พระเครื่อง

ชาวมอญ จัดงานบุญ ประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ สืบสานประเพณีดั้งเดิม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชาวมอญ ชุมชนบ้านวังกะ ร่วมงานบุญ ประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ อย่างล้นหลาม เชื่อปล่อยโคมลอยจะหมดทุกข์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย

ประชาชนจากชุมชน ชาวมอญ บ้านวังกะ หมู่ 2 ต. หนองลู อ. สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นจำนวนมากพร้อมใจกันสวมใส่ชุดพื้นเมืองที่มีสีสันอันสดสวย นำบุตรหลาน เดินทางไปร่วมพิธีทำบุญลอยเรือสะเดาะเคราะห์ ด้วยการ นำอาหารทั้งคาวหวาน รวมทั้งน้ำดื่ม ผลไม้  และธงตุงกระดาษ มาใส่ไว้ในเรือจำลองขนาดใหญ่ ที่สร้างขึ้นจากไม้ไผ่ ก่อนจะนำมาตั้งไว้บริเวณหน้าเจดีย์พุทธคยา วัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ สถานที่สำคัญในการจัด ประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ ของ ชาวมอญ อีกทั้งยังมีการนำโคมลอยมาปล่อยให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งการปล่อยโคมลอย ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ ลอยความทุกข์ ความโศก รวมทั้งสิ่งไม่ดีให้หายไปจาก ครอบครัว และตัวของเราเอง

ชาวมอญชุมชนบ้านวังกะ ร่วมงานบุญลอยเรือสะเดาะเคราะห์

สำหรับความเป็นมาของ ประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ ของ ชาวมอญ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ว่ากันว่าเกิดขึ้นเมื่อครั้ง พระเจ้าธรรมเจดีย์ หรือ พระเจ้าธรรมเจติ ขึ้นครองราชย์ปกครองอาณาจักรมอญ เมืองหงสาวดี พระองค์ทรงเห็นพระภิกษุสามเณรใน เมืองหงสาวดี มีความประพฤติย่อหย่อนต่อพระธรรมวินัย พระพุทธศาสนาในเมืองมอญเกิดมลทินด่างพร้อยมากมาย จึงมีพระราชประสงค์จะสังคายนาพระพุทธศาสนาในเมืองมอญเสียใหม่ เพื่อชำระหมู่พระภิกษุสงฆ์ให้มีความบริสุทธิ์

พระเจ้าธรรมเจดีย์ มีพระราชโองการรับสั่งให้พระภิกษุสามเณรในเมืองมอญ ลาสิกขาเสียทั้งหมดทั้งประเทศ แล้วทรงส่งปะขาวถือศีล 8 คณะหนึ่ง ซึ่งก็คืออดีตพระเถระผู้ทรงพระไตรปิฎก ทรงความรู้ ตั้งมั่นในศีล ที่พระองค์มีคำสั่งให้ลาสิกขามาถือศีล 8 เป็นปะขาวนั่นเอง ออกเดินทางไปยังประเทศศรีลังกา เพื่อให้ไปถือการอุปสมบทเป็นพระภิกษุมาใหม่จากคณะสงฆ์ในประเทศศรีลังกา เสร็จแล้วให้เดินทางกลับมาเป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ บวชให้แก่คนมอญในเมืองมอญเสียใหม่

ชาวมอญชุมชนบ้านวังกะ ร่วมงานบุญลอยเรือสะเดาะเคราะห์

คณะของปะขาวนี้ เมื่อเดินทางถึงประเทศศรีลังกา ได้รับการอุปสมบทแล้วก็เดินทางกลับ ในระหว่างทางที่เดินทางกลับนั้น เรือสำเภาลำหนึ่งในจำนวนสองลำโดนพายุพัดให้หลงทิศไป ส่วนอีกลำหนึ่งเดินทางมาถึง เมืองหงสาวดี โดยปลอดภัย เมื่อทราบถึงพระกรรณของ พระเจ้าธรรมเจดีย์ พระองค์จึงมีรับสั่งให้ทำเรือจำลองขึ้นมา ข้างในบรรจุด้วยของเซ่นไหว้บูชาเหล่าเทวดาทุกหมู่เหล่า ด้วยเครื่องเซ่นไหว้นั้น ให้เหล่าเทวดาทั้งหลาย ที่ดูแลพื้นดินก็ดี ที่ดูแลพื้นน้ำก็ดี ที่ดูแลพื้นอากาศก็ดี ได้มาช่วยปัดเป่าให้เรือสำเภาที่หลงทิศไปนั้น ได้เดินทางกลับมาโดยปลอดภัย หลังจากที่พระองค์ทรงทำพิธี สะเดาะเคราะห์ แล้วไม่กี่วัน เรือที่หลงทิศนั้นก็เดินทางกลับมาถึง เมืองหงสาวดี โดยปลอดภัย ชาวมอญ จึงถือเอาเหตุการณ์นี้ทำพิธีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ในช่วงกลางเดือน 10 ของทุก ๆ ปี สืบต่อกันมาจนปัจจุบัน

ชาวมอญชุมชนบ้านวังกะ ร่วมงานบุญลอยเรือสะเดาะเคราะห์
สำหรับ ประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ จัดขึ้นในช่วงวันขึ้น 14-15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการบูชาเทวดาที่อยู่ในน้ำ ในป่า และบนบก อีกทั้งเพื่อสืบสานประเพณีดั้งเดิมของกลุ่มชน ตลอดทั้งเป็นการเผยแพร่ ประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ ให้แก่ชุมชน ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ศึกษาเรียนรู้

 กิจกรรมในงาน ได้แก่ การเจริญพระพุทธมนต์โดยพระสงฆ์, การบูชาเรือ โดยนำธงกระดาษ และอาหารคาวหวาน 9 อย่าง ไปบูชาเรือ, การสะเดาะเคราะห์ต่ออายุ โดยการนำธูปเทียน ตามวันเกิด ไปไหว้ และสะเดาะเคราะห์เพื่อจะมีการเผาธูปเทียนในวันสุดท้ายของงาน, การเล่นโคม ปล่อยโคม, การตักบาตรน้ำตาลทราย น้ำผึ้ง, การเลี้ยงอาหารคาวหวานแก่ผู้มาร่วมงาน และการนำเรือไปลอยที่แม่น้ำสามประสบ

ชาวมอญชุมชนบ้านวังกะ ร่วมงานบุญลอยเรือสะเดาะเคราะห์

พิธีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ของ ชาวมอญ ที่ทำกันอยู่จะมีการเตรียมงานดังนี้ ก่อนถึงวันพิธี ชาวบ้านจะร่วมกันเตรียมทำธง ร่ม และจัดเครื่องบูชาต่างๆ เพื่อถวายวัด โดยมีการแบ่งงานให้หัวหน้าคุ้มต่างๆ ในหมู่บ้าน รับไปให้ลูกบ้านช่วยกันทำแล้วนำมาส่งที่วัด ผู้ชายส่วนหนึ่งจะมารวมกันที่วัดวังก์วิเวการามเพื่อสร้างเรือจากลำไม้ไผ่ประดับตกแต่งด้วยกระดาษหลากสี 

ในยามหัวค่ำจนถึงเช้ามืดของวันขึ้น 15 ค่ำ ชาวบ้านจะทยอยพากันนำธง ตุง ร่มกระดาษ มาประดับตกแต่งเรือและบริเวณปะรำพิธีอย่างเนืองแน่น พร้อมนำเครื่องเซ่น เช่น กล้วย อ้อย ขนม ข้าว ดอกไม้ ไปวางไว้ในลำเรือ จุดเทียนอธิษฐานให้สิ่งไม่ดี และเคราะห์ร้ายต่างๆ ไปให้พ้นจากชีวิตตน และรับฟังบทสวดอิติปิโส 108 จบ และบทสวดสะเดาะเคราะห์จากภิกษุสงฆ์

 เมื่อถึงเช้าวันแรม 1 ค่ำ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 11 กันยายน 2565 ชาวบ้านก็มารวมตัวกันตั้งเป็นขบวนแห่ มีการเล่นโคม ปล่อยโคมลอยขนาดใหญ่ ประกอบการร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน จากนั้นชาวบ้านทั้งหมดจะช่วยกันลากเรือไปปล่อยกลางน้ำบริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำสามสาย ได้แก่ ซองกาเลีย รันตี และบิคลี่ ที่เรียกกันว่า “สามสบ” หรือ “สามประสบ” นั่นเอง

 

อัพเดทประเด็นที่เป็นกระแส กับ คมชัดลึก เพิ่มเติม ที่นี่
Twitter - https://twitter.com/Kom_chad_luek
Instagram - https://www.instagram.com/komchadluek_online/

คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565 ใครคือ 6 Candidate กับ 8  สาขา Popular Vote  ในครั้งนี้
รู้พร้อมกันที่ คมชัดลึก ทุก Platform https://awards.komchadluek.net/#

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ