พระเครื่อง

กทม.ร่วมมือ เอกชน การท่องเที่ยวฯ จัดกิจกรรม วัดลับย่านฝั่งธนฯ

กทม.ร่วมมือ เอกชน การท่องเที่ยวฯ จัดกิจกรรม วัดลับย่านฝั่งธนฯ

13 พ.ย. 2565

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรม วัดลับย่านฝั่งธนบุรี เปิดมุมมองอารามผ่านแสงสี

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) จัดกิจกรรมนำร่องในกรุงเทพฯ ภายใต้โครงการ ‘Unfolding Bangkok เปิดประสบการณ์ใหม่กรุงเทพมหานคร’ ใน 3 ธีมหลัก ได้แก่ Hidden Temple ท่องวัดลับ, Greeting Benjakitti เที่ยวสวนป่ากลางเมือง และ Living Old Building ย้อนรอยอาคารประวัติศาสตร์ 

ธีม Hidden Temple เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของพุทธศาสนาและการตกแต่งสถาปัตยกรรมของวัดในมุมมองใหม่
สำหรับ Unfolding Bangkok จะจัดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 - มีนาคม 2566 เพื่อเป็นการเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวในพิกัดต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ นำเสนอประเทศไทยและวัฒนธรรมไทยในมิติที่น่าสนใจและร่วมสมัย อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ในพื้นที่ต่างๆ 


ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ธีม Hidden Temple เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของพุทธศาสนาและการตกแต่งสถาปัตยกรรมของวัดในมุมมองใหม่แบบอินเตอร์แอ็กทีฟ ผ่านแสง สี และเสียง ที่ 5 วัดลับในย่านฝั่งธนบุรี พร้อมการจำหน่ายสินค้าจากตลาดนัดชุมชน และท่องเที่ยว Creative Tour เรียนรู้อัตลักษณ์ของย่าน
สำหรับการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยว 5 วัดลับย่านฝั่งธนฯ จัดขึ้นภายใต้ 3 แนวคิด ได้แก่ จาริกแสวงบุญ, วัดร้างกับพื้นที่ชุมชน และขอบเขตที่ถูกซ่อนไว้ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งวันที่ 12-20 พฤศจิกายน จัดที่วัดอินทาราม, วัดจันทาราม, วัดราชคฤห์
 

สำหรับ 3 อาราม ที่ได้จัดงานขึ้นเป็นอันดับแรกนั้น มีความสำคัญ คาบเกี่ยวกับเรื่องราว ในประวัติศาสตร์ อย่าง  วัดอินทารามวรวิหาร ประดิษฐานพระบรมอัฐิของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี รวมทั้งพระราชอัครมเหสีของพระองค์ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ เช่น พระแท่นบรรทม โดยเชื่อว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

ธีม Hidden Temple เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของพุทธศาสนาและการตกแต่งสถาปัตยกรรมของวัดในมุมมองใหม่

ชื่อเดิมคือ วัดบางยี่เรือนอก ซึ่งตั้งอยู่เคียงคู่กับวัดบางยี่เรือใน หรือวัดราชคฤห์ในปัจจุบัน เดิมทีเป็นวัดราษฎร์ จนเมื่อครั้นสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานี พระองค์ทรงศรัทธาในวัดแห่งนี้มาก ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์และสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวง ซึ่งในรัชสมัยของพระองค์ได้ทรงประกอบพิธีพระราชกุศลสำคัญที่วัดแห่งนี้เป็นประจำ วัดแห่งนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่โดยพระยาศรีสหเทพ (ทองเพ็ง) ต้นตระกูลศรีเพ็ญ ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 3 โดยมีการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น บูรณะของเดิม และสร้างถาวรวัตถุมากมาย รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระนามใหม่ว่า "วัดอินทาราม" สืบมาจนปัจจุบัน

วัดจันทาราม เป็นวัดโบราณมีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ตามตำนานพระอารามหลวงโดยสังเขป พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 3 ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ให้ข้อมูลที่ตรงกันคือ พระยาสุรเสนา (ขุนเณร) เป็นผู้สร้าง และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงปฏิสังขรณ์แล้วได้พระราชทานนามให้ใหม่ว่า "วัดจันทาราม" แต่วัดนี้จะสร้างเมื่อไรไม่มีหลักฐานที่จะให้ค้นคว้าอ้างอิงได้

ธีม Hidden Temple เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของพุทธศาสนาและการตกแต่งสถาปัตยกรรมของวัดในมุมมองใหม่

วัดราชคฤห์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เคยเป็นที่ตั้งทัพของพระยาพิชัยดาบหัก ที่พระเจ้าตากสินให้มาดักซุ่มยิงโจมตีทัพพม่า พระปรางค์ด้านหน้าพระวิหารใหญ่ เป็นที่บรรจุอัฎฐิของ พระยาพิชัย  และเป็นวัดโบราณสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีชาวมอญอพยพโดยทางเรือจากกาญจนบุรีมาอาศัยอยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ มีนายกองชาติรามัญ (มอญ) เป็นประธานสร้างวัดอยู่ใกล้กัน 3 วัด ตามตำบล วัดนี้ตั้งอยู่ทางเหนือน้ำไหลจึงเรียกว่า วัดบางยี่เรือเหนือ (วัดราชคฤห์) วัดบางยี่เรือกลาง (วัดจันทารามวรวิหาร) วัดบางยี่เรือใต้ (วัดอินทาราม) แต่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า วัดมอญ สันนิษฐานว่าคนมอญช่วยกันสร้างและพระมอญอยู่จำพรรษาประจำอยู่วัดนี้มาก จึงเรียกชื่อว่าวัดมอญ