พระกรุแดน ล้านนา "พระยอดขุนพล " กรุถ้ำขุนตาล พุทธคุณ แคล้วคลาด

นครหริภุญชัย หรือ เมือง ลำพูน นั้น ในอดีตตาม หลักฐานทางปรระวัติศาสตร์ต่าง ๆ ได้บันทึกไว้ว่า นครนี้ มีกษัตรีย์ ปกครอง นาม พระนางจามเทวี ซึ่งเป็น พระราชบุตรี กษัตริย์ละโว้ เมื่อปกครองแล้ว ทรงสร้างวัดและถาวรวัตถุในศาสนสถาน ที่สำคัญที่สุด คือ ทรงสร้างจตุรพุทธปราการ โดยสร้างวัดไว้ทั้งสี่ทิศ เป็นพุทธาวาสที่สำคัญ ที่ชาวเมืองเรียกว่า วัดสี่มุมเมือง ทรงสร้างไว้เมื่อ พ.ศ.1223 เพื่อเป็นการคุ้มครองเมืองไว้ทั้งสี่ทิศ ที่มีปรากฏอยู่ดังนี้ 1.วัดพระคงฤาษี อยู่ด้านทิศเหนือ 2.วัดดอนแก้ว อยู่ด้านทิศตะวันออก 3.วัดมหาวัน อยู่ด้านทิศตะวันตก และ 4.วัดประตูลี้ อยู่ด้านทิศใต้

จากข้อมูล ได้ระบุไว้ว่า วัดทั้งสี่มุมเมืองนี้ เป็นแหล่งกำเนิด กรุพระเครื่อง อันมีชื่อเสียงที่สุดของเมือง ลำพูน และยังเป็นหนึ่งในสุดยอดเบญจภาคี พระเนื้อดิน อันเป็นที่ปรารถนาของนักสะสมพระเครื่อง มาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน   นอกจากนี้ ยังมี พระคง พระฤา (ลือ) พระบาง พระชุดดังกล่าวมีรูปแบบของศิลปะทวาราวดี และศิลปะศรีวิชัย ซึ่งสร้างขึ้นในยุคสมัยของ นครหริภุญชัย ศิลปะทวาราวดี 

นอกเหนือจาก พระกรุ ดังกล่าว ที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วนั้น ยังมีการค้นพบพระกรุเพิ่มเติม นั่นคือ พระยอดขุนพล กรุถ้ำขุนตาล ของ จ. ลำพูน   พระพิมพ์นี้พบที่บริเวณใน ถ้ำขุนตาล หากเดินทางขึ้นเหนือ เมื่อผ่าน จ.ตาก ไป จ.ลำปาง-เชียงใหม่ จะผ่าน ศาลเจ้าพ่อขุนตาล บริเวณตรงนั้นชาวบ้านเคยเรียกกันว่า บ้านตาล ในอดีตเป็นจุดที่นักรบผู้กล้าหาญ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองถูกประหารชีวิต ต่อมากลายเป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง ลำพูน

พระยอดขุนพล กรุถ้ำขุนตาล จ. ลำพูน มีหลายพิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ กลาง เล็ก และพิมพ์ยืน พระที่ขุดพบมีเนื้อชินปนตะกั่ว และเนื้อดิน พระบางองค์มีทองเก่าปิด บางองค์ทาชาดสีแดงสดทับมาเดิมจากในกรุ  จำนวนพระที่พบมีมากพอประมาณ พุทธลักษณะ พิมพ์ใหญ่ องค์พระมีพระพักตร์คมชัด พระเนตรยาวเรียว พระขนงสองข้างโค้งแบบปีกนก พระเกศแบบเปลวเพลิงสูงเรียวยาว พระกรรณยาวลงมาจรดพระอังสาทั้ง 2 ข้าง ประทับนั่งปางมารวิชัย อยู่ในซุ้มเรือนแก้วแบบใบเสมาทรงสูง

ซึ่งซุ้มด้านบนมีลักษณะโค้งมนซ้ายขวาทั้งสองข้าง เหนือซุ้มเรือนแก้วด้านบนมีเส้นลายขีดละเอียดมากมายขึ้นไปจรดขอบบน  ในบริเวณเสาซุ้มเป็นแบบกนก ทั้ง 2 เสา มีลวดลายเป็นขีดร่อง ทำให้เสาดูแข็งแรงเข้ารูปทรงสวยงามยิ่ง องค์พระประทับอยู่บนฐานบัวเล็บช้างสองชั้น ซึ่งแต่ละชั้นมีดอกบัวฐานละ 5 ดอก

ส่วน พิมพ์กลาง มีพุทธลักษณะเหมือนพิมพ์ใหญ่ทุกประการ แต่มีขนาดย่อมลงมา ส่วน พิมพ์เล็ก ต่างจากพิมพ์ใหญ่และพิมพ์กลาง คือ ซุ้มเรือนแก้วด้านบนมีลักษณะต่างกันคือ ไม่โค้งมน แต่มีลักษณะเป็นยอดแหลมแบบใบเสมาทั่วไป และด้านล่าง ประทับอยู่บนฐาน 2 ชั้น แบบไม่มีบัวเล็บช้างเหมือนพิมพ์อื่นๆ