พระเครื่อง

เครื่องราง แดน ล้านนา พระราหู ของ พระครูบานันทา วัดทุ่งม่านใต้ ลำปาง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทำความรู้จัก อีกหนึ่ง เครื่องราง จากแดน ล้านนา พระราหู สุริยันจันทรา พระครูบานันทา วัดทุ่งม่านใต้ จังหวัดลำปาง

หากกล่าวถึง เรื่องรางเครื่องราง พระราหู แล้วนั้น เชื่อ เหลือเกินว่า ร้อยทั้งร้อย ย่อมต้องนึกถึง พระราหู ของ หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง หนึ่งในเก้า เครื่องราง ยอดปรารถนา ที่นักเลงพระสมัยก่อน ยกย่อง ร้อยคำกลอนไว้ อย่างไรก็ดี ในภาคเหนือนั้น ยังมีครูบาอาจารย์ ที่ได้รับการยกย่อง ในความรู้ด้านศาสตร์ วิชา ที่เกี่ยวกับ พระราหู เฉกเช่น หลวงพ่อน้อย  นั่นคือ  พระครูบานันทา หรือพระครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ จ.ลำปาง 


พระครูบานันทา นั้น  เป็นพระเถราจารย์ยุคเก่าผู้เรืองเวทย์วิทยาคมแห่งดินแดนภาคเหนือ ผู้มีพุทธาคมอันแก่กล้า และท่านยังเป็นปรมาจารย์ผู้สร้างตำนานเครื่องรางอันโด่งดัง "พระราหูแกะกะลาตาเดียว" ท่านเป็นพระผู้เคร่งครัดในธรรมวินัย ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ มีเมตตาแก่ผู้คนทั้งหลาย เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งหลายตราบจนปัจจุบัน ถึงแม้ท่านจะมรณภาพไปนานแล้วก็ตาม

พระครูบานันทา
สำหรับประวัติของ พระครูบานันทา นนฺโท เป็นบุตรของพ่อเฒ่าคำปา และแม่เฒ่าอินตา พรหมปิงเปา เกิดที่บ้านทุ่งม่านใต้ ต.บ้านเป้า อ.เมือง จ.ลำปาง เกิดเมื่อ พ.ศ.2415 จ.ศ. 1234 ปีเต่าสัน เดือน 10 ขึ้น 10 ค่ำ วันเสาร์ยามกองแลง เวลา 19.30 น. เมื่ออายุได้ 5 ปี บิดามารดาได้บอกว่าลูกนี้ได้อยู่ในครรภ์ของมารดาได้ทศมาส คือ 10 เดือนครบ เมื่ออายุได้ 12 ปี พระครูบานันทา ขอกราบลาบิดามารดาไปเป็นศิษย์วัด บิดาได้มอบให้ ท่านเจ้าไชยสารเป็นเจ้าอาวาส วัดทุ่งม่านใต้ เป็นเด็กวัดได้หนึ่งพรรษา อายุได้ 13 ปี ได้บรรพชา (บวช) เมื่อ พ.ศ. 2427 ปี จ.ศ. 1246 ปีกาบสัน (ปีวอก) เดือน 8 ขึ้น 13 ค่ำ

ได้ท่านเจ้าธรรมวัฒ วัดหนองร่อง บรรพชา คือครองผ้า ให้ศีล ครูบาธิ วัดบ้านแคร่เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูบานันทา เป็นสามเณรได้ 9 พรรษา อายุได้ 21 ปี ได้อุปสมบท ปีเต่าสี พ.ศ. 2435 จ.ศ. 1254 ครูบาสิทธิวังโส วัดหนองหล่ม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ครูบาเจ้าพรหมสโร วัดหลิ่งก้าน เป็นอนุสาวนาจารย์ ครูบาขัตติโย วัดหนองร่อง เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า นันทาภิกขุ 

พระครูบานันทา

เมื่อบวชเป็นพระแล้ว 3 พรรษา ท่านเจ้าปัญญา ได้ลาสิกขา แล้วท่านมอบภาระให้รักษาการแทนเจ้าอาวาส แก่ พระครูบานันทา ต่อไป ตั้งแต่นั้นมาได้เป็นเจ้าอาวาส และได้สืบกองวัตรอนุสติ 10 และ สติปัฏฐาน 4 พรหมวิหาร 4 จาก ท่านครูบาอโณชัย วัดปงสนุกเหนือ ก็ได้ปฏิบัติมาเป็นลำดับ ด้วยอาศัย พระครูบานันทา มีวิริยะอุสาหะประกอบพร้อม ด้วยกิจที่เหมาะสมแก้พระภิกษุมาตลอดสมณเพศ พระครูบานันทา นนฺโท มรณะภาพเมื่อ วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2504 อายุได้ 90 ปี 

ราหูสุริยันจันทรา ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้

ทั้งนี้ พระราหูกะลาตาเดียว พระครูบานันทา  สร้างเป็น 2 อัน  คือ "พระราหูอมจันทร์" อันหนึ่ง และ "พระราหูอมพระอาทิตย์"
พระครูบานันทา ได้เริ่มสร้าง พระราหูกะลาตาเดียว มาตั้งแต่เมื่อไร ไม่ได้มีการจดบันทึกเอาไว้ เพียงแต่รู้จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ สืบต่อกันมาว่า พระครูบานันทาได้สร้างพระราหูกะลาตาเดียว มานานแล้ว

ราหูสุริยันจันทรา ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้

คือตั้งแต่แรกเริ่มสมัยที่ ท่านครูบาศรีวิชัย ต้องอธิกรณ์ (ถูกกล่าวหามีผิดทางพระวินัยสงฆ์) พระครูบานันทา ซึ่งเป็นสหธรรมิกก็ได้สร้างกะลาตาเดียวแกะรูปพระราหูขึ้น 


เพื่อใช้อธิษฐานขอให้ ท่านครูบาศรีวิชัย พ้นจากความผิดอธิกรณ์ ซึ่งในที่สุดแล้ว ท่านครูบาศรีวิชัยก็ได้พ้นมลทินทุกประเด็น พระราหูกะลาตาเดียว ของ พระครูบานันทา จะสร้างไว้เป็นคู่ๆ คือ มี สุริยัน ก็ต้องมี จันทรา ด้วยเสมอ ครูบานันตา ท่านจะใช้ พระยันต์สุริยประภา และ พระยันต์จันทรประภา เป็นหลัก
สำหรับอุปเท่ห์ในการใช้พระราหูกะลาตาเดียว ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ นั้นผู้บูชาควรได้รู้ถึงความสำคัญแห่งพระยันต์ทั้ง 2 นี้ก่อน ดังนี้

ราหูสุริยันจันทรา ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้
สิทธิ การิยะ ยันต์สุริยประภา และยันต์จันทรประภา ทั้ง 2 ยันต์นี้ เป็นพระยายันต์ที่ประเสริฐยิ่ง มีตำนานกล่าวมาว่า มีพระฤๅษี 2 ตน สถิตอยู่ ณ เขายุคนธร ได้พิจารณาเล็งดูมนุษย์ทั้งหลายว่า ในกาลภายหน้า จักมีทุกข์ภัยเวทนา จึงใคร่จะช่วยให้มนุษย์พ้นทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง ฤๅษีตนหนึ่ง จึงสร้างยันต์ขึ้นยันต์หนึ่ง ชื่อ สุริยประภา ฤๅอีกตนหนึ่งสร้างยันต์ จันทรประภา ขึ้น จึงเป็นที่มาของคำว่า สุริยัน-จันทรา ผู้ที่จะทำยันต์ทั้ง 2 นี้ ให้หา กะลามะพร้าวตาเดียว เอามาแกะเป็นรูป พระราหูอมจันทร์ อันหนึ่ง พระราหูอมพระอาทิตย์ อันหนึ่ง แล้วให้ลงยันต์สุริยประภาที่พระอาทิตย์ ลงยันต์จันทรประภาที่พระจันทร์ พระยันต์ทั้ง 2 นี้ เป็นพระยันต์ที่รวบรวมอำนาจบารมีทุกๆ อย่างมาสู่ผู้บูชาและสวมใส่ นับเป็นของมีค่า หาใดเสมอเหมือนมิได้

ราหูสุริยันจันทรา ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้
ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม ยังได้ไปแลกเปลี่ยนวิชาพระราหูกับ พระครูบานันทา และได้ขอเรียนวิชาเพิ่มเติม ในการสร้างกะลาตาเดียว รวมทั้งวิชา วัวธนู พอกคลั่งพุทราจาก พระครูบานันทา มาแล้ว จนทำให้ พระราหูกะลาตาเดียว และ วัวธนู ของ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง โด่งดังมาถึงทุกวันนี้ โบราณจารย์เชื่อกันว่า กะลาตาเดียว มีคุณวิเศษในตัว

ราหูสุริยันจันทรา ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้

โดยไม่ต้องผ่านการปลุกเสกก็ได้ เพราะถือว่า เป็นวัตถุอาถรรพ์ นำโชค ป้องภัย ป้องกันเสนียดจัญไร และคุณไสยต่างๆนานาได้วิเศษนัก คนสมัยโบราณ มีความเชื่อว่า กะลามะพร้าวที่มีตาเดียว หรือที่เรียกว่า กะลาตาเดียว เป็นวัตถุที่มีอำนาจอาถรรพ์และคุณวิเศษอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว เพราะตามธรรมชาติ กะลาทั่ว ๆ ไปจะต้องมี 2 ตาเสมอ กะลาตาเดียวจึงเป็นวิเศษ ที่หายากยิ่ง และความเชื่อนี้ ก็ยังมีการสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้

เพื่อไม่พลาด ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Website -  www.komchadluek.net
Facebook - https://www.facebook.com/komchadluek

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ