส่วนใหญ่ ส่วนเนื้อชินนั้นเป็นแบบเนื้อชินผิวสีดำ แต่มักจะเป็นแบบแก่ตะกั่วเล็กน้อย ไม่ฟู ลุ่ย เท่าของวัดท่ามะปราง
 พระท่ามะปราง กรุวัดสะตือ จะเป็นพระท่ามะปรางที่มีพุทธลักษณะแตกต่างจากกรุอื่นๆ คือ จะประทับนั่งในลักษณะมารวิชัยแบบเข่านอก กล่าวคือ ประทับโดยวางพระหัตถ์ขวาไว้ด้านใน หัวเข่าขวายื่นออกมาด้านนอก พระที่พบส่วนใหญ่เป็นพระเนื้อดิน เนื้อนุ่มละเอียด และที่สำคัญ พระท่ามะปรางกรุนี้ด้านหลังเป็นแบบหลังเรียบ รวมทั้งเป็นแอ่งเกือบทุกองค์
 นอกจากนี้แล้วพระท่ามะปรางของ จ.พิษณุโลก อันเป็นที่นิยมยังมีอีกหลายกรุ เช่น กรุวัดอรัญญิก กรุเจดีย์ยอดทอง และกรุวัดโพธิ์ เป็นต้น ขณะเดียวกันยังพบพระสกุลท่ามะปรางในกรุจังหวัดอื่นๆ อีกด้วย และได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือ
 พระท่ามะปราง กำแพงเพชร เป็นสกุลพระท่ามะปรางอีกพิมพ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะเนื้อชิน ซึ่งจะมีรายละเอียดที่งดงาม ผิวพรรณที่พบมักเป็นแบบปรอทขาว ส่วนเนื้อดินจะเป็นที่นิยมรองลงมาแต่พบน้อยกว่า มักปรากฏเม็ดว่านดอกมะขามสีส้มๆ ผสมให้เห็น  ากพระกรุอื่นๆ ้อแกร่ง และแข็ง เป็นส่วนใหญ่ ส่วนเนื้อชินนั้เป็นแบบเนื้อชินผิวสีดำ แต่ม
 พระท่ามะปราง พิจิตร พบมาจากกรุมะละกอ มีทั้งแบบกรุใหม่กรุเก่าซึ่งสรุปว่าแท้ทั้งคู่ มีลักษณะคล้ายของกรุพิษณุโลกมาก คาดว่าฝีมือช่างเป็นฝีมือสกุลเดียวกันสร้าง แต่นำไปฝากกรุไว้ที่พิจิตร เนื่องจากเมืองพิจิตรกับเมืองพิษณุโลกนั้นห่างกันไม่มาก
 สรุปว่าพระท่ามะปรางนั้น เป็นพระเครื่องที่จำลองรูปแบบของพระพุทธชินราชมาไว้เป็นพระเครื่อง ในยุคแรกๆ ก็ว่าได้ แต่ในปัจจุบันราคาค่านิยมของพระสกุลท่ามะปรางนั้นยังคงไม่สูงมาก นักสะสมหลายท่านที่ใฝ่ฝันอยากได้พระพุทธชินราชในรูปแบบพระเครื่องมาอาราธนาพกติดตัวนั้น หากคิดว่าพระพุทธชินราชใบเสมานั้นราคาสูงเกินเอื้อมไป สำหรับเราๆ ท่านๆ ก็น่าจะหันมามองพระสกุลท่ามะปรางนี้ดูบ้าง นอกจากความงดงามและพุทธคุณที่เข้มขลังแล้ว พระสกุลท่ามะปรางยังขึ้นชื่อว่ายุคการสร้างที่เก่าแก่กว่าพระพุทธชินราชสกุลอื่นๆ อีกด้วยนะครับ

 

เต้ สระบุรี