
ข้าวตอกพระร่วง หนึ่งในของ ทนสิทธิ์ ส่วนประกอบสร้าง พระเครื่อง โบราณ
ศึกษาส่วนประกอบในการสร้าง พระเครื่อง สมัย โบราณ ข้าวตอกพระร่วง หนึ่งในสิ่งของตาม ธรรมชาติ เชื่อ มีพลังในตัวเอง เกจิอาจารย์ดัง ยังแนะนำให้บูชา
ของ ทนสิทธิ์ หรือ ธาตุกายสิทธิ์ ในความเชื่อของ ผู้มีความเชื่อ ความศรัทธา นับแต่อดีต ถึงปัจจุบัน สิ่งของตามธรรมชาติ เหล่านี้ มีความเชื่อถือ ในการคุ้มครองป้องกัน และ มีพลังในตัวเอง โดยที่ไม่ต้องทำการปลุกเสก หรือ อธิษฐานจิต และด้วยความเชื่อเหล่านี้ พระเครื่อง หรือ วัตถุมงคล จำนวนหนึ่ง จะนำเอาสิ่งของตามธรรมเหล่านี้ มาประกอบเป็น วัตถุมงคล
หนึ่งในของ ทนสิทธิ์ ที่ได้รับการยอมรับจาก เกจิอาจารย์ ที่แนะนำให้บูชา นั่นคือ "ข้าวตอกพระร่วง"
"ข้าวตอกพระร่วง" และ "ข้าวก้นบาตรพระร่วง" ตามตำนานนั้นเกิดจาก "พระร่วง" ผู้มีวาจาสิทธิ์ ครั้งออกผนวชที่วัดเขาพระบาทใหญ่ ในวันตักบาตรเทโวโรหณะ เมื่อได้ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ข้าวที่เหลือก้นบาตรท่านได้โปรยลงที่ลานวัด และอธิษฐานว่าให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่ง มีอายุยั่งยืนชั่วลูกชั่วหลาน
สำหรับข้าวตอกพระร่วง (เพชรหน้าทั่ง หรือ แร่เหล็กไพไรต์) จะมีลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมคล้ายลูกเต๋า โดยธรรมชาติ ฝังตัวอยู่ในหินก้อนใหญ่ ส่วนข้าวพระร่วง หรือข้าวก้นบาตรพระร่วง นั้นจะมีลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวสารจำนวนมาก ฝังตัวอยู่ในหินก้อนใหญ่เช่นกัน แต่เมื่อนำมาผ่าเจียระไนเสร็จแล้วก็จะดูคล้ายเมล็ดข้าวสุกที่ฝังตัวอยู่ในหินสีดำ
โดยหินทั้ง 2 ชนิดนี้ พบมีจำนวนมากบนเขาพระบาทใหญ่ (จุดเกิดตำนาน) ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย ซึ่งในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อน เคยมีชาวบ้านขึ้นไปขุดหากันจำนวนมาก กระทั่งเกิดเรื่องเศร้ามีชาวบ้านชายรายหนึ่งถูกดินถล่มทับเสียชีวิตคาอุโมงค์เพราะขุดลึกเกินไป เพื่อหาข้าวตอกพระร่วงก้อนใหญ่หวังขายได้ราคาดี ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสั่งห้ามการขุดค้นหาข้าวตอกพระร่วงบนเขาแห่งนี้เพื่อความปลอดภัย
ขณะที่เรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของ ข้าวตอกพระร่วง และ ข้าวก้นบาตรพระร่วง ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นหินมงคล ใครมีไว้บูชาจะเจริญ ค้าขายขึ้น รวมทั้งเกิดโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย และป้องกันคุณไสยอีกด้วย
เรื่องการทำ วัตถุมงคล หลวงพ่อฤาษีลิงดำ นั้น ได้เคยกล่าวถึง เรื่องข้าวตอกพระร่วง ไว้ว่า ท ก่อนที่หลวงพ่อจะทำ ผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม ประมาณปี 2518 หลวงพ่อได้นำ ข้าวตอกพระร่วง ไปแจกให้แก่ทหารตำรวจตระเวณชายแดนก่อน เพราะว่าในขณะนั้น ท่านยังไม่มี "ตำราพระร่วง"
ส่วนคุณสมบัติ ข้าวตอกพระร่วง คือ เป็นหินที่มีลักษณะสี่เหลี่ยม มีความแกร่งโดยธรรมชาติ พบมากบริเวณเขาพระบาทใหญ่ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย ตำนานของสุโทัยมีกล่าวไว้ว่า "ข้าวพระร่วง" ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวเมืองสุโขทัยมาแต่ช้านาน ลักษณะรูปร่างสี่เหลี่ยมตามธรรมชาติ มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่
ตามตำนานเล่าขานต่อกันมาว่า เกิดจากวาจาสิทธิ์ของ พระร่วงเจ้า ผู้ครองแคว้นสุโขทัย ในสมัยก่อน ขณะทรงออกผนวชอยู่ที่ วัดเขาพระบาทใหญ่ ในวันตักบาตรเทโว เมื่อได้ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ข้าวที่เหลือก้นบาตรท่านได้โปรยลงบนลานวัด และทรงอธิษฐานขอให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่ง พร้อมทั้งมีอายุยั่งยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน ด้วยอำนาจและอิทธิ์ฤทธิ์ของพระองค์ท่าน ข้าวนั้นก็กลายเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ และท่านคงอธิษฐานให้ผู้ที่วาสนากับท่านได้มีไว้ครอบครอง ในภายภาคหน้า
ภายหลังมีการขุดค้นพบ และชาวบ้านต่างก็นำไปบูชา ต่างมีประสบการณ์กันมากในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิคุณโดดเด่น ทางด้านถอนแก้พิษได้สารพัด ใช้พกตัวสามารถคุ้มครองป้องกันภัย แคล้วคลาดจากภยันตราย และยังเป็นเมตตามหานิยมอีกด้วย พระร่วงเจ้าวาจาสิทธิ์ได้ทำพิธีปลุกเสก ข้าวตอกพระร่วง แล้ว
หลังจากนั้นได้นำไปโปรยรอบๆ กำแพงเมืองศรีสัชนาลัย เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยเฉพาะในสมัย พระนางจามเทวี ก็ได้นำเอาแร่ชนิดนี้มาสร้างเป็น พระรอด พระคง พระเลื่อง พระลือ อันเป็นพระที่ดีทางคงกระพันด้วยกันทั้งสิ้น ในสมัยต่อมา มีครูบาอาจารย์และผู้ทรงวิชาอีกหลายท่านนำเอาแร่เหล็กกายสิทธิ์นี้ นักรบสมัยก่อนยังนิยมแสวงหา ข้าวตอกพระร่วง เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องรางป้องกันตัวทั้งนั้น
อัพเดทประเด็นที่เป็นกระแส กับ คมชัดลึก เพิ่มเติม ที่นี่
Twitter - https://twitter.com/Kom_chad_luek
Instagram - https://www.instagram.com/komchadluek_online/
คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565 ใครคือ 6 Candidate กับ 8 สาขา Popular Vote
รู้พร้อมกันที่ คมชัดลึก ทุก Platform https://awards.komchadluek.net/#