ประวัติ"หลวงปู่ลอง"แห่ง วัดวิเวกวายุพัด เจ้าตำรับ ต่อเส้นวาสนา เหรียญจุฬา

วัดวิเวกวายุพัด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อนัก แต่ถ้าคนที่สนใจในเรื่องของวัตถุมงคล จะคุ้นเคยและรู้จักเป็นอย่างดี 

แต่ในอีกแง่มุมในทางประวัติศาสตร์ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เนื่องด้วยวัดแห่งนี้ เป็นวัดที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างขึ้น หลังจากทำผาติกรรม วัดแหลม หรือ วัดไทรทอง เดิม แล้วสถาปนา วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร อาคารต่าง ๆ จากวัดแหลม

ได้ทรงสั่งให้นำมาสร้างวัดที่บางปะอิน ใกล้กับพระราชวังบางปะอิน บริเวณคลองจิก ซึ่งมีสภาพที่เงียบสงบ มีอากาศที่ดี แล้วทรงพระราชท่านนามวัดว่า วัดวิเวกวายุพัด  มีการสร้างเจดีย์ ราชูทิศเจดีย์เป็นสัญลักษณ์ สร้างพระประธานทองคำ แต่ภายหลังถูกโจรกรรมไป วัดแห่งนี้ มีระบุใน หนังสือ เรื่อง สี่แผ่นดิน ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ว่า ในช่วงที่มีการแปรพระราชฐาน เหล่านางในจะมาทำบุญกันที่วัดแห่งนี้ 

และวัดแห่งนี้ก็มีเกจิอาจารย์ ที่หลายคนให้ความนับถือ และชาวจีนต่างเดินทางมาขอพึ่งบารมีท่านอย่างต่อเนื่อง 

นั่นคือ หลวงปู่ลอง สิริธโร 

สำหรับหลวงปู่ลอง นั้น ท่าน เป็นหลานแท้ๆ ของหลวงปู่พริ้ง อินทโชติ วัดบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ หนึ่งในพระอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หลวงปู่ลองท่านอยู่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดที่วัดบางปะกอก จนกระทั่งหลวงปู่พริ้งสิ้นบุญ 

ท่านมีนามเดิม “ประลอง วรรณสว่าง” เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 11 ก.ย. 2474 ปีมะแม ที่บ้านบางปะกอก ต.บางปะกอก อ.ราษฎร์บูรณะ จ.ธนบุรี ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา แต่ค่อนข้างมีฐานะดีและมีความผูกพันกับพระพุทธศาสนา เนื่องจาก หลวงปู่พริ้ง อินทโชติ วัดบางปะกอก พระเกจิชื่อดังยุคอินโดจีน ซึ่งเป็นปู่ของหลวงปู่ลอง เอ็นดูเป็นพิเศษ จึงบวชเณรให้ตั้งแต่วัยเด็ก ได้รับการปลูกฝังให้อยู่ในร่มธรรม มีโอกาสได้ฟังธรรมและศึกษาเล่าเรียนทั้งภาษาไทย-บาลี จนแตกฉาน

นอกจากนี้ หลวงปู่ลองมีความสนใจทางด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน จึงฝึกฝนทางด้านนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งเรียนด้านวิทยาคมเพิ่มเติมจากหลวงปู่พริ้งจนหมด

และด้วยความสนใจของท่านนั้น สำนักใดมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิทยาคม ขณะนั้น ท่านจะไปศึกษาและออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งยังมีโอกาสเข้ากราบพบหลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด และฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชาต่างๆ จนปฏิบัติได้จริง   ต่อมาท่านได้ลาสิกขา ออกไปเป็นทหาร ในยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

ก่อนที่ท่านจะกลับมาอุปสมบทอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2510 ณ พัทสีมา วัดบางปะกอก มี พระครูโอภาสศีลคุณ วัดบางปะกอก เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูวินัยธรทองใบ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์แขม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “สิริธโร”
ด้วยท่านมีความรู้ในด้านวิทยาคมและวิชาแพทย์แผนโบราณ หลวงปู่ลองได้นำมาสงเคราะห์ชาวบ้านในสมัยนั้น  ต่อมา หลวงปู่ลอง ได้ออกธุดงค์ไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้จำพรรษาที่ใดที่หนึ่ง  กระทั่งรับนิมนต์มาอยู่จำพรรษาวัดวิเวกวายุพัด โดยจำวัดอยู่ข้างเมรุ ซึ่งสภาพวัดสมัยนั้นเงียบสงบ เหมาะต่อการปฏิบัติธรรม

สภาพวัดวิเวกพายุพัดสมัยนั้น ทรุดโทรมอย่างมาก หลวงปู่ลองจึงได้เริ่มจัดสร้างวัตถุมงคล ให้ผู้คนมาร่วมทำบุญ เพื่อทำการบูรณะวัด 
วัตถุมงคลเด่น ๆ ที่หลายคนรู้จัก และให้ความนิยม เช่น เหรียญต่อเส้นวาสนา ซึ่งหลวงปู่ลองได้ให้ความรู้ว่า ลายมือคนนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา มีจังหวะขึ้นและจังหวะลง ซึ่งหลวงปู่ลอง ได้ใช้วิชาความรู้ มาประยุกต์ และสร้างวัตถุมงคลต่อเส้นวาสนาขึ้น เพื่อให้ลายมือนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลง รับแต่ความเป็นมงคลอยู่ตลอด 

ตะกรุดเมียมาก เป็นอีกวัตถุมงคล ที่หลายคนนิยมบูชา เนื่องจากหนุ่ม ๆ หลายคนในสมัยนั้น ได้บูชาได้ใช้ แล้วได้ผล จึงทำให้ได้รับนิยมอย่างกว้างขวาง แต่ในความเป็นจริงตะกรุดนี้ ชื่อตะกรุดเมตตา แต่พอไปใช้แล้วได้ผล คนจึงเรียกตะกรุดเมียมาก 

ว่าวจุฬายกดวง วัตถุมงคลที่หลวงปู่ลอง สร้างตามที่หลวงปู่พริ้ง ท่านได้สอนวิชาให้ โดยการใช้ว่าวจุฬา เพื่อเป็นการยกดวงไม่ให้ตกต่ำ ทำอะไรชนะหมด ว่าวตัวไหนก็แพ้ ว่าวจุฬาตัวใหญ่ ว่าวจุฬาขึ้นฟ้าไม่มีตก หลวงปู่ลงหัวใจหลัก สิทธิกิจจัง การงานสำเร็จ สิทธิกำมัง คิดอะไรสำเร็จ สิทธิลาโภ มีลาภตลอดกาล ชะโยนิจจัง มีอำนาจบารมี ยังลงหัวใจเพิ่มเติม ร่ำรวย มีโชค มีลาภผลดี ช่วยคุ้ม ช่วยค้ำไว้ ปกป้องรักษา ค้ำคูณอุดหนุนดวง รักษา ไม่ให้ตกต่ำ มุ่งประโยชน์ ความสุข ความเจริญ ให้ไม่ตกไม่ให้ต่ำ ไม่ให้ย่ำแย่ ให้มีแต่ความผาสุก ความเจริญ ได้ยศได้ลาภ ได้ความสำเร็จสมหวัง แคล้วคลาด ปลอดภัย สำเร็จ สมหวัง แก่ท่านเจ้าของเหรียญ

ส่วน ฉายา เสือบางปะอิน เป็นคำเรียกจากหลวงปู่มี วัดมารวิชัย ที่ท่านได้เรียกหลวงปู่ลองในชื่อนี้ แนะนำให้ผู้คนมาสักการะท่าน

ใครสนใจก็ลองไปกราบขอพร ขอความรู้ทางธรรม ความรู้กัมฐานกับท่านได้ บางปะอินก็แค่ปากซอย.