พระเครื่อง

กลุ่มผู้ศรัทธา แต่งชุดไทย ล้อมวงกินข้าว ขอพร บ้านเขียวขุนพิกษ์บริหาร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ส่องบ้านเขียวขุนพิทักษ์บริหาร ยามหัวค่ำ ร่วมภารกิจ แต่งชุดไทย ชมรำบวงสรวง ล้อมวงกินข้าว ขอโชคลาภ บนชั้นสองห้องเก็บทรพย์

ในอดีตที่ผ่านมา บ้านเขียว แห่ง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา หรือ บ้านขุนพิทักษ์บริหาร เป็นหนึ่งในหมุดหมายของนักล่าท้าผี ที่ต่างมาลองของ ท้าพิสูจน์ โลกลี้ลับ โลกวิญญาณ  แต่ในปัจจุบันบ้านเขียว ที่เคยมีอาถรรพ์ ความน่ากลัว กลับคืนสู่ สมบัติอันหวงแหนของชุมชน และอำเภอผักไห่ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่หลายคนหลงใหลในศิลปะการออกแบบบ้านในยุค รัชกาลที่ 5 - รัชกาลที่ 6 และยังพื้นที่สาธารณะประโยชน์ของพื้นที่ ในการจัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมต่าง ๆ 

กลุ่มผู้ศรัทธา แต่งชุดไทย ล้อมวงกินข้าว ขอพร บ้านเขียวขุนพิกษ์บริหาร

อย่างไรก็ดี ในกลุ่มคนที่มีความเชื่อ ในความศักดิ์สิทธิ์และเข้มขลังของบ้านหลังนี้ ซึ่งเชื่อว่า ดวงจิตของท่านขุนเจ้าของบ้าน และ ย่าจ่าง ซึ่งเป็นคนในตระกูลเจ้าของบ้านยังวนเวียนอยู่ 

แดดลมลมโชยพร้อมเค้าเมฆฝน ผมพาตัวเองมาถึงหน้าบ้านเขียว ที่ตอนนี้ที่มาถึง ด้านหน้าบ้านคลาคล่ำ ไปด้วยคนที่มีความศรัทธา และอยู่ในชุดไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ต่างยืนพูดคุย ถ่ายรูปเล่นกัน และได้จับกลุ่มสนทนากับ ผู้หญิง คนหนึ่ง ซึ่งโพกผ้าคล้ายจีวรพระอยู่ตรงกลาง ผมได้รับคำแนะนำว่า เธอคือ แม่กระปุกออมสิน 

กลุ่มผู้ศรัทธา แต่งชุดไทย ล้อมวงกินข้าว ขอพร บ้านเขียวขุนพิกษ์บริหาร

เท่าที่จับใจความจากคำบอกเล่า แม่กระปุกออมสินของผุ้มีความศรัทธากลุ่มนี้ ได้มีโอกาสเข้ามาทำธุรกิจในผักไห่ และมาเจอบ้านหลังนี้ตั้งแต่ยังรกร้าง เข้ามาช่วยทำการปรับปรุง ให้สามารถเข้าชมตัวบ้านได้ และยังเคยขอโชคลาภ จนนำปัจจัยมาสร้างศาลขุนพิทักษ์บริหารที่อยู่ด้านข้างบ้านเขียวในปัจจุบัน 

กลุ่มผู้ศรัทธา แต่งชุดไทย ล้อมวงกินข้าว ขอพร บ้านเขียวขุนพิกษ์บริหาร

เมื่อถึงเวลา แม่กระปุกออมสิน ได้ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จุดธูปไหว้บอกกล่าว ท่านขุนที่ศาลด้านหน้า ก่อนจะขึ้นไปบนตัวบ้าน และในตัวบ้านนั้น ก็มีการจะรำบวงสรวง โดย นายรำบำบวง ที่ผมเคยสัมภาษณ์ถึงความน่าสนใจไปก่อนหน้านี้  การรำในวันนี้ คุณเจ ได้บอกว่า เป็นการรำในแบบฉบับอยุธยา ที่ต้องรำด้วยการแสดงนี้

กลุ่มผู้ศรัทธา แต่งชุดไทย ล้อมวงกินข้าว ขอพร บ้านเขียวขุนพิกษ์บริหาร

ก่อนหน้านี้ เขาและแม่กระปุกออมสิน ได้เข้ามาทำพิธีแล้วครั้งหนึ่ง ในมุมความเชื่อ เจบอกว่า เขาถูกจับมือจับแขนให้ร่ายรำ และแม่กระปุกออมสิน ซึ่งผมรู้ในเวลาต่อมาว่า เป็นคนที่ญาณสัมผัส บอกกับ คุณเจ ว่า ย่าจ่าง เป็นคนมาจับมือ เพราะไม่ชอบใจในการร่ายรำประยุกต์ของเขา 

กลุ่มผู้ศรัทธา แต่งชุดไทย ล้อมวงกินข้าว ขอพร บ้านเขียวขุนพิกษ์บริหาร

เป็นความเชื่อที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจ 
 

การแสดงร่ายรำของคุณเจ แบ่งการแสดงสองชุด คือรำบวงสรวงที่ด้านหน้าเก้าอี้โยกของท่านขุนเจ้าของบ้าน ที่ชั้นล่าง และพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ที่ชั้น 2 สาเหตุหลักที่ต้องมาทำกิจกรรมนั้น แม่กระปุกออมสิน กล่าวว่า เพราะเป็นการรับการสื่อสารมาจาก พลังงานในบ้านหลังนี้ อยากให้มีการทำกิจกรรมให้ เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา บ้านหลังนี้ เคยมีกิจกรรมต่าง ๆ ไม่วาจะเป็นการร้องรำทำเพลง รับแขกบ้านแขกเมือง ร่วมทั้งเคยรับการเสด็จพระราชดำเนิน ของ รัชกาลที่ 5 ในคราวเสด็จประพาสต้น 

กลุ่มผู้ศรัทธา แต่งชุดไทย ล้อมวงกินข้าว ขอพร บ้านเขียวขุนพิกษ์บริหาร

จึงมีความประสงค์ รวมกลุ่มคนมีความศรัทธา มาทำกิจกรรม และ ขอพร ในด้านโชคลาภ เพราะทางกลุ่มตั้งใจจะทำการก่อสร้างศาลเจ้าที่หลังใหม่ ทดแทนหลังเดิมที่เล็ก คับแคบ และผุพัง 
 

กลุ่มผู้ศรัทธา แต่งชุดไทย ล้อมวงกินข้าว ขอพร บ้านเขียวขุนพิกษ์บริหาร
เมื่อเสร็จการรำบวงสรวงของ คุณเจ แล้ว ทั้งหมดก็พักผ่อน กินข้าวเย็นกันในบ้านเขียว ซึ่งเป็นภาพที่แปลกตามากสำหรับตัวผม แสงสว่างจากแสงเทียน ที่วับแวม ทำให้อดนึกจินตนาการภาพอดีตของบ้านหลังนี้ในยามค่ำคืน ในยุคที่ไร้ความสว่างจากไฟฟ้า ก็คงจะเป็นแบบนี้ ไม่มากก็น้อย 

กลุ่มผู้ศรัทธา แต่งชุดไทย ล้อมวงกินข้าว ขอพร บ้านเขียวขุนพิกษ์บริหาร
เมื่อข้าวเรียงเม็ด อิ่มท้องกันดีแล้ว กิจกรรมสุดท้ายของวัน ก็เริ่มต้นขึ้น นั่นคือ การเดินขึ้นไป ขอพรโชคลาภที่ชั้นสองของบ้านเขียว โดยกำหนดให้กลุ่มละ 5 คน เนื่องจาก มีคนมาร่วมพิธีจำนวนพอสมควร 

กลุ่มผู้ศรัทธา แต่งชุดไทย ล้อมวงกินข้าว ขอพร บ้านเขียวขุนพิกษ์บริหาร
แสงไฟดวงเดียว ที่ใช้นำทางในบ้านเขียว ด้านในมืดสลัว ผมเดินตามหนึ่งในกลุ่มผู้ศรัทธา ขึ้นไปจนถึงชั้นบน ที่เป็นห้องเก็บสมบัติ หรือ เก็บเงินในอดีต ซึ่งมีรูปท่านขุนและย่าจ่าง ในห้องนั้นมีหีบ หรือ กำปั่น ใบโต ยึดติดกับห่วงโซ่ที่พื้นที่ ซึ่งเป็นวิธีการรักษาความปลอดภัยในยุคนั้น ทุกคนต่างตั้งใจไหว้ขอโชคลาภ โดยใช้คำว่า ขอโชคลาภมาต่อไส้ของลูกหลาน จากนั้น เกือบทุกคนจะต้องทำการยกหีบจนตึงโว่ที่ล็อก เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี 

กลุ่มผู้ศรัทธา แต่งชุดไทย ล้อมวงกินข้าว ขอพร บ้านเขียวขุนพิกษ์บริหาร
จนกลุ่มสุดท้ายลงมาจากบ้านเขียว ผมขอตัวกลับกรุงเทพฯ พร้อมกับความนึกคิด กิจกรรมทางความเชื่อนี้ ต้องใช้ความกล้า ที่จะขึ้นไปบ้านร้าง ที่ได้รับการยืนยันว่า วิญญาณเจ้าของบ้านยังอยู่ และต้องมาวัดกันดูว่า ศาลหลังใหม่จะได้สร้างหลังวันที่ 1 สิงหาคมนี้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับดวงขอแต่ละคน รวมทั้งผม ที่มีเลขอยู่ในมือ.

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ