ทำความรู้จัก กับ ประวัติของ วัดไผ่โรงวัว สุพรรณบุรี หลังเกิดเหตุไฟไหม้ โบสถ์ร้อยยอด อารามจากความศรัทธา และ ปณิธาน ของ หลวงพ่อขอม อดีตเจ้าอาวาสรูปแรก
เป็นความน่าเสียดายอย่างมาก หลังเกิดเหตุไฟไหม้ วิหารร้อยยอด ของ วัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เมื่อกลางดึก วันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา บริเวณชั้นล่างของโบสถ์ซึ่งใช้เป็นสถานที่เก็บของและประกอบพิธีกรรมเดินลอดฐานโบสถ์ ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหมด แต่โชคดีเพลิงยังไม่ลามขึ้นสู่ชั้น 2 ที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา โดยไม่มีผู้เสียชีวิต หรือบาดเจ็บ อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนจะได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียดครั้ง
สำหรับ วัดไผ่โรงวัว นั้น ในแง่มุมหนึ่ง เชื่อว่า หลายต่อหลายคน ต้องคุ้นเคยกับวัดนี้ โดยเฉพาะ คนที่ชอบดูละครพื้นบ้าน ละครจักรวงศ์ ยามเช้า เสาร์-อาทิตย์ จะเคยเห็นฉากหลัง ของ วัดไผ่โรงวัว ถูกเซตเป็นฉาก พระราชวัง ตำหนัก ต่าง ๆ ในละครเหล่านั้น และยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ท่องเที่ยว เชิงความเชื่อ ที่ไม่ว่าจะไหนสมัยใด ก็ยังมีผู้คนเดินทางไปยังอารามแห่งนี้ ไม่ขาดสาย
“วัดไผ่โรงวัว” หรือ “วัดโพธาราม” ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางตาเถร อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ตามประวัติของกรมศาสนา วัดไผ่โรงวัวเริ่มก่อตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2469 ริมคลองพระยาบันลือ ซึ่งเป็นคลองที่ขุดในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นคลองเชื่อมระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน วัดไผ่โรงวัวเริ่มต้นด้วยการสร้างในเนื้อที่ 20 ไร่ เดิมเป็นที่ดอน มีกอไผ่ขึ้นเต็มพื้นที่ เมื่อถึงฤดูน้ำ ชาวบ้านจะเอาวัวควายมาเลี้ยงบนที่ดอนนี้โดยปลูกโรงวัวให้อาศัย
ต่อมาคิดสร้างสำนักสงฆ์ขึ้น ให้ชื่อว่าสำนักสงฆ์ไผ่โรงวัว จนกระทั่งเป็นวัด เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดโพธารามแต่ไม่ค่อยมีใครเรียก แม้แต่ชาวต่างจังหวัดก็เรียกว่าวัดไผ่โรงวัว ทางวัดจึงเปลี่ยนชื่อกลับมาใช้เป็น “วัดไผ่โรงวัว” อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกพระเกตุมาลาสมเด็จพระพุทธโคดม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หน้าตักกว้าง 10.25 เมตร ความสูงรวมบัลลังค์ 26 เมตร เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 สร้างด้วยเนื้อทองสัมฤทธิ์หนัก 50 ตัน ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 17 ปี
ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างเกี่ยวกับพุทธศาสนา อาทิ “สังเวชนียสถาน 4 ตำบล” คือ สถานที่ที่พระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน กับงานประติมากรรมหรือภาพปั้นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัตินรกภูมิ รวมทั้งวรรณคดีและประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมี “พระกะกุสันโธ” พระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ที่สุดในโลก “ฆ้องและบาตร” ที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และ “พระวิหารร้อยยอด” รวมทั้งสิ่งก่อสร้างอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับ โบสถ์ร้อยยอด หรือ วิหารร้อยยอด ที่ถูกไฟไหม้นั้น ข้อมูลระบุไว้ว่า ได้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2521 เป็นโบสถ์ทรงไทยจัตุรมุข กว้าง 89 เมตร ยาว 127 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมประติมากรรมและจิตรกรรมรวมเข้าไว้ด้วยกันในอุโบสถหลังนี้โดยที่ตัว อุโบสถร้อยยอด
เป็นลักษณะงานสถาปัตยกรรมภายในอุโบสถ เช่น บานประตูและหน้าต่างแต่ละบานจะมีภาพแกะสลักเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานเป็นปติมากรรมที่มีความงดงามวิจิตร ดูเหมือนมีชีวิตชีวา
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้ คือ เมืองนรกภูมิ แดนแห่งเปรตและอสูรกาย ซึ่งภายในวัดไผ่โรงวัวได้จำลองสถานที่ความเชื่อเรื่องบาปกรรมเมื่อตายไปต้องตกนรก เพื่อให้เป็นคติสอนใจเรื่องบาปบุญคุณโทษ ซึ่งในนรกภูมินั้นเป็นหุ่นปูนปั้นตามนรกขุมต่างๆ อาทิ ปีนต้นงิ้ว กระทะทองแทง อีกาจิกฯ
ตามความเชื่อของคนไทย เปรต คือ ผู้ที่ทำบาปกรรมมาชนิดหนึ่ง ยกตัวอย่างผู้ใดคิดร้ายกับพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณกับตัวเอง ด่าทอพระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ หมอทำแท้ง ข้าราชการที่โกงกิน เมื่อตายไปแล้วจะเกิดในเปรตวิสัยซึ่งเป็น 1 ใน 4 อบายภูมิ (4 อบายภูมิ ประกอบด้วย 1. นรกภูมิ 2. เปรตภูมิ 3. อสุรกายภูมิ 4. ดิรัจฉานภูมิ) มีรูปร่างสูงเท่าต้นตาล ผมยาว คอยาว ผอมโซ ผิวดำ ท้องโต มือเท่าใบตาล แต่มีปากเท่ารูเข็ม
และเปรตจะหิวอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากกินอะไรไม่ได้ จึงชอบมาขอส่วนบุญ ซึ่งต้องรับกรรมด้วยความทุกข์ทรมาน หิวโหยอดอยาก ร้อนหรือหนาวอย่างที่สุด เจ็บปวดอย่างที่สุด และรับความทุกข์ทรมานอย่างที่สุด
วัดไผ่โรงวัว นับได้ว่าเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะชื่นชมความงามของสิ่งก่อสร้างทางพุทธศาสนา เพราะวัดแห่งนี้มีสิ่งก่อสร้างทางพุทธศาสนาที่หลากหลาย รวมไปถึงเมืองนรกภูมิ แดนแห่งเปรตและอสูรกาย ซึ่งเป็นไฮไลท์ที่สำคัญของวัดไผ่โรงวัว เพราะรูปปั้นเปรตเหล่านั้นสามารถเป็นสิ่งเตือนใจให้กับผู้คนที่พบเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ทำแต่ความดีและละเว้นการทำบาป
การเดินทางมาที่วัดไผ่โรงวัว สามารถขับรถส่วนตัวจากบางบัวทอง วิ่งมาตามถนนสายบางบัวทอง-สุพรรณบุรี (สาย 340) ราว 28 กิโลเมตร ตรงยาวไปตลอด ผ่านแยกนพวงศ์ ตรงต่อไปเจอทางแยกซ้ายไปอำเภอสองพี่น้อง ให้เลี้ยวซ้ายต่อไปตามถนนสาย 3422 ตรงต่อไปราว 14 กิโลเมตร วัดไผ่โรงวัวจะอยู่ทางขวามือ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง