รู้จัก " นายรำ บำบวง " ร่ายรำบูชาเทพ ผ่านจิตวิญญาณ

ในสังคมโซเชี่ยล ได้มีการส่งต่อภาพและคลิป การแสดงรำบวงสรวงของเพจ ๆ หนึ่ง ซึ่งมีความสวยงามในชุดรำ และดูแตกต่างจากการรำที่เราคุ้นเคย ในชุดไทยต่าง ๆ แฟนเพจนี้ มีชื่อว่า นายรำ บำบวง  

เมื่อได้เข้าไปดูภาพการร่ายรำต่าง ๆ ก็พบความน่าสนใจมากขึ้น ทั้งการครีเอทชุดรำ ที่มีความวิจิตร งดงาม และมีการเลือกสรรชุดให้เข้ากับสถานที่ ที่จะมีการรำบวงสรวง จึงยิ่งทำให้เกิดความสนใจใคร่รู้ว่า ชายคนนี้คือใคร และที่มาที่ไปเป็นอย่างไร 

นายรำ บำบวง  หรือ พณัสศิริคเณศร์ ไชยวงศ์ ซึ่งจะขอเรียกสั้น ๆ ว่า เจ คือ ชายในรูปการณ์ร่ายรำ ที่อยู่บนแฟนเพจ  การสนทนาครั้งนี้ จึงเป็นการสนทนาเกี่ยวกับโลกการร่ายรำ นาฏศิลป์ และ จิตวิญญาณ 

ความถามแรกที่เริ่มต้น คือ ที่มาที่ไปของชีวิต เจ ไม่ได้เริ่มต้นจาก ความเชื่อ ความศรัทธา แต่เขา ก็คือ บุคคลธรรมดา ที่ใช้ชีวิต แบบคนทั่วไป ทำงาน กิน เที่ยว ปกติ เจ เริ่ม ประโยคการสนทนาว่า ความเป็นจริง ชีวิตส่วนตัว เป็นที่ไม่ได้มีความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ หรือ เรื่องเกี่ยวกับองค์เทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาก่อน แต่ชีวิตเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ ที่ผ่านมาก็ทำงานแบบคนปกติ แต่ส่วนตัวมีความชื่นชอบการแสดงในลักษณะการเต้นมาก่อนเป็นทุนเดิม เคยเรียนการเต้นระบำแบบลาติน ส่วนสมัยเด็ก ๆ ก็เคยรำมาบ้าง แต่ทิ้งมานานมาก เพราะไม่ได้มีพื้นที่ให้ได้มีโอกาสแสดง

จนช่วงชีวิต เรียกว่าเข้าสู่ความตกต่ำก็ว่าได้ มันเริ่มจากช่วงโควิดระลอกแรก เพราะงานที่ทำเป็นงานที่เป็นธุรกิจเกี่ยวกับอีเว้นท์ต่างประเทศ พอหมดที่พึ่ง ก็เหลือเพียงที่พึ่งจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การขอพร พอเราเชื่อแบบนั้น  ก็ได้มีโอกาสพบปะคนทำงานสายบุญมากขึ้น ในจังหวะนั้น ยอมรับว่า ส่วนตัวไม่มีเงิน แต่ขอใช้ทักษะในการรำเป็นการร่วมถวาย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ นายรำ บำบวง 
 

“เมื่อมีคนเห็นผลงานในการรำถวาย มีคนชื่นชอบในตัวงาน ก็มีการติดต่อให้ไปรำบวงสรวงในที่ต่าง ๆ เมื่องานมากขึ้น รายได้ก็มีเกิดขึ้น แต่ยอมรับว่า ในตอนที่รำนั้น ไม่ได้คิดว่า จะมีเรื่องของจิตวิญญาณ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมเข้ามาด้วย 
เพราะส่วนตัวคิดว่า เรารำมันก็คือการรำ แค่นั้น เรารำได้เราก็รำถวาย แล้วในช่วงโควิด ที่เรารู้กันว่า การหาเงินจากหน้าที่การงานอื่น ๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้ จึงมีแค่งานรำเท่านั้น ที่จะช่วยตัวเราได้ และมีอาจารย์หนุ่ม หมอดูเทวดา  ท่านมีความชื่นชอบในการรำของเรา จึงได้มีโอกาสมาเป็นนายรำประจำตัวของท่าน ในการทำพิธีต่าง ๆ จนเมื่อมีผลงานมากขึ้น เราก็โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวมาตลอด เพื่อนก็ทักว่า ทำไมไม่ทำแฟนเพจขึ้นมา เพื่อเป็นการนำเสนอผลงาน และที่สำคัญ ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องจิตวิญญาณ เราเพียงคิดว่า เป็นงาน ๆ หนึ่งเท่านั้น   และได้เริ่มต้นทำเพจขึ้นมา "

และความแปลกสำหรับตัวเจ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เมื่อมีการทักด้วยคำพูดประมาณว่า รำด้วยจิตวิญญาณแท้  หรือรำสื่อจิตวิญญาณ  แม้จะยังไม่เข้าใจในความหมาย เจ ก็ยังเดินหน้าทำหน้าที่ตนต่อไป ด้วยความสร้างสรรค์ ทำให้กระแสตอบรับดี ชุดการแสดงที่ เจ ได้คิดสร้างขึ้น และสิ่งที่ทำให้ขบคิด คือ การหนักร่างกายในการรำ จึงพยายามหาคำตอบจากครูบาอาจารย์ ซึ่งได้คำตอบว่า การรำที่เรารำนั้น ไม่ใช่เพียงการแสดงการรำถวายครูบาอาจารย์เท่านั้น แต่เป็นเสมือนหนึ่ง กึ่ง ๆ ร่างทรง ที่ให้เทวดา ได้ใช้ในการร่ายรำ 

เวลาที่ท่านร่ายรำ ก็เป็นเสมือนการปลดปล่อยพลังออกมา ซึ่งการเป็นร่างรำ เป็นสิ่งที่สิง่ศักดิ์สิทธิ์ท่านเลือกร่างนั้นมา เพื่อที่จะใช้ร่างในการร่ายรำเพื่อแสดงบารมี แต่ในครั้งแรกจากความสงสัยว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า การแสดงครั้งไหน หรือการรำครั้งใด มีเทวดาท่านมาเทียบไม่เทียบเพื่อร่ายรำ ครูบาอาจารย์ท่านยังไม่ได้ให้คำตอบ จนเราได้ศึกษาเอง ทำแม้กระทั่งที่ว่า ตามปกติร่างทรง ถ้าเทพจะทรงจะมีอาการสั่น ซึ่งมันก็ไม่มี ทำให้เราสงสัยอีกว่า มันจะมีจริงหรือไม่ กับการที่เทวดาจะมาใช้ร่างกายเราในการร่ายรำ แต่ก็พยายามจับความรู้สึก จับจุดตัวเองมาเรื่อย ๆ จนเมื่อได้เรียนรู้ จนจับความรู้สึกได้ว่า ถ้าในการรำครั้งไหนมีเทวดามาร่ายรำ เราจะรู้สึกขนลุก

และรู้สึกถึงพลังงานจากด้านหลังของเราบ้าง และสิ่งที่จะไม่สามารถควบคุมได้เลย คือสีหน้า และการรรับรู้เรารับรู้หมด การเคลื่อนไหว การร่ายรำต่าง ๆ เสียงดนตรี เรารับรู้ทั้งหมด รวมทั้งลีลาท่าทาง ที่เราจะไม่สามารถควบคุมได้ จะมีสิ่งที่อธิบายไม่ได้ สื่อสารเข้ามาภายใจจิตเราให้เราร่ายรำท่าต่าง ๆ ออกไป เพื่อจะสื่อความหมายแบบนี้ จะเต้องโปรยดอกไม้แบบนี้ ต้องโปรยเหรียญให้กับคนร่วมงาน เป็นสิ่งที่เราจะทำตามไปเอง ทำให้เราเข้าใจว่า สิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าเทวดามาใช้ร่างของเรา ในการร่ายรำ 

เมื่อฟังคำตอบ เจ มาถึงตรงนี้ จึงได้ถามต่อไปว่า มองหรือไม่ว่า การทำหน้าที่นายรำตรงนี้ เป็นเสมือนผู้สื่อจิตวิญญาณ เจ ก็ได้ให้คำตอบว่า การทำหน้าที่ตรงนี้ เป็นเสมือนการช่วยเหลือผู้คนในทางอ้อม เพราะหลายครั้ง เจ้าภาพบอกว่า ซึ่งที่เขาขอ ได้สำเร็จผลตามที่ขอ ไม่ว่าจะเป็นโชคลาภ การค้าการขาย เจ้าภาพหลายคนก็มีเสียงตอบรับที่ดี เหมือนเป็นแรงส่งให้สิ่งที่เขาขอ ได้ผลสำเร็จ

บางคนก็บอกว่า เจอนางรำมาหลายคน แต่พอเราไปรำ ก็ประสบผลสำเร็จตามที่ต้องการ และอย่างที่บอกเราไม่ใช่เป็นเพียงการร่ายรำ แต่เราเป็นเสมือนการสร้างพลังงานบางอย่างให้กับเทวดา ให้เทวดามีความสุข ได้บุยได้กุศล แล้วก็จะส่งผลให้มนุษย์ได้สำเร็จตามปรารถนา ทุกคนเราเชื่อว่ามีหน้าที่ต่าง ๆ เพื่อให้มาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ การรำก็เป็นเสมือนหน้าที่ทางอ้อมที่จะช่วยให้ การร้องขอต่อเทวดา ประสบผลสำเร็จ การทำตรงนี้ทำให้เรามีชื่อเสียงมากขึ้น จึงทำงานตรงนี้อย่างจริงจัง .